|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
![]()
ผมคิดอยู่แต่แรกว่าถ้าเราไม่ฝึกมโนมยิทธิก็ดีนะ งานไม่เยอะ หูหนวกตาบอด ไม่รู้อะไร...ใช่ไหม ? หมดเรื่องไปเลย
แหม...แต่ตอนนั้นคัน อยากจะฝึก ซ้อมแล้วซ้อมอีก หามรุ่งหามค่ำ ปีหนึ่งก็แล้ว สองปีก็แล้ว สามปีก็แล้ว เล่นไม่ยอมเลิก ใครจะไปรู้ว่าพอซ้อมคล่อง กลายเป็นโดนด่าง่ายแบบนี้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 08:11 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
![]()
ผมเป็นคนที่บังเอิญฝึกตามวิธีที่หลวงพ่อท่านบอก ที่ท่านบอกว่า "ข้าสั่งให้ทำอะไร ก็ทำแค่นั้น ให้ทำแบบคนโง่ ๆ" ผมก็ทำไปเรื่อย ทำแบบโง่จริง ๆ ทำจนโดนครูฝึกไล่ เพราะว่าไปทำให้การฝึกของเขาเสียหมด
พอครูฝึกเอ่ยประโยคแรกผมก็รู้แล้วว่าคำถามคืออะไร จึงชิงตอบก่อน คนอื่นเจ๊งหมดเลย เพราะว่าคนอื่นเขายังไม่ได้ยินเลยว่าคำถามคืออะไร ผมโดนไล่ออกจากห้อง มานั่งหน้าเหี่ยวอยู่ หลวงพ่อท่านบอกว่า "คล่องตัวขนาดนั้นก็ไปเป็นครูสอนเขาได้แล้ว" จึงเริ่มไปสอน พอไปสอนเข้าก็มีปัญหาอีก ก็คือว่า ครูฝึกส่วนใหญ่เขายึดตายอยู่กับรูปแบบ เนื่องจากว่าไม่มีความคล่องตัว ไม่รู้อารมณ์ลูกศิษย์จริง ก็ต้องไป ๑-๒-๓-๔-๕ ทั้ง ๆ ที่ลูกศิษย์ไปตั้ง ๒๐-๓๐ แล้ว พอถึงเวลาก็มาบอกว่าผมสอนผิดอีก อย่างเช่นบอกว่าผมสอนไม่ได้ตัดขันธ์ ๕ ไม่ถูกต้อง ผมบอก "ป้า...ฟังดี ๆ นะ ผมบอกกับลูกศิษย์ว่า ถึงตอนนี้เราตายลงไปก็ยอม เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าป้าคิดว่าอย่างนี้ไม่ได้ตัดขันธ์ ๕ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปตัดอะไรแล้ว" ต้องบอกว่ารวบรัดมากเกินไป จนคนแก่ตามไม่ทัน ผมเป็นคนถนัดในการทำของยากให้ง่าย บรรดาครูอื่น ๆ ชอบทำของง่ายให้ยาก ก็เลยประเภทไม่ค่อยจะลงรอยกัน เถียงกันอยู่ประจำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-07-2017 เมื่อ 08:57 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : (การใช้ลูกแก้ว)
ตอบ : ถ้าเสกมาแล้วก็มีอานุภาพในเรื่องลาภผล ให้ใช้คู่กับพระคาถาเงินล้าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 08:15 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เอารูปปั้นศาลตายายที่บ้านมาล้างทำความสะอาด ปรากฏว่าฐานร้าวแตก เพราะเป็นปูนพลาสเตอร์ เปลี่ยนได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ จุดธูปบอกกล่าวท่านก่อน บอกท่านว่าขอเปลี่ยนชุดใหม่ที่ดูดีกว่านี้ ส่วนของเก่าก็ลอยน้ำไปหรือไม่ก็เอาไปไว้โคนไม้ใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะทำด้วยปูนปลาสเตอร์ พวกนี้โดนน้ำไม่ได้ ท่านทำให้รู้ว่าถ้าโดนน้ำก็เจ๊งแบบนี้แหละ ถาม : ควรทำวันไหนคะ ? ตอบ : วันพฤหัสบดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 08:48 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมคนเราต้องภาวนาคะ ?
ตอบ : อันดับแรกคือต้องการให้ใจสงบ ในเหตุการณ์ทางโลกถ้าใจเราสงบลง ประสิทธิภาพการทำงานทุกอย่างจะดีขึ้น อันดับที่สองก็คือ จิตใจที่สงบจากกิเลสชั่วคราว เป็นความสุขที่หาได้ยากในชีวิตปัจจุบัน หลังจากนั้นก็คือต้องการให้เกิดปัญญา เพื่อหาทางหลุดพ้นจากกองทุกข์ ซึ่งเป็นขั้นท้าย ๆ ของการภาวนาเลย ถ้าคนสมาธิดี ๆ โรคสารพัดโรคจะหายไปเองโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นโรคเครียด นอนไม่หลับอะไรประมาณนั้น เพราะฉะนั้น...ลองไปทำดู เป็นยานอนหลับชั้นดีเลย พุทไม่ทันจะโธก็หลับแล้ว ถาม : ถ้าสติตามไม่ทันละคะ ? ตอบ : ถ้าสติตามไม่ทันจะมี ๒ อย่าง อย่างหนึ่งคือหายไปเฉย ๆ เหมือนกับเราเผลอหลับ อีกอย่างหนึ่งก็คือไปฟุ้งซ่าน รัก โลภ โกรธ หลง เสียเยอะแยะ พอรู้ตัวให้รีบดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่ เริ่มต้นนับ ๑ กันใหม่ ถาม : ถ้าวูบหายไปเลย ? ตอบ : รอให้ได้สติแล้วก็เริ่มต้นใหม่ พยายามตั้งสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเอาไว้ อย่าเผลอให้หลุดไปอีก แต่ก็จะหลุดอยู่เรื่อย ๆ จนกว่าเราจะชำนาญ ถึงจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็จะรำคาญ ไม่ทันไรหลับอีกแล้ว ความจริงไม่ได้หลับหรอก สติขาด จึงไม่รับรู้อะไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 09:36 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมไม่ใช่คนโทสะจริต ถ้าจะเลือกฝึกกสิณสีสามารถทำได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำได้ทุกคน แต่เพียงแต่ว่าถ้าเป็นคนโทสะจริต การฝึกกสิณสีจะมีส่วนช่วยในการระงับโทสะได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 09:36 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การตั้งศาลสี่เสา ?
ตอบ : ถ้าไม่จำเป็นและไม่รู้จริงอย่าไปตั้ง ถาม : ถ้าทำไปแล้ว ? ตอบ : ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปทำ ถ้าทำไปแล้วอย่าถอน เพราะเราไม่สามารถที่จะไปใช้ผู้ใหญ่ระดับนั้นได้หรอก ส่วนใหญ่เขาไปตั้งอากาศเทวดาให้ท่านเป็นเจ้าที่ บ้าชัด ๆ..! ถาม : ถ้าต้องการเปลี่ยนแก้ไข ? ตอบ : ต้องดูด้วยว่าคนอื่นเขาจะว่าเอาหรือเปล่า ? ถ้าเป็นส่วนรวมคนเขาเคยไหว้ เดี๋ยวจะโดนเอาง่าย ๆ ถาม : ของโรงงาน ? ตอบ : ถ้าสามารถสั่งการได้ก็เอา ถ้าไม่สามารถสั่งการได้ก็อย่าไปยุ่งดีกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 10:27 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าเป็นงบที่เบิกออกมาแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรก็เอาไปคืนไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนกลางเท่านั้น ถ้าเอาเข้ากระเป๋าเองก็ผิด จำไว้ว่าพวกเราอยู่ลำบาก เพราะว่าติดเรื่องศีลเรื่องธรรม พวกที่ไม่คิดเรื่องนี้ก็อยู่กันสบาย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 20:04 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์เล่าว่า "อาทิตย์ก่อนไปสอนหนังสือที่วัดไร่ขิง ตอนนั่งรถแท็กซี่กลับมามีแต่ธนบัตรใบใหญ่ จะจ่ายค่าแท็กซี่อย่างไร ? เพราะแท็กซี่ยืนยันว่าไม่มีทอน ก็เลยเข้าสถานีบริการน้ำมัน แวะเข้าไปในร้านสะดวก จะซื้อของใช้สักหน่อย
ปรากฏว่าร้านในสถานีตราหอยไม่มีใบมีดโกนแม้แต่อันเดียว ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร แต่อยากได้ใบย่อยมาจ่ายค่าแท็กซี่ ก็เลยหยิบถั่วมา ๑ กระป๋อง พอเดินไปที่จ่ายเงิน มีโยมพรวดพราดเข้ามา ยื่นใบละพันให้พนักงาน "ผมช่วยจ่ายครับ" แล้วอาตมาจะทำอย่างไร ? หยิบใบละพันคืนไป บอกว่า "ไม่ต้อง" แล้วก็ส่งใบละ ๕๐๐ ของตัวเองไปให้พนักงาน เขายืนงงอยู่พักหนึ่ง ท้ายสุดวิ่งไปเปิดตู้ หยิบน้ำเย็นมา ๑ ขวด "ถ้าอย่างนั้นผมขอถวายน้ำแล้วกันครับ" จะบอกเขาอย่างไรว่าอาตมาไม่ฉันน้ำเย็น ? บอกก็ไม่ได้ รับก็รับวะ..! ที่ดีใจคือยังมีคนอยากทำบุญอยู่มาก แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เกือบ ๕ โมงเย็น ไปซื้อถั่วกระป๋อง ยังจะแย่งจ่ายอีก มึงจะสนับสนุนให้ฉันตอนเย็นใช่ไหม ? เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ขึ้นไปงานสืบชะตาของหลวงปู่ครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น ถึงยอมรับว่าตัวเองดังแล้ว เพราะว่าแวะที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก ท้ายสุดแวะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราชก็ยังอุตส่าห์มีคนวิ่งมาทำบุญ เขาถามก่อนว่าใช่ไหม ? ใช่ก็ใช่วะ เขาบอกว่าไม่เคยไปวัด แต่จำหน้าได้ เห็นในเฟซบุ๊กบ่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2017 เมื่อ 20:07 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
![]()
"สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ จัดงานแต่ละทีคนจะมาประมาณแสนกว่าถึงสองแสนคน กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า "ถ้านับหลวงพ่อกับหลวงปู่ปานแล้วใครดังกว่ากัน ?" ท่านบอกว่าหลวงปู่ปานดังกว่าเยอะ ถามว่าทำไมครับ ? ท่านบอกว่ารุ่นข้ามีทั้งโทรทัศน์ มีทั้งวิทยุ มีทั้งหนังสือพิมพ์ช่วยโฆษณา คนมาแค่แสนสองแสน สมัยหลวงปู่ปานไม่มีโฆษณา มีแต่บอกกันปากต่อปาก จัดงานวัดแต่ละที เรือแพจอดแน่นขนัดจนคนเดินข้ามฝั่งได้เลย ท่านบอกว่าหุงข้าวทีละ ๘ กระทะ ยังไม่ทันคนกิน
มาถึงรุ่นอาตมาที่เขาบอกว่าดัง ก็ ดังเพราะสื่อโซเชียลไปไว ลำพังประเภทจัดงานวัดคนมาทีสองพันสามพัน ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของหลวงพ่อท่านสมัยโน้น แต่จะว่าไปแล้ววัดเราถ้าไปเยอะกว่านั้นก็ไม่ไหว ญาติโยมส่วนหนึ่งก็อยู่บ้านดีกว่า เพราะว่าพุทธาภิเษกหรือเป่ายันต์เกราะเพชร อยู่บ้านตั้งใจรับได้เหมือนกัน แถมยังมีถ่ายทอดสดด้วย...ใช่ไหม ? ยิ่งสบายใหญ่เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-07-2017 เมื่อ 16:19 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมผู้หญิงบางคน พอเห็นพระเดินมาก็ขยับปุ๊บ อาตมาต้องบอกว่าให้ยืนเฉย ๆ เพราะขยับแล้วจะชน ยืนเฉย ๆ พระท่านเดินหลบได้เอง เขามักจะหลบไปขวางทางพระพอดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ทำไมคนที่เกิดมาเป็นผู้ชายแล้ว กรรมที่เกิดจากการล่วงละเมิดผู้หญิง ยังสามารถส่งผลได้อีก ?
ตอบ : มีอะไรที่กรรมส่งผลไม่ได้บ้าง ? ถาม : บางคนก็เคยล่วงเกินผู้หญิงเหมือนกัน แต่ทำไมเรา...? ตอบ : เพราะว่าเราทำได้ชั่วกว่าเขา นี่เป็นความสามารถพิเศษที่น่าชื่นชม...! เราก็เลยได้มากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น...พยายามชั่วให้มากกว่านี้ จะได้เยอะกว่านี้อีก...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ที่หลวงพ่อให้ผมทำตามท่านขันติวาทีดาบส จะเป็นขนาดนั้นได้ต้องสั่งสมบารมีไว้ดีแล้ว ต้องสั่งสมกำลังฌานเยอะด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : เปล่า...ของท่านเป็นแค่ระดับต้น ๆ เท่านั้นเอง ลองนึกถึงวัวถึงควายดูสิ ว่าสั่งสมกำลังฌานเท่าไร ? ขนาดไม่ได้อะไรเลย ทำไมถึงทนได้ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตะกรุดหนังเสือที่รับไป ถ้าเอาไปใช้ทางค้าขายได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เอาไว้ค้าขายก็ได้ แต่แม่ค้าคงจะดุน่าดู เหมือนกับเสือ ถามว่าเสือเป็นมหาเสน่ห์ไหม ? เป็น...เสือดุใคร ๆ ก็อยากเห็น ถือเป็นเมตตามหานิยมอย่างหนึ่ง แต่คงจะงับลูกค้าเป็นว่าเล่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาคิดไปแล้ว เหมือนลงแค่ทุกขัง ความทุกข์ไม่เที่ยง มีอยู่แค่นี้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็แค่นี้ ถ้าเราไม่แบกก็จบแล้ว ถ้าเที่ยงก็ต้องอยู่กับเราตลอดไป ทำไมบางทีเราดีใจ ทำไมบางทีเราเสียใจ ตอนดีใจเราลืมทุกข์ ทุกข์หายไปชั่วคราว ถ้าเที่ยงก็ต้องอยู่ตลอดไป พยายามมองให้เห็นว่าธรรมดาของทุกอย่างเป็นอย่างนั้น ในเมื่อปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น เราไม่ไปยุ่งด้วยก็หมดเรื่อง ถาม : ก็ต้องมีคิดบ้างใช่ไหมคะ ? ตอบ : ใช่...เพียงแต่ว่าคิดแล้วต้องจบให้เร็วที่สุด ถ้าเผลอจะฟุ้ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ความกลัวเหมือนขึ้นมาแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกลัว ถ้าเราขจัดความกลัวออกไปได้ก็จบ ไม่มีอะไรต้องกลัวบนโลกใบนี้ ?
ตอบ : ถ้าเราเห็นความตายเป็นของธรรมดา เราจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะทุกอย่างที่เรากลัวคือกลัวตาย ผู้หญิงกลัวจิ้งจก กลัวตายไหม ? จิ้งจกโดดเกาะ ยี้...ขยะแขยง..เดี๋ยวขาดใจตาย ท้ายสุดก็ลงตรงตาย อาตมาตามดูอยู่ ๒ ปีกว่าเกือบ ๓ ปี ดูความกลัวอยู่อย่างเดียว ว่ากลัวเพราะอะไร ท้ายสุดสรุปได้ว่า ความกลัวทุกประเภทเกิดจากกลัวตายทั้งนั้น ถ้าเลิกกลัวตาย ก็เลิกกลัวทุกอย่าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เรื่องสมาธิค่ะ พอเข้าไปแล้ว เหมือนเข้าไปนิ่งอยู่ในนั้น ดิ่งลงไปจนหนูรู้สึกว่าจะดิ่งลงไปถึงไหนวะ บางทีก็นิ่งค่ะ ?
ตอบ : บางเวลาอยากนิ่งก็ให้นิ่ง บางเวลาอยากจะดิ่งก็ให้ดิ่ง แต่ว่ากำหนดเวลาไว้ว่าต้องการนานเท่าไร แล้วคลายออกมาพิจารณาด้วย ไม่อย่างนั้นจะได้แต่กำลังอย่างเดียว ปัญญาจะไม่มี ตอนที่สั่นนั้นอยู่ลักษณะว่ากำลังเพียงพอ อยากจะหลุดออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง เราก็แค่ตั้งใจว่า ออกไปเมื่อไร เราก็จะไปกราบพระที่พระนิพพาน ถาม : ไปแล้วไม่กลับมาได้ไหมคะ ? ตอบ : ถามท่านเองแล้วกัน ส่วนใหญ่ที่เห็นโดนถีบกลับมาทุกราย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ตอนที่เริ่มสามารถคิดได้ จะมีช่วงหนึ่งที่คิดไม่ได้ก่อน เหมือนกับต้องถอยลงมา แล้วก็เริ่มคิดได้ ?
ตอบ : ถ้าสมาธิสูงเกินไปจะคิดไม่ได้ เพราะว่าจะไปอยู่กับตัวนิ่งแทน ต้องคลายออกมาให้ได้ระดับหนึ่งถึงจะคิดได้ แต่ถ้าหากว่าเข้าออกได้คล่องตัวจริง ๆ สมาธิสูงแค่ไหนก็คิดได้ ฉะนั้น...ซ้อมอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกคือซ้อมออก จะได้คิดได้ง่ายขึ้น อีกอย่างคือซ้อมเข้าให้สูงกว่านั้น ถ้าเข้าออกได้คล่องตัว สูงแค่ไหนก็คิดได้ ถาม : ตอนที่คิดได้จะพุ่งมาที่กายก่อนค่ะ เราตั้งไว้ก่อนเข้าสมาธิค่ะ ว่าเราต้องกลับมาดูกายมาพิจารณา พอเข้ามาแล้วก็วูบไปเป็นโครงกระดูก แบบนั้นเอาได้หรือเปล่าคะ ? ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้เราเห็นว่าสภาพร่างกายของเรานี้หาความดีไม่ได้ แบบไหนก็เอา ให้คิดได้ก็แล้วกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่อยู่อย่างโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ทำไปก็จะรู้เองหรือครับ ?
ตอบ : เอาศีลเป็นกรอบ ติดกรอบศีลเมื่อไรก็ถอยหลัง อย่าไปต่อ ถาม : บางทีเหมือนคนไม่สนโลกครับ ? ตอบ : ไอ้นั่นอยู่ที่สันดานของเรา การที่เราไม่สนใจในโลก แปลว่าแบกสักกายทิฏฐิและมานะไว้เต็ม ๆ แต่แบกแบบที่ไม่รู้ตัว เพราะมึงมีความคิดอยู่ในใจว่า "กูดีกว่าเขา กูเลยไม่ยุ่งกับเขา" แบกกิเลสไว้เต็มหัว แต่ไม่รู้ตัว ดันคิดว่าดี คนเข้าถึงธรรมจริง ๆ ยังคงเคารพสมมติทางโลกอยู่ เพราะว่าสมมติก็เป็นความจริง แต่เป็นความจริงแบบโลก เรียกว่า สมมติสัจจะ ในเมื่อความจริงเป็นอย่างนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นอย่างนั้น ระเบียบปฏิบัติเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นก็ขวางโลก พยายามทำตัวให้เป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่ได้ติดอยู่บนใบบอนหรอก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2019 เมื่อ 02:47 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จะไปยากอะไร แค่เห็นว่าธรรมดา กูทำมากูก็ต้องโดนอย่างนี้ เรียกว่ายอมรับกฎของกรรม ในเมื่อเรายอมรับ เราไม่ไปดิ้นรนต่อต้าน เหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดัก ถ้าไม่ดิ้นก็ไม่เจ็บ คุณทะลึ่งไปดิ้นเอง ทำไม่รู้ไม่ชี้ อยากด่าก็ด่า อยากว่าก็ว่า พอเหนื่อยเขาก็เลิกเอง ดูว่าใครจะหน้าด้านกว่ากัน มึงมีปัญญาด่า กูก็มีปัญญาฟัง ถ้าเป็นอย่างอาตมาก็สนุกไปด้วย มีคนด่า "ไอ้เหี้ย" "อืม...มึงรู้จริง กูเคยเกิดเป็นเหี้ยด้วย" "ไอ้ชาติหมา" " กูก็เคยเกิดเป็นหมาเยอะเลย มึงรู้ได้อย่างไรวะ ?" โดนมาเยอะแล้ว บางทีก็ช่วยเขาด่าด้วย ทำตัวเหมือนอย่างกับยืนอยู่กลางที่โล่ง ๆ ใครขว้างอะไรมา ไม่กระทบสักอย่าง จะไปเดือดร้อนอะไร เราดันไปตั้งกำแพง ตั้งข้างฝา ตั้งหลังคาไว้เสียเยอะแยะ ถึงเวลาปึงปังมาด้านไหนก็โดนหมด คราวนี้พอโดนเข้าดันจัดการไม่เป็นอีก โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว เดี๋ยวก็หัวหงอกหน้าเหี่ยว คนแกล้งยังไม่ทันเป็นอะไรเลย อย่าเอาคำพูดของคนอื่นเป็นประมาณ ดีชั่วเรารู้ที่ตัวเราเอง อยากจะพูดก็ให้เขาพูดไป อย่างหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านบอกว่า จะเอาอะไรกับคำของมนุษย์ ดีแสนดี ถ้าเขาจะติ เขาก็หามาติ ชั่วแสนชั่ว ถ้าเขาจะชม เขาก็หามาชม ฉะนั้น...คำพูดของคนประมาณไม่ได้ แบกไว้เมื่อไรก็หนักอยู่คนเดียว เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเราด้วย เขาด่าเราก็ยิ้ม เขาว่าไอ้บ้าเราก็ยิ้ม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2017 เมื่อ 02:53 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|