#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ดังที่ได้กล่าวไว้ในช่วงสนทนาธรรมกับญาติโยมว่า พวกเราทั้งหลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เน้นการทำบุญ ซึ่งการทำบุญก็คือทานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารทาน หรือธรรมทานก็ตาม โดยเฉพาะช่วงนี้ก็คือถวายร่วมทำบุญกฐินวัดท่าขนุน และร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ถ้าถามว่ากฐินวัดท่าขนุนได้อานิสงส์อะไรบ้าง ? การถวายกฐินนั้นก็คือเราถวายผ้าเป็นทาน ถ้าหากว่าได้เกิดชาติใหม่เป็นผู้ชาย ถ้าได้รับการบวชโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรียกว่าบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ก็จะมีจีวรสำเร็จด้วยฤทธิ์ปรากฏขึ้นให้นุ่งห่มพร้อมสรรพ ถ้าไปเกิดเป็นผู้หญิงก็จะมีเครื่องประดับที่เรียกว่า มหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับที่งดงามอลังการมาก ราคาในสมัยพุทธกาลของเราคือ ๙ โกฏิ ถ้าเทียบกันตามมาตราส่วนปัจจุบันก็น่าจะประมาณ ๙๐ ล้านบาท ในส่วนของการสร้างวิทยาลัยสงฆ์นั้น เป็นทั้งวิหารทานคือสร้างอาคาร เป็นทั้งธรรมทาน เพราะว่าเป็นอาคารสำหรับพระภิกษุสามเณรเล่าเรียนหนังสือ จึงเป็นวิหารทานและธรรมทานพิเศษ เพราะไม่ว่าพระภิกษุสามเณรใช้ในการเล่าเรียนกี่ครั้ง อานิสงส์ก็จะเกิดขึ้นแก่เราเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:08 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
แต่คราวนี้ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า นี่เป็นแค่ทานเท่านั้น สิ่งที่ก่อให้เกิดบุญกุศลที่สูงกว่าทานยังมีการรักษาศีล ไม่ว่าจะศีล ๕ ศีล ๘ หรือกรรมบถ ๑๐ ก็ตาม ศีล ๕ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระโสดาบัน กรรมบถ ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับสกทาคามี ศีล ๘ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับอนาคามี ศีล ๑๐ เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์
ถามว่าพระท่านต้องมีศีล ๒๒๗ ข้อไม่ใช่หรือ ? ใช่...แต่ว่าศีลส่วนใหญ่นั้น พระพุทธเจ้าท่านสั่งห้ามไว้เพื่อเป็นการเอาใจชาวบ้าน เพราะชาวบ้านไปคิดว่าถ้าพระทำอย่งนั้นแล้วผิด ในเมื่อชาวบ้านมีความคิดความเชื่ออย่างนั้น ถ้าพระไปทำเข้า เขาก็จะตำหนิติเตียนและจะเกิดโทษกับตัวเขาเองได้ ถามว่าแล้วศีล ๑๐ แค่นั้นทำให้เข้าถึงพระอริยเจ้าในระดับพระอรหันต์ได้หรือ ? ก็ต้องดูสามเณรต่าง ๆ ในสมัยพุทธกาล สามเณรถือศีล ๑๐ ข้อ ทำไมเป็นพระอรหันต์กันมากมาย ? การรักษาศีลนั้นมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเป็นร้อยเท่า ดังนั้น ถ้าการให้ทานมีผลเป็นร้อย การรักษาศีลคูณร้อยก็มีผลเป็นหมื่น แต่สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการภาวนา คือการที่เรามาปฏิบัติสมาธิกันอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นการควบคุมกาย วาจา และใจของเรา ให้สงบระงับ ไม่กระทำสิ่งอันเป็นเหตุที่ก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง มหากุศลใหญ่จึงเกิดขึ้น และมีผลสูงกว่าการรักษาศีลเป็นร้อยเท่า ก็แปลว่าการรักษาศีล ถ้าเปรียบกับทานแล้วมีผลเป็นหมื่น การเจริญภาวนาถ้าเปรียบกับทานแล้วก็มีผลเป็นล้าน แต่เราก็มักจะไปเน้นการให้ทาน โดยที่ลืมไปว่าถ้าเราต้องการอานิสงส์กันจริง ๆ แล้ว การรักษาศีลหรือการภาวนา มีอานิสงส์มากกว่ามหาศาล
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 04:10 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แต่ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนไว้ว่า ควรจะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะว่าทานมีผลทำให้เกิดมาร่ำรวย ศีลมีผลทำให้เกิดมามีรูปสวย มีจิตใจดีงาม ภาวนาทำให้เกิดมามีปัญญาฉลาดมาก ถ้าเรามีทรัพย์ มีความร่ำรวย แต่ไม่มีความฉลาด ทรัพย์สินก็อาจจะสูญหาย..เสียหายไปได้ แต่ถ้าหากว่าเราเกิดมาร่ำรวย แต่หน้าตาไม่เอาไหน แถมยังไม่มีปัญญาอีก คุณสมบัติของเราย่อมมีข้อด้อยใหญ่หลวงปรากฏขึ้น
หรือว่าเราเกิดมาฉลาดแต่ไม่มีสตางค์ และซ้ำยังหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อีกต่างหาก ก็คงไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย ครูบาอาจารย์ท่านถึงได้ตักเตือนว่า ถ้ายังต้องการอานิสงส์อยู่ ให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไปด้วยกัน เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว เมื่ออานิสงส์นั้นส่งผล เราจะได้มีทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จึงเตือนท่านทั้งหลายที่ส่วนใหญ่แล้วทำบุญเพื่อหวังให้เกิดสิ่งดีงามขึ้นในชีวิต การทำบุญเป็นเพียงทานเท่านั้น ต่อให้เป็นวิหารทานหรือธรรมทานก็ยังจัดอยู่ในระดับของทาน ถ้าเราหวังผลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างแท้จริง ก็ให้รักษาศีลและเจริญภาวนาควบคู่ไปด้วย จึงจะบังเกิดผลตามที่เราต้องการ ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-11-2019 เมื่อ 02:29 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|