กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-07-2024, 19:47
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-07-2024, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,429 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานพิธีสามีจิกรรมพระเถระ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มา ซึ่งพิธีกรรมนี้ในสมัยโบราณก็คือ ช่วงที่พระภิกษุจำพรรษา ต้องไปรายงานตัวกับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ว่า ปีนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ? อยู่กับใคร ? ถ้าหากว่ามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ก็จะได้รู้ว่าต้องไปช่วยที่ใด ? อย่างไรบ้าง ? คราวนี้เมื่อมาถึงยุคสมัยนี้ ก็มีการเพิ่มเจ้าคณะปกครองเข้ามาด้วย อย่างที่ท่านทั้งหลายเมื่อวันอาสาฬบูชา ก็ได้ทำสามีจิกรรมกับกระผม/อาตมภาพไปแล้ว

พิธีนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายต่อหลายประการด้วยกัน อันดับแรกก็คือได้สามัคคีธรรม เราต้องไม่ลืมพระพุทธพจน์ที่กล่าวว่า สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีในหมู่คณะย่อมทำให้เกิดสุข

ในเรื่องของพระพุทธศาสนาของเราไม่ใช่เรื่องของบุคคลคนเดียว แต่เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์ไทย คณะสงฆ์จีนนิกาย คณะสงฆ์อนัมนิกาย เนื่องเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นนิกายใดก็ตาม ก็คือศาสนบุคคลในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่ามีความสามัคคีรักใคร่กลมเกลียวกัน พระพุทธศาสนาของเราก็จะเจริญมากขึ้น

ลำดับต่อไปก็คือเป็นการปฏิบัติตามภิกขุอปริหานิยธรรม ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าคำว่า อปริหานิยธรรม คือธรรมที่ปฏิบัติแล้วไม่มีวันเสื่อม มีทั้งในส่วนของพระภิกษุและฆราวาส โดยที่มีหมวดละ ๗ หัวข้อคล้ายคลึงกันมากหลายหมวดด้วยกัน แต่ว่าหมวดสุดท้ายคือสาราณียธรรมนั้นมีแค่ ๖ หัวข้อ

การปฏิบัติตามอปริหานิยธรรมนั้น ของพระภิกษุเรามีข้อหนึ่งที่ระบุไว้ชัดเจนว่า พระสงฆ์ผู้เป็นพระเถระ เป็นสังฆบิดร เป็นสังฆปริณายก พึงฟังคำของท่านและน้อมนำไปปฏิบัติตามด้วยความเคารพ ก็แปลว่าสิ่งที่เราไปทำสามีจิกรรมและรับโอวาทจากพระเถระเจ้าคณะปกครอง โดยเฉพาะในเขตคณะสงฆ์ภาค ๑๔ นั้น เรามีที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค มีที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด น่าจะมากที่สุดในประเทศไทย

เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ นั้น นอกจากท่านจะมีความเคารพบรรดาเจ้าคณะปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูบาอาจารย์ที่เกษียณอายุไปแล้ว ท่านยังเห็นประโยชน์ว่าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นผู้สั่งสมประสบการณ์ไว้มาก เป็นรัตตัญญูบุคคล จึงควรที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา และท่านก็ใช้งานที่ปรึกษาจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2024 เมื่อ 05:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-07-2024, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,429 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาพระเถระเจ้าคณะปกครองที่เกษียณอายุไปแล้ว แต่ละท่านสั่งสมประสบการณ์มาอย่างต่ำ ๆ ก็ ๔๐ - ๕๐ ปี หลายท่านถ้าบวชตั้งแต่อายุครบบวชจนเกษียณอายุของพระก็เกิน ๖๐ ปี ความรู้ทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่มีการถ่ายทอดต่อ ก็จะหมดไปกับตัวท่านเอง อย่างที่โบราณใช้คำว่า ของกินถ้าไม่กินก็เน่า เรื่องเล่าถ้าไม่เล่าก็ลืม

ข้อต่อไปก็คือเป็นการปฏิบัติตามสาราณียธรรม คือธรรมอันยังให้บุคคลระลึกถึงกัน ก็คือจะทำอะไรก็ทำด้วยเมตตา จะพูดอะไรก็พูดด้วยเมตตา จะคิดอะไรก็คิดด้วยเมตตา ในเมื่อมีความเมตตารักใคร่สามัคคีกัน มีอะไรผิดพลาดก็ตักเตือนกัน อะไรที่ทำแล้วถูกต้องดีงามก็ชมเชยกัน บรรดาผู้น้อยก็ย่อมมีกำลังใจที่อยากจะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น เพราะว่าผู้ใหญ่เห็นคุณค่าเห็นความสามารถ

แล้วยังเป็นการปฏิบัติตามวุฒิธรรม ๔ ประการอีก โดยเฉพาะในส่วนของสัปปุริสูปสังเสวะ การคบหาสัตบุรุษ ก็คือผู้รู้ และสัทธัมมัสสวนะ คือรับฟังธรรมด้วยความเคารพ โยนิโสมนสิการ ตรึกตรองด้วยความแยบคายแล้ว ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ก็คือนำมาปฏิบัติให้สมควรแก่ธรรมนั้น ๆ นี่กล่าวเอาเฉพาะในส่วนที่ชัดเจนที่สุด ว่าพิธีสามีจิกรรมของคณะสงฆ์นั้นตรงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง

โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ของเราเคารพกันด้วยพรรษา ไม่ได้เคารพกันที่ยศศักดิ์อัครฐานใด ๆ ทั้งสิ้น
ในเรื่องของสมณศักดิ์เป็นพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านพระราชทานให้เพื่อความสะดวกในการทำงานคณะสงฆ์ ในการปฏิบัติภาระธุระในพระพุทธศาสนาแทนพระองค์ท่าน แต่ว่าพระเราก็ยังคงเคารพกันด้วยอายุพรรษาเป็นหลัก เราจะเห็นว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง รูปปัจจุบัน ถ้าเจอพระเถระที่อายุกาลพรรษามากกว่า ท่านจะกราบก่อนทุกครั้ง จะไม่มีการไปนั่งยืดว่าข้าเป็นสมเด็จพระราชาคณะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2024 เมื่อ 05:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-07-2024, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,429 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เป็นประเพณีในพระพุทธศาสนา สืบทอดกันมานานจนกลายเป็นวัฒนธรรมอันดีงาม ถ้าหากว่าเอาตามศัพท์สมัยใหม่ก็คือเป็น "วัฒนธรรมองค์กร" อย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่าเป็นองค์กรพระพุทธศาสนาเท่านั้น แล้วเป็นองค์กรที่มหัศจรรย์มาก เพราะว่าองค์กรนี้บริหารด้วยบริขาร ๘ เท่านั้น ก็คือ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร ประคดเอว หม้อกรองน้ำ มีดโกน เข็มและด้าย ใช้งบประมาณเพียงน้อยนิด แต่บริหารองค์กรประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่มาก เป็นองค์กรที่ยืนยาวมา ๒,๕๖๐ กว่าปีแล้ว..!

ดังนั้น..ในส่วนของความดีความงามในพระพุทธศาสนานั้น เป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลายต้องช่วยกันรักษาเอาไว้ อะไรที่ดีงามเราก็รักษาของเก่าไว้ อะไรที่สามารถปรับปรุงเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เราก็ปรับปรุงโดยไม่ให้เสียแก่นแท้ ถ้าทำแบบนี้ พระพุทธศาสนาของเราก็จะทันสมัยและเจริญรุ่งเรืองได้

อย่างที่ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีการเผยแผ่ธรรมในสารพัดวิธีตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ มีทั้งออกเป็นรายวัน ออกเป็นรายวันพระ หรือว่าออกทุกวัน เพียงแต่ว่าเราท่านทั้งหลาย อย่างน้อยต้องมีความรู้เก่าที่ครูบาอาจารย์สั่งสอน หรือว่าศึกษาตามพระไตรปิฎกมาในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายกล่าวถึง และสามารถหาได้ในสื่อโซเชียลต่าง ๆ อย่างง่ายดายนั้น อะไรเป็นธรรมแท้ อะไรเป็นสัทธรรมปฏิรูป

ก็แปลว่าการที่เราจะแยกแยะของแท้ออกจากของเทียมได้ เราต้องมีพื้นฐานในระดับหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระดับที่ถึงเวลาแล้วต้องสามารถแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ ใครมีอะไรสงสัย ข้องใจ ต้องสามารถชี้แจงให้ชัดเจนได้ จึงกลายเป็นภาระของพุทธบริษัททั้ง ๔ คือภิกษุ ภิกษุณี ซึ่งปัจจุบันนี้อนุโลมเอาแม่ชีเข้าไปแทน อุบาสก อุบาสิกา ต้องตั้งหน้าตั้งตาศึกษาและปฏิบัติธรรมให้เกิดผลอย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2024 เมื่อ 05:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-07-2024, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,429 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในยมกปาฏิหาริย์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงฤทธิ์ จะเห็นว่าบรรดาพระอัครสาวกก็ดี พระมหาสาวกก็ดี ปกติสาวกก็ดี ทั้งภิกษุและภิกษุณีขออาสาแสดงแทน พระองค์ไม่อนุญาต สามเณรสามเณรีที่ได้อภิญญา ๕ อภิญญา ๖ ขอแสดงแทน พระองค์ก็ไม่อนุญาต อุบาสกอุบาสิกาที่ได้อภิญญา ๕ อภิญญา ๖ ขอแสดงแทน พระองค์ก็ไม่อนุญาต เพราะว่ายมกปาฏิหาริย์ นั้นเป็นสิ่งเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

ในเมื่อสมัยโน้นไม่ว่าจะเป็นพระเถระ
พระมัชฌิมะ พระนวกะ สามเณรสามเณรีและญาติโยมทั้งหลาย ต่างสามารถรับภาระธุระในพระพุทธศาสนา อาสาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนได้ เราท่านทั้งหลายต้องมาตรึกตรองว่า ในปัจจุบันนี้ เรามีความสามารถสักส่วนเสี้ยวของคนโบราณหรือไม่ ? ควรที่จะเร่งรัดตนเองให้มากยิ่งกว่านี้หรือไม่ ? ไม่เช่นนั้นแล้วเราอาจจะเป็นแค่ทัพพีที่คาหม้อแกงอยู่ กี่ปีกี่ชาติก็ไม่รู้รสว่าแกงนั้นรสชาติเป็นอย่างไร ? เพราะว่าไม่เคยเข้าถึงวิมุติรสของพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2024 เมื่อ 05:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว