|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#121
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การใช้วัตถุมงคล เราต้องวางกำลังใจอย่างไร ?
ตอบ : ศรัทธามาก่อน ชีวิตนี้ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งแล้ว นอกจากวัตถุมงคลชิ้นนั้น ถ้าทุ่มเทจิตศรัทธาขนาดนั้น ใช้วัตถุมงคลอะไรก็ได้ผล ถาม : การที่เราวางกำลังใจใกล้เคียงกัน แต่ความรู้สึกที่เราจับวัตถุมงคลนั้นไม่เท่ากันเป็นเพราะอะไรครับ ? ตอบ : เป็นความรักชอบส่วนตัว อย่างเช่นว่าถ้านิสัยนักรบก็จะชอบอาวุธมากกว่า เพราะฉะนั้น...ถ้าใช้มีดหมอก็จะมีอานุภาพมากกว่า หรือว่ารู้สึกผูกพันมากกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2018 เมื่อ 21:20 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การใช้น้ำมันชาตรี เจ็บเต็มที่แต่ไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยช้ำอะไรเลย ?
ตอบ : ก็ได้แค่นั้น สภาพจิตรับได้แค่ไหนก็ได้ผลแค่นั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2018 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนแก่ก็มีดีของคนแก่ แต่ถ้าในแง่ผู้ปฏิบัติธรรมคนแก่จะลำบากกว่า ลำบากตรงที่ว่าวัยวุฒิคือมากด้วยอายุ คุณวุฒิคือมากด้วยประสบการณ์ความรู้ ก็จะเกิดความถือตัวถือตนโดยอัตโนมัติ
ต้องพยายามมองให้เห็น นึกให้ได้ว่า เราแก่มากเท่าไรก็คือใกล้ตายเท่านั้น แปลว่าเราไม่มีอะไรดีกว่าเด็ก ๆ เลย เพราะว่าเด็ก ๆ เหมือนกับกำลังก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์ ก้าวเข้าไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต แต่เราเองเป็นพระอาทิตย์ยามบ่ายหรือยามเย็น กำลังจะตกดินลับฟ้าอยู่แล้ว ถ้าสามารถพิจารณาเห็นอย่างนี้ได้ ก็จะทำให้ลดเรื่องทิฐิมานะลงไปได้มาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-07-2018 เมื่อ 21:21 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรือนักท่องเที่ยวจมที่ภูเก็ต ตอนนี้ที่ตายแล้วเจอศพแน่ ๆ ๓๘ ศพ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อใส่เสื้อชูชีพแล้วทำไมถึงยังจมน้ำตาย ? ก็ต้องบอกว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน อย่างแรกก็คือ กัปตันเรือไม่ฟังว่าคลื่นลมแรง ห้ามออกจากฝั่ง ประการที่สอง เสื้อที่ใส่ไม่ใช่เสื้อชูชีพ แต่เป็นเสื้อช่วยพยุงตัวเท่านั้น
เสื้อชูชีพจริง ๆ ไม่ทราบว่าโยมเคยเห็นกันหรือเปล่า ? ถึงเวลาเราใส่แล้วท่อนบนจะพองลมมากเลย อย่างนั้นจะบังคับให้เราลอยแหงนหน้าอยู่ตลอด ส่วนเสื้อพยุงตัวที่ข้างในเป็นแผ่นโฟมนั่นแล้วแต่เวรแล้วแต่กรรม จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ได้ แล้วที่แน่ ๆ ก็คือ เวลาคลื่นม้วนตัวจะเกิดแรงกวาดดึงเราลงใต้น้ำ ถ้าคนที่ไม่มีความชำนาญในการอยู่ใต้น้ำ หรือเผชิญสภาพคลื่นลมแรงจริง ๆ จะไม่รู้ว่าควรหายใจจังหวะไหน ถ้าหายใจเอาน้ำเข้าปอดไปก็ตายเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ที่เขาบอกว่าเป็นเสื้อชูชีพ นั่นไม่ใช่นะ เป็นแค่เสื้อพยุงให้เราลอยตัวได้เฉย ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:33 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
||||
|
||||
![]()
"หลังวัดท่าขนุนเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็จมน้ำตายลักษณะแบบนี้แหละ เกิดจากบริษัทท่องเที่ยวโลภมาก รู้อยู่ว่าฤดูนั้นน้ำแรงมาก แต่ปล่อยให้เขาล่องเรือแคนูกัน เด็กก็ไม่สามารถบังคับเรือได้เพราะว่ากำลังไม่พอ ไปชนตอม่อสะพานแขวนวัดท่าขนุน ตกลงไปในน้ำทั้งที่ใส่เสื้อพยุงตัวอยู่ ต้องบอกว่าถึงวาระของเด็ก เพราะว่าพ่อก็ตั้งใจช่วยคว้าเสื้อเอาไว้ เด็กหลุดไปกับน้ำติดมือมาแต่เสื้อ คนเป็นพ่อร้องไห้เหมือนเป็นบ้า ขึ้นมาแล้ววิ่งไปวิ่งมาอยู่บนสะพานแขวน ไม่รู้ว่าจะช่วยลูกอย่างไร เพราะว่าน้ำลึกและแรงมาก
ถามว่าน้ำลึกแค่ไหน ? สะพานแขวนวัดท่าขนุนสูงแค่ไหน ตอนนั้นน้ำห่างสะพานคืบเดียว ก็เลยต้องขอให้ทางการไฟฟ้าปิดเขื่อน แล้วก็ช่วยกันค้นหาอยู่คืนหนึ่งกับอีกเกือบวันก็ไม่เจอ ท้ายสุด "น้าวัฒน์" ที่เป็นกู้ภัย มายกมือไหว้บอกว่า "หลวงพ่อ...ขอยืมของหน่อย" สมัยที่อาตมาอยู่วัดท่าซุง อาตมาเอาปืนไปเข้าพิธีชาตรีไว้ ๕ กระบอก มีญาติโยมขอแบ่งไปหมด เหลืออยู่ ๒ กระบอกที่ทำอย่างไรก็โอนไม่ได้ เพราะว่าเป็นขนาด ๑๑ มม. ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่ากฎกระทรวงบ้า ๆ ถือเป็นอาวุธสงครามหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ จึงโอนไม่ได้ ได้แต่เก็บเอาไว้เอง เคยเล่าให้น้าวัฒน์ฟัง น้าวัฒน์เลยบอกว่าขอยืมหน่อย คาดว่ามีอะไรที่ตั้งใจซ่อนศพ อาตมาต้องไปเอามาให้ยืม โดยที่บอกว่า "ระวังนะ...ถ้าพลาดแล้วศพมีรอยกระสุนนี่ มึงอธิบายเองเลยนะ" ท้ายสุดน้าวัฒน์ยิงลงน้ำไป ๒ นัด ไม่ถึง ๕ นาทีก็งมเจอ แล้วก็อยู่ตรงที่พระผ่านแล้วผ่านอีก น้ำตื้น ๆ นั่นแหละ อาตมาถึงได้บอกว่าเข้าป่าเข้าถ้ำ ติดวัตถุมงคลที่บรรดาผีสางเทวดาเขาเกรงใจไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดเรื่องแบบเดียวกับที่หลงติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนนั่นแหละ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อตอนบ่ายคุยกับท่านมหาเอว่า ของแค่ ๑๐๐ - ๒๐๐ ชิ้น อาจารย์จำได้ไม่อัศจรรย์หรอก เพราะว่ามีเสมียนคลังพัสดุชาวจีน สามารถจำของสองแสนกว่าชิ้นว่าเป็นอะไรอยู่ตรงไหนได้หมดเลย เจ้านายทดสอบให้ไปหยิบอะไรมา แกไม่ต้องเปิดคู่มือดู เดินไปหยิบมาหน้าตาเฉย สองแสนกว่าชิ้น...ฟังไม่ผิดหรอก ที่อาตมาจำได้เพราะว่ามีไม่เกิน ๒๐๐ ชิ้น เสมียนท่านนี้เป็นผู้หญิง อายุแค่ ๒๐ กว่าปี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : กรณีที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ใช้วัตถุมงคลอะไรช่วยได้บ้างคะ ?
ตอบ : นั่งภาวนาให้น้ำลด...! ติดอยู่ข้างในไม่ต้องใช้อะไรหรอก ถ้าไม่ได้ติดก็ว่าไปอย่าง เดี๋ยวรอไปอ่านในเก็บตกเอาเอง บอกไปหมดตั้งแต่วันแรกแล้ว ถ้าขืนบอกซ้ำเดี๋ยวของวัดท่าขนุนราคาจะแพง ฉะนั้น..ห้ามบอก..! ถาม : มีดหมอเล่มเล็กใช้ได้ไหมคะ ? ตอบ : จะเล็กจะใหญ่ก็ได้ แต่ดูด้วยว่ามาจากไหน ถ้าประเภทสมัยก่อนที่พยุหะคีรีทำเป็นหมื่นเป็นแสนเล่ม หลายวัดเหมาไป แล้วเที่ยวไปไล่แจกชาวบ้าน ถ้าแบบนั้นผีก็นั่งยิ้ม ของบางอย่างถ้าไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปยุ่ง ต่อให้เราพกวัตถุมงคลดีขนาดไหนเขาก็ไม่แลหรอก อย่างมีดหมอของหลวงพ่อวัดท่าซุง ปกติไม่ต้องเข้าใกล้หรอก แค่เหยียบบันไดบ้าน ผีก็เผ่นไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ ? หลวงพี่บรรจง (พระบรรจง กวิวํโส) จากวัดท่าซุงไปโคราช แถววัดหลวงพี่มหาถวัลย์ (พระมหาถวัลย์ ฐิติโก) ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ญาติโยมได้ยินว่ามีพระจากวัดท่าซุงมาก็รีบมานิมนต์ บอกว่ามีคนโดนผีเข้ามา ๕ วันแล้วไม่ยอมออก ใครมาไล่อย่างไรก็ไม่ออก หลวงพี่บรรจงรับนิมนต์ก็ไป ปรากฎว่าเหยียบบ้านแล้วผีก็ยังเฉย ๆ เดินเข้าใกล้ผีก็เฉย ๆ ท่านจึงตั้งใจอาราธนาพระ พอเอื้อมมือแตะมีดหมอในย่าม ผีเหลือบตามองแล้วบอกว่า "ท่านไม่ต้องยุ่ง" หลวงพี่บรรจงท่านก็ "เอ๊ะ..ชักอย่างไรแล้ว" ปกติถ้าผีทั่วไป พกมีดหมอวัดท่าซุง แค่เหยียบบันไดบ้านก็เผ่นแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
![]()
ชาวบ้านก็บอกให้ช่วยไล่หน่อย "หลวงพ่อช่วยหน่อย" หลวงพ่อจงก็ต้องเอาใหม่ พอแตะมือถึงมีดหมอ ผีเหลือบตาบอกว่า "ท่านไม่ต้องยุ่ง" ท้ายสุดเลยต้องถอยมา ถามผีว่าเป็นเพราะอะไร เขาบอกว่า "ไอ้นี่ไม่เคารพเจ้าที่ เมาแล้วไปฉี่รดแล้วยังถีบศาลด้วย เลยตั้งใจดัดสันดานสัก ๗ วัน ฉะนั้น...รออีก ๒ วันเดี๋ยวไปเอง"
พอกลับมาถึงวัดท่าซุง อีกไม่กี่วันเป็นวันพระใหญ่ เข้าโบสถ์ไปลงฟังปาฏิโมกข์กัน ก่อนปาฏิโมกข์ถ้าหลวงพ่อวัดท่าซุงลงก่อนเวลานิดหน่อย มีอะไรก็จะคุยกันตอนนั้น ท่านก็นั่งเป่ายานัตถ์ุ พอพวกเรามาครบท่านก็พยักหน้า "เป็นอย่างไร..บรรจง ? ดีนะไม่โดนตีนเข้า นั่นเป็นเทวดาไม่ใช่ผี" คราวนี้เห็นหรือยังว่าถ้าเป็นเรื่องของเขา ต่อให้เราพกอะไรดีแค่ไหน ก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก ฉะนั้น...บางคนพอมีวัตถุมงคลดี ประเภทผีและเทวดาเกรงใจแล้วไปซ่ากับเขา โปรดระวังไว้...อย่าเผลอ เผลอเมื่อไรจะได้คืนเยอะเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:45 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#129
|
||||
|
||||
![]()
อาตมาเองโดนผีนั่งทับอกแล้วบีบคอ ก็มานึกว่า "เอ๊ะ...เราก็พกวัตถุมงคลเต็มกระเป๋า ทำไมไม่ช่วยเราบ้างเลยวะ...?" ตอนหลังได้กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านถามว่า "แกได้อาราธนาหรือเปล่า ?" "เปล่าครับ พกไว้เฉย ๆ" "ก็สมควรโดนแล้ว เทวดาท่านยอมรับกฎของกรรมมากกว่าเราเยอะ ในเมื่อไม่ขอให้ท่านช่วย ท่านก็นั่งมองดูว่ามึงจะแน่แค่ไหน"
ดังนั้น...โปรดอาราธนาทุกครั้งก่อนที่จะออกจากบ้าน ต้องการให้ช่วยอะไรก็ว่าไปเลย แล้วจะรู้ว่าคำขอของเราไม่เคยรอบคอบพอ ท่านตะแคงข้างไปได้ทุกที อาตมาเองโดนมาเสียจนกระทั่งจำ ท้ายสุดต้องรอบคอบและครอบคลุมพอ ไม่อย่างนั้นตรงไหนให้เล็ดลอดไปได้ ท่านก็ไปของท่านได้หน้าตาเฉย พอไปต่อว่า ท่านก็บอกให้รู้ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ลักษณะนั้นก็คือตั้งใจสอนเราให้ละเอียด รู้ระมัดระวัง ขอให้ช่วยเฉย ๆ ก็จบแล้ว ดันไปกำหนดอย่างนี้อย่างนั้น อันไหนอยู่นอกข้อกำหนดท่านก็เฉย ๆ นะสิ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#130
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ลูกอมชานหมากหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา หายากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว คนมีก็หวงสุด ๆ เขาเชื่อว่ามีไว้แล้วจะกินไม่หมดใช้ไม่หมด ของอายุเป็นร้อยปีแล้ว กว่าอาตมาจะหาได้แต่ละลูกนี่ยากมากเลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#131
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อครู่ที่อัญเชิญขึ้นไปไว้ที่บูชาข้างบน คือพระปัจเจกพุทธเจ้าที่หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงท่านสร้าง เป็นขนาดบูชาหน้าตัก ๕ นิ้ว ต้องบอกว่าเรื่องของพระปักเจกพุทธเจ้านี้ เป็นวีรกรรมที่หลวงตาวัชรชัย อาตมา และท่านอาจารย์สมปอง ช่วยกันทำจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
ช่วงนั้นประมาณปี ๒๕๓๑ อาการป่วยไข้ของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหนักมาก พวกเราก็เลยคิดห่วงตัวเองว่า ถ้าหากปุบปับสิ้นหลวงพ่อท่านไปทางวัดจะลำบาก ควรจะมีกองทุนอะไรบางอย่างเอาไว้ นี่คือคิดแบบเด็ก ๆ ท้ายสุดก็คิดว่าเราร่วมกันภาวนาพระคาถาเงินล้านจนกระทั่งได้ผลมาแล้ว แต่ไม่เคยตอบแทนอะไรพระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของพระคาถาท่านเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยคิดว่า ถ้าเราสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าสักองค์หนึ่งไว้บูชา แล้วในแต่ละรอบปีก็จะมีการแห่แหนและสวดพระคาถาเงินล้านถวายท่าน จึงช่วยกันออกแบบ โดยท่านอาจารย์สมปองเป็นคนร่างแบบ อาตมากับหลวงตาวัชรชัยเป็นลูกอีช่างติ ได้แบบพระปัจเจกพุทธเจ้ามา ถ้าสงสัยว่าหน้าตาแบบไหน ก็แบบองค์ที่อยู่ในมณฑปหน้าวิหารร้อยเมตรนั่นแหละ ก็นำไปถวายให้หลวงพ่อท่านผ่านตาแล้วก็ขออนุญาตทำ ท่านก็เมตตาติติงและแนะนำว่าควรจะทำในลักษณะอย่างไร พอได้รับคำอนุญาตพวกเราก็ประกาศ สมัยก่อนไม่ได้มีไลน์หรืออินเตอร์เน็ตแพร่หลายแบบนี้ ก็ใช้วิธีบอกกันปากต่อปาก ว่าเราจะสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงินแท้ หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้ว เป็นองค์บูชาประจำวัด แล้วก็จะทำเหรียญพระปัจเจกพุทธเจ้าให้บุคคลที่ต้องการบูชา เพื่อนำเงินมาซื้อเม็ดเงินในการหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ใหญ่ ซึ่งปัจจัยที่เหลือจากที่เราคำนวณกันแล้ว จะมีเงินเข้ากองทุนพระปัจเจกพุทธานุสรณ์เพื่อเป็นค่าภัตตาหารพระ พูดง่าย ๆ ว่าเรื่องของพระเณรนี่หลวงพ่อท่านไม่ต้องห่วง จะมีกองทุนนี่ช่วยค้ำอยู่ จะมีเงินเข้ากองทุนนี้ในตอนนั้น ๒๔ ล้านบาท เราต้องคิดว่าสมัยปี ๒๕๓๑ นั่นทองคำบาทละ ๔,๒๐๐ บาท ที่รู้เพราะว่ามีการโอนเงินค่าทองคำคืนโยม หลังจากที่เรื่องราวเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะว่าหลังจากประกาศไปแล้ว ๒ วันก็มีเงินไหลมาเทมาเข้าบัญชีสี่แสนกว่าบาท แล้วทองคำอีกหลายสิบบาทร่วมในการสร้าง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:50 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#132
|
||||
|
||||
![]()
"หลวงตาวัชรชัยตอนนั้นก็เพิ่งจะได้ ๗ พรรษา อาตมาเองตอนนั้นเพิ่งจะ ๓ พรรษา ท่านอาจารย์สมปองเพิ่งจะพรรษาเดียว แล้วคณะผู้ร่วมงานก็ล้วนเป็นพระใหม่พรรษานั้นทั้งหมด มีพระอาจารย์ตี๋อีกรูปหนึ่ง ที่พรรษาเดียวกับอาตมาแต่คนละรุ่นกัน ก็เลยมีผู้ไปกล่าวร้ายในทำนองที่ว่า พวกของอาตมาหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
พอหลวงพ่อได้ข่าวก็กลัวว่าจะเป็นการแตกแยกไปใหญ่โต เพราะว่าเด็กทำงานเกินหน้าผู้ใหญ่ พูดง่าย ๆ ว่าคณะกรรมการสงฆ์ ๑๒ รูปที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้คิดจะทำอะไรที่เป็นการแบ่งเบาภาระหลวงพ่อท่านเลย แต่พอเด็ก ๆ คิดทำกลับโดนเตะสกัด หลวงพ่อท่านก็เลยต้องรับงานไปเป็นภาระของท่านเอง ตอนแรกด้วยความที่ท่านป่วยอยู่ ท่านจึงสั่งให้ช่างเสริฐเอาแบบพระชำระหนี้สงฆ์สร้างเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแทน องค์ที่อยู่ตรงระเบียงด้านหน้าวิหารร้อยเมตร ที่สูงเกือบจะติดหลังคา สร้างไว้ตรงนั้น แล้วก็ปั้นองค์ ๓๐ นิ้ว ถวายหลวงพ่อท่านองค์หนึ่ง สร้างเหมือนพระพุทธรูปทุกอย่าง ยกเว้นตรงที่พระเกศมาลาที่เป็นเปลวเพลิง ที่ทำแยกออกมานิดหนึ่ง หลวงพ่อท่านเห็นก็บอกว่า "ไม่ใช่...เสียแรงที่ปั้นพระให้วัดท่าซุงมาเป็นร้อยเป็นพัน นึกถึงท่านสิว่าเป็นอย่างไร ต้องการแบบไหน แล้วก็ทำตามความรู้สึก ไม่ใช่ทำแบบนี้" ท่านใช้คำว่า “เอ็งทำไว้เป็นที่แขวนรองเท้าใช่ไหม ?” คือเกศด้านหลังงอออกมาหน่อยหนึ่ง ตกลงว่าองค์นั้นปั้นแล้วจะทำอย่างไร ? ไม่สามารถที่จะทำลายได้ อาตมาก็เลยขอบูชาเอาไว้ พอปิดทองเสร็จเรียบร้อยหลวงพี่นิภัทร (พระครูปลัดนิภัทร อคฺคธมฺโม) วัดพุทธไชโย มาเห็นก็ชอบ บอกว่า “เล็ก..ขอพี่เถอะ” ก็บอกท่านว่า "ถ้าพี่ต้องการจริง ๆ ผมถวายครับ แต่ว่าอย่าบอกใครนะว่าได้ไปจากผม เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ชอบใจแบบนี้ คือท่านต้องการแบบที่พวกเราร่างไว้ แต่ช่างเสริฐไม่ได้เห็นแบบ ก็เลยปั้นออกมาแบบนี้" หลวงพ่อท่านสั่งให้สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าขนาดบูชา ช่างเขาถามว่าลักษณะแบบไหน ? หลวงพ่อกำลังไม่สบายอยู่ ท่านก็เลยบอกว่า ทำเป็นเปลวเพลิงให้แยกพระเกศออกมาแล้วกัน ช่างเขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหล่อพระเกศอีกอันหนึ่งแล้วเอามาเชื่อมติดกัน ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าขนาดบูชา ๕ นิ้ว ของวัดท่าซุง จะมีพระเกศแยกเป็น ๒ แฉกหน้าหลัง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#133
|
||||
|
||||
![]()
"พอหลวงพ่อท่านมีเวลา อาการป่วยคลายตัว เพราะว่าได้ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมช่วยไว้ ท่านก็เรียกช่างเสริฐไปให้ปั้นแบบใหม่ แบบที่หน้าวิหารร้อยเมตรองค์นั้น ส่วนพวกอาตมาก็คาใจ โดยเฉพาะหลวงตาวัชรชัย คาใจว่าทำไมในเมื่ออนุญาตให้ทำแล้ว หลวงพ่อท่านถึงได้ยกเลิก ทำให้พวกเราต้องโอนเงินคืนญาติโยมที่โอนเข้ามาทุกคน โดยเฉพาะโยมจากต่างประเทศ ซึ่งมีการเสียค่าธรรมเนียมค่าโอนระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก พวกเราก็ต้องควักกระเป๋ากันเอง แล้วญาติโยมที่มอบทองมาให้ ก็ต้องส่งคืนเขา โดยโทรเรียกตัวเจ้าของมารับคืน กว่าจะส่งคืนได้ครบก็หลายเดือน เพราะว่าอยู่ใกล้บ้างไกลบ้างทั่วประเทศไทย
หลวงตาวัชรชัยถึงขนาดไม่ได้นอนทั้งคืน นั่งฟุ้งซ่าน คิดมาก บอกว่าถ้าคิดไม่ตกจะเชือดคอตายคืนนี้แหละ นี่เป็นความแรงของคนแก่ในสมัยนั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2018 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#134
|
||||
|
||||
![]()
"ส่วนอาตมาเองช่วงนั้นพอเหตุการณ์เกิดขึ้น รู้สึกว่าไม่เสียทีที่เราฝึกกรรมฐานมาอย่างหนัก เพราะว่าสภาพจิตยอมรับว่า หลวงพ่อว่าอะไรก็คืออย่างนั้น ไม่มีการคัดค้าน ไม่มีการน้อยใจ กองทิ้งเอาไว้เหมือนอย่างกับลมพัดผ่านไปเฉย ๆ
แล้วเรื่องนี้ที่ว่าคาใจก็คือ พอหลวงตาวัชรชัยไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเขาวง ท้ายสุดก็มาเริ่มงานใหม่ สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำขึ้นมา แต่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิม ความตั้งใจเดิมคือเนื้อเงินหน้าตัก ๓๐ นิ้ว อาตมาเองก็คิดว่า เดี๋ยวหล่อพระทุกองค์ครบแล้ว ก็ว่าจะหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าหน้าตัก ๓๐ นิ้วด้วยเงินบริสุทธิ์สักองค์หนึ่ง เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังติดงานหล่อพระทองคำอยู่ ส่วนหลวงตาวัชรชัยท่านเพิ่งจะหล่อไปเมื่อต้นปีนี้ งานนี้กลายเป็นภาระที่หลวงพ่อท่านต้องรับเอาไว้ เพราะว่าท่านต้องรักษากำลังใจส่วนรวม แม้ว่าส่วนรวมกำลังใจจะห่วยแตก แต่ท่านมั่นใจว่าลูกทั้ง ๓ คนนี้กระทืบแล้วไม่ตาย ท่านก็ต้องเหยียบพวกเราเพื่อเอาใจคนส่วนรวมไว้ นี่คือลักษณะของการทำหน้าที่แบบผู้ใหญ่ ที่มองภาพรวมในวงกว้าง ส่วนพวกเราส่วนใหญ่แล้วมองในวงแคบ มองเฉพาะงานตรงหน้าตัวเอง แต่ท่านต้องมองภาพรวม คือทำอย่างไรที่วัดจะไม่แตก ทำอย่างไรที่พระพุทธศาสนาจะตั้งมั่นอยู่ได้ นั่นก็คือภาพรวมที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าสายตาของพวกเราในช่วงนั้นจะรู้ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2018 เมื่อ 10:18 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#135
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "การกู้ภัยจะใจร้อนไม่ได้ ต้องเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด ในการกู้ภัยทีมฟุตบอลหมูป่า ทำให้เห็นในสิ่งที่โบราณเขากล่าวเอาไว้ว่า
บุคคลบางประเภท กำลังใจคุ้มครองตัวเองไม่ได้ คุ้มครองผู้อื่นไม่ได้ บุคคลบางประเภท กำลังใจคุ้มครองตัวเองได้ คุ้มครองผู้อื่นไม่ได้ บุคคลบางประเภท กำลังใจคุ้มครองตัวเองได้ คุ้มครองผู้อื่นและหมู่คณะได้ ในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า เด็ก ๆ ชุดนี้ใจคอเข้มแข็งมาก เพราะมีครูฝึกที่ดี ครูเป็นผู้ที่สามารถคุ้มครองตนเองได้ คุ้มครองผู้อื่นได้ แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ก็ยังทำให้เด็กมีความเข้มแข็ง มีความนิ่ง มีความสงบได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ต้องบอกว่าไม่เสียทีที่ครูได้บวชมาหลายพรรษา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2018 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#136
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์บอกว่า "SEAL แปลว่า แมวน้ำ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคำย่อ มาจาก SEA คือทะเล AIR คืออากาศ LAND คือพื้นดิน เรียกง่าย ๆ ว่า น้ำ ฟ้า ฝั่ง แปลว่า สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2018 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#137
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมเสกวัตถุมงคลยังไม่ถึงขั้นยิงไม่ออกครับ ได้ยิงออกแต่ไม่ถูก ต้องทำต่ออย่างไรครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แค่ “ไม่มีอะไร” ก็จบแล้วนะ เพียงแต่ว่ายากหน่อย ถาม : ต้องเข้าให้แน่นกว่านี้หรือครับ ? ตอบ : ไม่ใช่เข้า ต้องปล่อย พิจารณาให้ถึงความไม่มีอะไร พอถึงความไม่มีอะไรแล้ว อะไรจะมาทำอันตรายได้ ? ถาม : เป็นวิปัสสนาญาณเลย ? ตอบ : เป็นทั้งวิปัสสนาญาณและอรูปฌาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2018 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#138
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ติดหนี้สงฆ์ต้องใช้หนี้วัดนั้นเลยหรือเปล่า ?
ตอบ : วัดไหนก็ได้ บอกท่านว่าชำระหนี้สงฆ์ ในเมื่อเป็นสงฆ์ จะเป็นวัดไหนก็ได้ แต่ต้องใช้คืนในราคาปัจจุบัน สมมติว่าเราหยิบจานไปใบหนึ่งสมัยนั้นราคา ๕ บาท ตอนนี้ราคา ๒๐ บาทก็ต้องใช้คืน ๒๐ บาท
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2018 เมื่อ 03:10 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#139
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “บ้านใครอยู่พิจิตรบ้าง ? ตามไกรทองไปช่วยเด็กที่ถ้ำหลวงหน่อย ไกรทองมีเทียนระเบิดน้ำ ถึงเวลาก็จุดเทียนเดินแหวกน้ำไป วิชานี้จะว่าไปแล้วจริง ๆ ก็คือวาโยกสิณ พอถึงเวลาอธิษฐานแหวกน้ำไป หรือว่าท่านใดถนัดในส่วนของอากาสกสิณก็อธิษฐานให้เป็นช่องว่างเดินแหวกไป
ครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านใช้วิธีนี้แหละลงไปจารตะกรุดใต้น้ำกัน อย่างหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ถึงเวลาก็ลงไปจารตะกรุดใต้น้ำ ตะกรุดใต้น้ำนี่บางคนเรียก ตะกรุดคงคาวดี แต่ว่าหลายท่านเรียกง่าย ๆ ว่า ตะกรุดจันทร์เพ็ญเพราะว่าส่วนใหญ่ท่านจะทำในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ที่ตรงกับวันจันทร์ ถึงเวลาลงไปจารใต้น้ำแล้วก็โยนลอยขึ้นมา ลูกศิษย์ก็ช้อนเก็บ ถ้าดอกไหนไม่ลอยคือใช้ไม่ได้ เรามานึกว่าสมัยก่อนวัสดุส่วนใหญ่คือตะกั่ว อย่างไรตะกั่วก็จมน้ำแน่นอน แต่ครูบาอาจารย์ท่านทำแล้วปล่อยลอยพ้นน้ำขึ้นมาได้ หรือไม่ก็อย่างหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ท่านลงไปจารพระปิดตาของท่านใต้น้ำ พระปิดตาหลวงปู่นาคเดี๋ยวนี้ราคาเป็นล้าน ๆ ของปลอมเยอะมาก แต่ว่าท่านมีทำไว้ทั้งเนื้อเมฆพัตร และเนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อทองเหลือง เพียงแต่ว่าเนื้ออื่นจะมีน้อย แล้วครูบาอาจารย์สมัยก่อนท่านก็แลกเปลี่ยนวิชากัน แบบเดียวกับหลวงปู่จันทร์ วัดโมลี ที่ทำพระปิดตาแร่บางไผ่ แล้วก็หลวงปู่ทับ วัดอนงค์ทำพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ อยู่ ๆ เราก็จะเจอพระพิมพ์แร่บางไผ่เนื้อเมฆสิทธิ์ หรือไม่ปิดตาแบบหลวงปู่ทับแต่เป็นเนื้อแร่บางไผ่ เพราะว่าท่านแลกวิชากัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2018 เมื่อ 18:22 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#140
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าญาติโยมอยากจะฝึกปฏิบัติให้ได้ผลให้ทำอย่างอาตมานี่แหละ คือ ๓๐ กว่าปีที่ผ่านมานี่ อาตมาต้องทรงอารมณ์เข้าสมาธิวันหนึ่งไม่น้อยกว่า ๘ ชั่วโมง เพราะว่านั่งรับญาติโยมอยู่อย่างนี้ ก็แปลว่าทุกวันเราต้องซ้อมเข้าสมาธิ ในเมื่อเข้าแล้วเราต้องตั้งเวลาได้ด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าคลายความรู้สึกออกมา จะหงายท้องแผ่ไปเลย ในเมื่อเราซ้อมอยู่บ่อย ๆ หลายสิบปีผ่านไปก็ได้อย่างที่เห็น
เมื่อวานนี้ทิดเฟิร์สเขาบอกว่า “เวลาหลวงพ่อจารของ ไม่เห็นต้องตั้งท่าเหมือนท่านอื่นเขาเลย” ครูบาอาจารย์อื่นต้องขอเวลานอก ตั้งสมาธิ เห็นหลวงพ่อจารไปคุยไป เสร็จก็ใช้ได้แล้ว ก็เพราะว่าซ้อมเอาไว้มาก ไม่ได้เจตนาซ้อมหรอก แต่ถ้าหากเราไม่รักษาสมาธิเอาไว้จะรับโยมไม่ไหว โดยเฉพาะนั่งอยู่อย่างนี้วันหนึ่งหลาย ๆ ชั่วโมง ถ้าสมาธิหลุดเมื่อไรก็จะหงายแผ่สลบไปเลย ฉะนั้น..กลางคืนไม่มีหรอกที่นอนไม่หลับ มีแต่นอนไม่ค่อยอยากจะตื่น..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2018 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|