กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-12-2020, 20:46
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 434
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 84,385 ครั้ง ใน 1,616 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default ทำบุญไม่หวังผล ?

ถาม : ทำทานการศึกษากับมูลนิธิคนตาบอดอานิสงส์ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ต่างกัน อานิสงส์คือผลได้ ถ้าหากว่าเจตนาของเราบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้คือตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ อันนั้นผลจะเต็มร้อยส่วน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ถ้าส่วนไหนส่วนหนึ่งบกพร่อง ผลนั้นก็จะขาดไป

อังกุรเทพบุตรตั้งโรงทาน ๘๐ โรง ให้ทานคนทั้งกลางวันกลางคืน ๒๐,๐๐๐ ปี แต่ปรากฏว่าเป็นเทวดาที่ศักดานุภาพน้อยที่สุดของดาวดึงส์ เพราะว่าในชาตินั้นเป็นระยะที่โลกว่างจากพระศาสนา คนไม่มีศีลมีธรรม กลายเป็นว่าผู้รับไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์

แต่ว่าทำไปเถอะ...อะไรก็ได้ถ้าหากว่าเป็นความดี เราทำเพราะว่าต้องการตัดความโลภในใจของเรา ให้รู้จักสละออก รู้จักเสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เพราะฉะนั้น..ทำไปเถอะ ทำให้รอบตัวไปเลย อะไรจะเล็กน้อยขนาดไหน เห็นมีโอกาสทำได้ก็ทำไป เพราะว่าอานิสงส์คือผลได้ จะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม ถึงวาระถึงเวลาที่ส่งผล คนอื่นเกิดมาอาจจะรวยมาก ๆ แต่อย่างโบราณเขาบอกว่า เศรษฐียังขาดไฟได้ ของเขาเองอาจจะไม่ได้ทำในจุดเล็กจุดน้อยอย่างเรา ถึงเวลาอาจจะมีที่บกพร่องอยู่ แต่ของเรามีโอกาสทำนิด ๆ หน่อย ๆ เราก็ทำ ถึงเวลาก็เก็บให้หมดไปเลย ถ้าได้อะไรเราก็ได้ครบถ้วนสมบูรณ์กว่าเขา
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-12-2020, 20:51
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 434
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 84,385 ครั้ง ใน 1,616 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

ถาม : ไม่สามารถอธิบายเหตุผล ?
ตอบ : บอกเขาว่าต้องรู้จักเลือกเนื้อนา คำว่าเนื้อนาคือว่า ผู้ที่เราจะให้ ถ้าหากว่านาดี ผลตอบแทนก็สูง ต้องใช้คำว่าดี ทุกอย่างน่ะดี แต่ว่ายังมีดีกว่า ดีที่สุด (Good, Better, Best)

ถาม : เขาบอกว่าไม่ทำหวังผล ?
ตอบ : ในลักษณะนั้นก็ดี คือว่าปล่อยวางได้ แต่ว่าลักษณะเหมือนกับการทำงาน ถึงเราต้องการหรือไม่ต้องการ ปลูกต้นไม้ลงไป ถึงเวลาดอกผลต้องออก พอถึงเวลาดอกผลออกมาไม่ดี คนปลูกบอกว่าไม่หวังผล แต่เห็นแล้วอาจจะไม่สบายใจไปเลยก็มี

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าเราตั้งใจไว้ว่าจะทำอะไร วัตถุที่เราตั้งใจจะทำนั้นได้มาโดยถูกต้อง ตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ ผู้รับมีศีลบริสุทธิ์ ผลเต็มร้อยส่วนอย่างนี้ ก็เลือกทำในสิ่งที่ดี ๆ ดีกว่า พอถึงวาระถึงเวลา ผลที่ได้มาก็จะชื่นใจสมกับที่เรารอคอย

มีหลายคนที่คิดแบบนี้ อย่างเช่นว่าทำบุญแล้วอธิษฐานขอโน่นขอนี่เป็นการโลภ แบบนี้ต้องไปเกิดเป็นอาฬวีเศรษฐีถึงจะเข็ด เขาจะไม่เข้าใจตรงจุดนี้เลย เพราะว่าอธิษฐานบารมีเป็นบารมีที่สำคัญมาก ถ้าบุคคลที่สร้างบารมีมายังไม่ถึงตอนปลาย จะใช้อธิษฐานบารมีไม่เป็นเลย ผลทุกอย่างไม่ว่าดีหรือชั่วที่เราทำไป ต้องการหรือไม่ต้องการก็เกิดผลแน่นอน ทางวิทยาศาสตร์ยังยืนยันเลยใช่ไหม ว่าทุกอย่างที่ทำไปนั้นมีผล คราวนี้ถ้าหากว่าผลนั้นมาในจังหวะที่เราต้องการก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้ามาในจังหวะที่เราไม่ต้องการ เราก็จะแย่ไปเลย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-12-2020, 20:55
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 434
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 84,385 ครั้ง ใน 1,616 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

อย่างเช่นว่า อาฬวีเศรษฐี เคยเป็นมหาเศรษฐี แล้วก็รักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ไม่ได้ กลายเป็นคหบดี คือทรัพย์ลดน้อยลงมา จนในที่สุดกลายเป็นขอทาน พระพุทธเจ้าไปเจอขอทานอยู่หน้าประตูเมืองอาฬวี ท่านก็ยิ้ม พระอานนท์ถามว่า “ทรงแย้มพระโอษฐ์ด้วยเหตุใด ?” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อานันทะ ดูก่อนอานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีหรือไม่ ?” พระอานนท์ตอบว่า “ไม่เห็นเจ้าข้า เห็นมีแต่ขอทาน” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ขอทานนั่นแหละคืออาฬวีเศรษฐี สมัยที่ท่านเป็นเศรษฐี ถ้าฟังธรรมจากตถาคตจะได้เป็นพระอนาคามี ตอนที่ทรัพย์ลดลงมาเป็นคหบดี ถ้าฟังธรรมจะได้เป็นพระโสดาบัน แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นขอทาน จิตมัวแต่หมกมุ่นกังวลอยู่กับการทำมาหากิน ถึงฟังธรรมไปก็ไม่มีโอกาสบรรลุมรรคผล”

คราวนี้พระอานนท์ท่านจำแม่น ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าตรัสอะไรไม่เป็นสอง พระพุทธเจ้าเคยตรัสเอาไว้ว่า บุคคลถ้ามีวิสัยจะได้มรรคผล อย่างไรก็ไม่เสื่อมจากวิสัยอันนั้น ทำไมอาฬวีเศรษฐีคนนี้ถึงได้เสื่อม ? พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อาฬวีเศรษฐีขาดอธิษฐานบารมี”

อธิษฐานบารมีเหมือนกับยิงปืนแล้วเราเล็งเป้า อย่างไรก็ให้ถูกเป้าแน่นอนดีกว่า ไม่ใช่ยิงส่งเดช โอกาสจะถูกก็น้อย เพราะฉะนั้น..คนที่จะใช้อธิษฐานบารมีก็คือ เราทำอะไรต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม ถึงวาระผลนั้นจะเกิด การอธิษฐานเป็นการเจาะจงว่าให้ผลนั้นเกิดอย่างไร เกิดเมื่อไร เพื่อที่จะได้พอเหมาะพอดี พอควรกับความต้องการของเรา ไม่ใช่หิวข้าวตอนนี้ อีก ๓ วัน ข้าวค่อยมาก็อดแย่เลย เพราะฉะนั้น..อธิษฐานบารมีเป็นเรื่องสำคัญมาก คนที่ไม่เข้าใจมักจะคิดว่า ทำบุญแล้วยังขอโน่นขอนี่เป็นการโลภ เข้าใจผิดมากเลย


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 11-12-2020 เมื่อ 21:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว