#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อวานนี้วันที่ ๑๐ กระผม/อาตมภาพได้บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนทั้งภาคเช้าและภาคค่ำ ญาติโยมหลายท่านก็ยังไม่รู้ สงสัยว่าเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันที่ ๑๐ ทำไมขึ้นมาอีก ๑ รอบ เป็นเพราะว่าผู้อัพลงยูทูบทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ? ความจริงถ้าสังเกตก็จะเห็นว่ามีวงเล็บอยู่ ว่าเป็นภาคเช้าช่วงทำบุญ และเป็นภาคค่ำ ช่วงเวลาปกติของเรา
สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพได้ออกจากวัดตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะได้ขอสัตตาหกรณียะกับทางคณะสงฆ์ เพื่อที่จะได้กระทำภารกิจที่ต่อเนื่องกันอีกแล้ว จากนั้นก็วิ่งไปยังวัดอู่ล่อง เพื่อร่วมงานอายุวัฒนมงคลอายุ ๕๙ ปี ของท่านพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ (วิสุทธิ์) เจ้าอาวาสวัดอู่ล่อง เจ้าคณะตำบลท่าขนุนเขต ๑ เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้เจริญพระพุทธมนต์ในงานอายุวัฒนมงคลและร่วมอัญเชิญยอดฉัตรสวมพระเจดีย์ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพต้องตรงไปยังวัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี เพื่อที่จะร่วมงานประชุมอบรมพระนวกะ ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอสังขละบุรี ซึ่งจัดเป็นอำเภอสุดท้าย ใน ๑๓ อำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้นได้ตั้งใจเอาไว้ว่า จะไปงานอบรมพระนวกะของทุกอำเภอให้ครบถ้วน แต่ว่ายังไม่สามารถที่จะทำได้ครบถ้วนเลยสักปีเดียว มีปีนี้เท่านั้นที่มีโอกาสจะทำได้ครบถ้วน แต่ว่าการที่จะบรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพิธีกรว่าจะนิมนต์ให้ขึ้นบรรยายตอนไหน ไม่สามารถที่จะควบคุมเวลาได้ จึงได้เข้าถวายมุทิตาสักการะท่านพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ล่วงหน้าตั้งแต่ ๗ โมงเช้า จากนั้นก็วิ่งฝ่าฝนตรงไปยังวัดวังก์วิเวการาม หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่า "วัดหลวงพ่ออุตตะมะ" เมื่อทำพิธีเปิดโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี และท่านได้บรรยายถวายความรู้ไปแล้ว พิธีกรก็ได้นิมนต์พระเถระ เจ้าคณะปกครองระดับสูง ทั้งรองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ ตามลำดับไป จนกระทั่งถึงเวลา ๑๐.๔๐ น. จึงได้นิมนต์กระผม/อาตมภาพขึ้นบรรยายถวายความรู้ ให้แก่พระนวกะในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอสังขละบุรี เนื่องจากทุกท่านมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเวลาน้อยหรือว่าเวลามาก กระผมก็สามารถที่จะบรรยายถวายความรู้ให้ได้น้ำได้เนื้อ จะเป็นสั้นหรือว่ายาว ก็ไม่เคยมีปัญหา แต่เนื่องจากว่าพระเถระได้บรรยายถวายความรู้ไปก่อนแล้วถึง ๔ รูปด้วยกัน ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่มีความคล่องตัวจริง ๆ ก็จะมีปัญหาว่า "เราควรที่จะพูดเรื่องอะไรดี ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2022 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีปัญหาตรงนี้ ได้บอกกล่าวต่อพระนวกะทั้งหลายของคณะสงฆ์อำเภอสังขละบุรีว่า ท่านทั้งหลาย ๙๙ เปอร์เซ็นต์มีเชื้อชาติมอญ มอญเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่มาก่อน อาณาจักรตะโทง หรือที่คนไทยเรียกว่าสุธรรมวดีนั้น เจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ไพศาลด้วยพระพุทธศาสนา จนกระทั่งอาณาจักรพุกามของชาว "เผี่ยว (Pyu)" เห็นความเจริญของอาณาจักรมอญแล้ว ทราบว่าเป็นไปเพราะมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักชัย จึงได้ส่งทูตมาขอพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ที่อาณาจักรพุกามบ้าง
แต่ว่าพระเจ้ามนูหะกษัตริย์มอญยุคนั้นนั้น พิจารณาว่าชาวเผี่ยวเป็นชาวป่าชาวดอย จิตใจหยาบกระด้าง ไม่คู่ควรกับพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นของที่ลึกซึ้งสูงค่า จึงได้ปฏิเสธคณะทูตไป ทำให้พระเจ้าอโนรธาของอาณาจักรพุกาม หรือที่คนไทยเรียกว่า พระเจ้าอนุรุทธมหาราช ได้ยกกองทัพมาตีอาณาจักรสุธรรมวดี หรืออาณาจักรมอญ คราวนี้ด้วยความที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด ทำให้พระเจ้ามนูหะสั่งบรรดาข้าราชการและทหารไม่ให้สู้รบ เพราะว่าไม่ใช่วิสัยของพุทธศาสนิกชน ยอมให้พระเจ้าพระเจ้าอนุรุทธมหาราชยึดอาณาจักรมอญเป็นของตนเอง แล้วได้กวาดต้อนเอาพระสงฆ์ พร้อมด้วยพระเจ้ามนูหะและพระนางสัจจาเทวี พระราชเทวีของพระองค์ไปเป็นตัวประกันที่อาณาจักรพุกาม แล้วนำเอาพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่จนกระทั่งอาณาจักรพุกามยิ่งใหญ่มหาศาล ถึงขนาดเป็นที่สนใจของกุบไลข่าน ต้องยกทัพมาตีเพื่อยึดอาณาจักรพุกามไว้ใต้อำนาจของมองโกลในยุคนั้น นี่คือที่มาที่ไปว่าอาณาจักรมอญนั้นเจริญยิ่งใหญ่ด้วยพระพุทธศาสนา ท่านทั้งหลายที่มีเชื้อสายมอญต้องไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนาทำให้ชนชาติมอญนั้นยิ่งใหญ่มาแต่โบราณ ถ้าหากว่านับในยุคสมัยที่ไม่นาน พระเถระชาวมอญ คือพระมหาเถรคันฉ่อง ได้รับความเคารพนับถือจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือที่ทางพม่าเรียกว่าพระนเรศ ถึงขนาดตั้งให้เป็นสมเด็จพระพนรัตน์ สถิตอยู่ ณ วัดป่าแก้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชประจำกรุงศรีอยุธยา แล้วได้เผยแผ่วิชาการสายมอญต่าง ๆ ในอาณาจักรอยุธยา โดยเฉพาะความเคร่งครัดในการถือศีลปฏิบัติธรรม จนกระทั่งทำให้พระเถระชาวมอญนั้น เกิดความรู้ความสามารถพิเศษมากต่อมากด้วยกัน เป็นที่เคารพนับถือทั้งคนไทยคนมอญมาตั้งแต่บัดนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2022 เมื่อ 02:45 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถ้าหากว่าจะกล่าวถึงโดยยึดวัตถุมงคลเป็นหลัก เราก็จะรู้จักหลวงพ่อพระพิมลธรรม (นาค สุมนนาโค) วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร หรือที่ในวงการวัตถุมงคลเรียกว่า หลวงปู่นาค เจ้าของตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันดับหนึ่งของประเทศไทย หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณสว่าง - พระธรรมานุสารี (สว่าง ธมฺมโชโต) วัดเทียนถวาย เจ้าของตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันดับสองของประเทศไทย
ความจริงแล้วทั้ง ๒ ท่านเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน แต่ว่าหลวงพ่อสว่าง บางทีเขาก็จัดอันดับให้อยู่เหนือพระอาจารย์ แต่ว่าท่านที่รู้ว่าหลวงปู่นาคเป็นพระอาจารย์ ก็กลับมาจัดอันดับให้อยู่เหนือหลวงพ่อเจ้าคุณสว่าง สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้ หรือว่าหลวงปู่เทียน - พระครูบวรธรรมกิจ (เทียน ปุปฺผธมฺโม) วัดโบสถ์ ที่ลบผงอิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห มหาราช ขนาดลบทะลุกระดาน แล้วผงนั้นยังเดินเข้าไปในถาดบรรจุผงเองด้วย..! ดังนั้น..พระสมเด็จของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ผู้คนจึงเสาะหากันหนักหนา ด้วยกิตติศัพท์ที่ว่าสามารถใช้แทนพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามได้ หรือว่าหลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ เจ้าของพระปิดตาไม้โพธิ์นิพพาน ซึ่งสามารถพลิกชะตาชีวิต กลับร้ายเป็นดี สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่คณะศิษย์ จนเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือ ท่านทั้งหลายเหล่านี้คือพระเถระชาวมอญที่สร้างเกียรติคุณจนโด่งดังคับประเทศ ถ้ากล่าวมาถึงตัวท่านทั้งหลาย ซึ่งก็คือลูกศิษย์ของ หลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชอุดมมงคล หรือว่าหลวงพ่ออุตตะมะนั้น เป็นพระเถระชาวมอญที่ทันยุคทันสมัยกับท่านทั้งหลาย หลวงปู่ท่านได้รับพระราชทานสัญญาบัตรที่พระครูอุดมสิทธาจารย์ วิ. เป็นพระครูสัญญาบัตรฝ่ายวิปัสสนาธุระรูปแรกของจังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้นก็ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะที่พระอุดมสังวรเถร วิ. พระราชาคณะสามัญเปรียญฝ่ายวิปัสสนาธุระ และในที่สุดก็ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชอุดมมงคล วิ. พระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2022 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถ้าถามว่าพระราชาคณะ หรือว่าพระครูสัญญาบัตรฝ่ายวิปัสสนาธุระนั้นสำคัญอย่างไร ? ก็ถ้าในระดับสมณศักดิ์ที่เท่ากัน พระครูสัญญาบัตรฝ่ายวิปัสสนาธุระ หรือว่าพระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ จะนั่งเหนือพระครูสัญญาบัตรหรือพระราชาคณะฝ่ายคันถธุระ หรือฝ่ายปกครองที่อยู่ในระดับเดียวกันทุกรูป แปลว่ามีเกียรติยศเกียรติศักดิ์เหนือกว่าพระครูสัญญาบัตรหรือพระราชาคณะในระดับเดียวกันทั้งหมด
ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นลูกหลาน เคารพนับถือหลวงพ่ออุตตะมะ ต้องไม่ลืมความเคร่งครัด รักการปฏิบัติธรรม เข้มงวดต่อการปฏิบัติตน จนกระทั่งโด่งดังเป็นที่เคารพนับถือของชนทุกชาติ โดยเฉพาะพระเถระชาวมอญที่เป็นต้นตำรับธรรมยุตอย่างหลวงพ่อซาย พระสุเมธมุนี (ซาย พุทธวํโส) ที่พระเดชพระคุณพระวชิรญาณภิกขุ หรือภายหลังก็คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ถือเอาความเคร่งครัดปฏิบัติในหลักพระธรรมวินัยของท่าน มาตั้งเป็นคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ในเมื่อท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่า พระเถระชาวมอญนั้นได้รับความเคารพนับถือจากคนไทย โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ไทย มาตั้งแต่ยุคโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน แม้ในปัจจุบันนี้ พระเถระชาวมอญที่เป็นเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพ อย่างเช่น ท่านเจ้าคุณพระมงคลวโรปการ (ชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร ก็เป็นพระเถระชาวมอญที่ชื่อเสียงเกียรติคุณโด่งดัง เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วประเทศ ในเมื่อท่านทั้งหลายแบกเกียรติยศเกียรติศักดิ์ของเชื้อชาติมอญ และของพระเถระชาวมอญเอาไว้ ท่านทั้งหลายก็จะต้องปฏิบัติตนให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย อย่าให้เสียชื่อคนมอญ อย่าให้เสียชื่อครูบาอาจารย์ คือหลวงพ่ออุตตะมะ ตลอดจนกระทั่งท่านพระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ที่เป็นพระเถระชาวมอญเช่นกัน สิ่งที่กระผมพูดไปนั้น ท่านทั้งหลายอาจจะฟังออกไม่ถึงครึ่ง ตัวของกระผม/อาตมภาพเองก็พูดภาษามอญได้แค่ไม่กี่ประโยค แต่ว่าสิ่งที่อยากจะเรียนถวายท่านทั้งหลายเอาไว้ก็คือ ความเป็นเชื้อชาติมอญ ความเป็นลูกหลานหลวงพ่ออุตตะมะ บังคับเราไปในตัวว่า ต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะทำให้เสียหายถึงเชื้อชาติมอญและหลวงพ่ออุตตะมะไม่ได้..! เมื่อบรรยายถวายความรู้ถึงตรงนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้สรุปจบลง หลังจากนั้นก็ได้มอบถวายหน้าที่ให้กับพระเถระรูปต่อไป กระผม/อาตมภาพได้เดินทางลงไปยังวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร เพื่อถวายมุทิตาสักการะพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทำบุญอายุวัฒนมงคลในวันนี้เช่นกัน แล้วหลังจากนั้นจึงได้เดินทางกลับเข้าสู่ที่พักในลักษณะที่หมดสภาพเลยทีเดียว..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2022 เมื่อ 02:52 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|