|
ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
![]()
ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิตพร้อมภาวนาพระคาถาบทหนึ่งให้ได้ในทุกขณะของวัน หากมีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดก็หยุดใจออกมาคิด หากมีคนชวนคุยก็หยุดใจออกมาพูดคุยกับผู้นั้น เมื่อจบเรื่องแล้วค่อยกลับใจเข้ามาสู่การภาวนาและทรงภาพพระต่อ
เมื่อลองปฏิบัติแล้วพบว่าในขณะนั่งกรรมฐานอารมณ์จะชัดเจนทรงภาพพระได้แจ่มใส ภาวนาได้ทรงตัวที่สุด พอออกจากกรรมฐานมาทำกิจวัตรต่าง ๆ ภาพพระบางครั้งก็ชัดบางครั้งก็ไม่ชัดแต่โดยรวมก็ยังสามารถกำหนดภาพพระได้อยู่ ในด้านคำภาวนาก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้ามีคนชวนคุยหรือต้องใช้ความคิดกลางคันในขณะที่ยังไม่จบบทก็ค่อยกลับมาเริ่มภาวนาใหม่ตั้งแต่คำแรกของบทพระคาถา เวลาเดินภาวนาแล้วจับภาพพระด้วยอารมณ์เบา ๆ อาจมีแบ่งบางส่วนของจิตมาคิดหรือมองสิ่งรอบตัวไปด้วยในขณะที่อีกส่วนของจิตก็ภาวนาพร้อมจับภาพพระตรงนี้รู้สึกจะใจสบายเป็นพิเศษ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพอจะนอนหลับกลับไม่สามารถภาวนาให้ใจสบายแล้ว “ตัดหลับ” ไปได้อย่างที่พระอาจารย์แนะนำ จับภาพพระกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาโดยใช้อารมณ์ไม่หนักพยายามให้ใจสบายเหมือนตอนเดินหรือทำกิจวัตรต่าง ๆ ในตอนกลางวัน แต่ผลก็คือเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวพอภาวนาอารมณ์กลับเหมือนเวลานั่งกรรมฐานมันจะหยุดนิ่งตั้งใจกับการภาวนา ไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบพร้อมจะตัดหลับ อารมณ์มันจะตั้งใจอยู่กับการภาวนาตลอดไม่ยอมหลับเสียที แต่พอลองคลายอารมณ์ออกเลิกภาวนาคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยเหมือนแต่ก่อนกลับหลับ ! การปฏิบัติตลอดวันที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกควรทำแบบไหน ? แล้วต้องวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงจะสามารถภาวนาจน “ตัดหลับ” ไปได้ ? แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สวนกุหลาบ : 10-05-2020 เมื่อ 20:42 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สวนกุหลาบ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิตพร้อมภาวนาพระคาถาบทหนึ่งให้ได้ในทุกขณะของวัน หากมีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดก็หยุดใจออกมาคิด หากมีคนชวนคุยก็หยุดใจออกมาพูดคุยกับผู้นั้น เมื่อจบเรื่องแล้วค่อยกลับใจเข้ามาสู่การภาวนาและทรงภาพพระต่อ
เมื่อลองปฏิบัติแล้วพบว่าในขณะนั่งกรรมฐานอารมณ์จะชัดเจนทรงภาพพระได้แจ่มใส ภาวนาได้ทรงตัวที่สุด พอออกจากกรรมฐานมาทำกิจวัตรต่าง ๆ ภาพพระบางครั้งก็ชัดบางครั้งก็ไม่ชัดแต่โดยรวมก็ยังสามารถกำหนดภาพพระได้อยู่ ในด้านคำภาวนาก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้ามีคนชวนคุยหรือต้องใช้ความคิดกลางคันในขณะที่ยังไม่จบบทก็ค่อยกลับมาเริ่มภาวนาใหม่ตั้งแต่คำแรกของบทพระคาถา เวลาเดินภาวนาแล้วจับภาพพระด้วยอารมณ์เบา ๆ อาจมีแบ่งบางส่วนของจิตมาคิดหรือมองสิ่งรอบตัวไปด้วยในขณะที่อีกส่วนของจิตก็ภาวนาพร้อมจับภาพพระตรงนี้รู้สึกจะใจสบายเป็นพิเศษ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพอจะนอนหลับกลับไม่สามารถภาวนาให้ใจสบายแล้ว “ตัดหลับ” ไปได้อย่างที่พระอาจารย์แนะนำ จับภาพพระกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาโดยใช้อารมณ์ไม่หนักพยายามให้ใจสบายเหมือนตอนเดินหรือทำกิจวัตรต่าง ๆ ในตอนกลางวัน แต่ผลก็คือเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหวพอภาวนาอารมณ์กลับเหมือนเวลานั่งกรรมฐานมันจะหยุดนิ่งตั้งใจกับการภาวนา ไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบพร้อมจะตัดหลับ อารมณ์มันจะตั้งใจอยู่กับการภาวนาตลอดไม่ยอมหลับเสียที แต่พอลองคลายอารมณ์ออกเลิกภาวนาคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยเหมือนแต่ก่อนกลับหลับ ! การปฏิบัติตลอดวันที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกควรทำแบบไหน ? แล้วต้องวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงจะสามารถภาวนาจน “ตัดหลับ” ไปได้ ? ตอบ : ตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต แต่อยากจะหลับ..! การภาวนาจุดมุ่งหมายก็เพื่อการตื่นรู้ คือ ให้มีสติอยู่ทุกเวลา เพื่อที่จะได้ระมัดระวังไม่ให้กิเลสกินใจเราได้ แต่เมื่อเข้าถึงได้ในระดับหนึ่ง จิตเริ่มตื่นรู้กลับอยากจะหลับ เป็นความต้องการที่ขัดแย้งกันเอง ถ้าไม่ใช่เหลวไหลไร้สาระ ก็ประเภท "หัวมังกุท้ายมังกร" ไปตัดสินใจให้เด็ดขาดก่อนว่าจะเอาอย่างไร หรือไปศึกษาให้ดีก่อนว่าภาวนาแล้วเป็นอย่างไร จะได้ไม่ถามอะไรที่เหลวไหลแบบนี้อีก..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2020 เมื่อ 10:09 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
![]() อ้างอิง:
ผู้ถามกราบขอขมาพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดคำถามเหลวไหลขึ้นในกระทู้ |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สวนกุหลาบ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : กราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระอาจารย์ที่อธิบายความถูกต้องให้ทราบ...คำถามนี้เกิดจาก “ความเข้าใจผิด” ของผู้ถามเอง ที่คิดว่าถ้าหากภาวนาด้วยอารมณ์สบายตลอดวันรวมถึงเวลาเข้านอนจนหลับไปได้ก็จะทำให้ความคิดไม่ฟุ้งซ่าน (ผู้ถามเป็นโรคซึมเศร้าและโรคไบโพล่าร์) แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็เป็นเรื่องขัดกันจริงตามที่พระอาจารย์ว่า
ผู้ถามกราบขอขมาพระอาจารย์เป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เกิดคำถามเหลวไหลขึ้นในกระทู้ ตอบ : เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยส่งเดชของหมอ ที่ว่าซึมเศร้า ไบโพลาร์ อะไรทั้งนั้น แค่คุณคิดเป็นแต่หยุดคิดไม่เป็นเท่านั้น มาอยู่กับลมหายใจเข้าออกแบบจริง ๆ จัง ๆ จะไทรโพลาร์ อ็อกโตโพลาร์ ก็ไม่เป็นหรอก จะซึมเศร้าหรือวอเตอร์ปรูฟเศร้าก็หายหมดไปเอง |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|