|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การฝึกทิพจักขุญาณกับการฝึกทิพโสต ใช้วิธีเหมือนกันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เหมือนกัน วิธีฝึกทิพโสตนั้น ถึงเวลานั่งสมาธิจนใจสงบแล้ว ให้ตั้งใจกำหนดฟังสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้างของเรา เริ่มจากเสียงที่ดังที่สุดก่อน พอชัดเจนแล้ว ให้กำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นให้ชัดเจนขึ้น..แล้วกำหนดรู้เสียงที่เบากว่านั้นอีกให้ชัดเจนขึ้น กำหนดรู้เสียงที่เบากว่าลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียงยุง เสียงแมลง ร้องดังเหมือนกับออกลำโพง หลังจากนั้นก็ขยายวงสมาธิออกไป จากที่เอาเฉพาะในห้องของเรา ก็อาจจะเป็นทั้งบ้าน พอทั้งบ้านได้แล้วก็อาจจะเป็นในเขตบริเวณของบ้าน หลังจากนั้นก็ขยายออกไปข้างบ้าน ขยายออกไปทั้งซอย ค่อย ๆ ขยับไปตามความคล่องตัวที่เกิดขึ้น ต่อไปจะเอาแบบข้ามโลก ข้ามภพ ข้ามภูมิก็จะไปได้ ถาม : ไม่เกี่ยวกับการจับภาพพระ ? ตอบ : จับภาพพระให้ใจนิ่งก่อน แล้วค่อยไปฝึกการฟัง ถ้าฝึกสำเร็จแล้วอาจจะรำคาญเสียงไปเลยก็ได้ ถาม : แล้วเป็นไปได้ไหมคะว่า วิธีฝึกระหว่างทิพจักขุญาณและทิพโสตจะต่างกัน แต่อารมณ์คล้ายกัน ? ตอบ : ท้ายสุดจะไปลงตรงนั้น ลงที่เดียวกัน ถ้ามีพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว ก็จะไปลงของเก่าเอง เป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ส่งพระที่วัดไปเรียน ป.วภ.(ประกาศนียบัตรวิปัสสนาภาวนา) ก็คือ พระครูน้อยกับอาจารย์สมพงษ์ หลังจากที่ท่านนั่งกรรมฐานผ่านไปเดือนกว่า ๆ พออาตมาไปถึงที่นั่นก็ไปเลี้ยงพระ พระครูน้อยพอฉันเสร็จท่านก็มาชวนคุย "อาจารย์ครับ..ผมท่าจะบ้าแล้ว" ถามว่าทำไม ? "วันก่อนยุงกัดผม ผมก็เลยแกล้งตบ ยุงหล่นพลั่กลงไปกับพื้น มันบ่นว่าตีกูทำไมวะ ? ผมก็เลยบอกว่า ก็มึงกัดกูก่อนนี่หว่า..ยุงก็เลยตุปัดตุป่อง สะบัดก้นบินไปเลย" ส่วนอาจารย์สมพงษ์อยู่เข้าอบรมกรรมฐานไปเดือนกว่า ๆ ก็คิดจะหนีกลับ พอคิดว่าจะหนีกลับ นกกางเขนที่บินผ่านมาร้องว่า "ขี้แพ้ ๆ ๆ" ท่านก็เลยต้องกัดฟันทนอยู่ต่อ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:37 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ที่นั่นช่วงตีสามครึ่งจะต้องเตรียมพร้อม เพราะว่าตีสี่เขาจะตีระฆังเพื่อเข้าสู่วงจรในการปฏิบัติ พระครูน้อยตื่นสายไปหน่อย เกือบจะตีสี่แล้ว แต่งตัวไม่ทัน รีบเข้าห้องน้ำ คว้าขันจะล้างหน้า นกที่ตื่นแล้วร้องว่า "สายแล้ว ๆ ๆ" พระครูน้อยบอกว่า "รอกูล้างหน้าก่อนสิวะ.."
วิสัยเดิมของท่านมีอยู่ คือความเป็น นิรุกติปฏิสัมภิทา ถ้าจิตสงบได้ที่ จะสามารถฟังภาษาคน ภาษาสัตว์รู้เรื่อง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ถ้าหากคนที่ไม่มีพื้นฐานเก่าลักษณะอย่างนี้ ทำไปเป็นแสนชาติก็ยังไม่ได้เลย ถาม : แล้วที่บอกว่า ปฏิบัติไปแล้วจะมีสัมผัสความเป็นทิพย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หนูไม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนอื่นเขา นี่แสดงว่าไม่มีพื้นฐานเก่า ? ตอบ : เราลองมานึกดูว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าท่านก็ตั้งพระที่มีความสามารถต่างกัน ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระที่อยู่กับพระพุทธเจ้าตอนนั้นเป็นพัน ๆ รูป ก็มีแค่พระอนุรุทธองค์เดียว ที่สามารถติดตามได้ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าดำรงจิตอยู่ในสภาวะไหน ก็แปลว่าไม่ใช่จะได้กันทุกคน แม้กระทั่งพระโมคคัลลาน์เห็นกากเปรตและอหิเปรต ท่านก็ยิ้ม พระลักขณะถามว่า "ท่านยิ้มอะไรหรือ ?" พระโมคคัลลาน์ท่านก็บอกว่า "ให้ไปถามเราต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า" เมื่อเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่กราบไหว้ปฏิสันถารกันเรียบร้อยแล้ว พระลักขณะก็ถามว่า "ดูก่อน..โมคคัลลาน์ ที่ท่านกล่าวตอนอยู่ที่เขาคิชฌกูฏว่า ให้ถามต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ว่าท่านยิ้มเพราะอะไร บัดนี้เราขอถามว่าท่านยิ้มเพราะอะไร ?" พระโมคคัลลาน์จึงได้กล่าวว่า "เพราะเห็นเปรตที่อยู่ในร่างของอีกา กับเปรตที่อยู่ในร่างของงูโดนไฟลุกท่วมอยู่" พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า "ที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เปรตทั้งสองนี้ แม้ในวันที่บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตถาคตก็เห็นแล้ว แต่ที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะไม่มีพยาน ในเมื่อโมคคัลลานะได้กล่าวถึงเป็นพยานได้ ตถาคตขอรับรองว่าสิ่งที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูก" จะเห็นว่าไม่ใช่ทุกคนทั้งหมดจะเห็น แต่ว่าที่ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดก็คือความเป็นพระอริยเจ้า โดยเฉพาะความเป็นพระอรหันต์ ก็แปลว่าจบปริญญามาเหมือนกัน แต่คนนี้อาจจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับสอง คนนั้นไม่ได้อะไร แค่จบเฉย ๆ ส่วนคนนั้นอาจารย์ต้องถีบให้จบด้วย เราต้องเห็นว่า ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จงยินดีและพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แล้วจะมีความสุข พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์ วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:42 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|