|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้แม่ของผมป่วยหนักมาก ระหว่างที่ไปเฝ้าแม่กลางคืน นอกจากขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว จับคำภาวนาพุทโธแล้ว จับภาพพระแล้ว ยังมีอะไรอีกที่ต้องทำครับ ?
ตอบ : แนะนำท่านให้นึกถึงเรื่องของบุญของกุศล ถ้าสามารถแนะนำให้เห็นถึงความไม่ดีของร่างกาย แล้วเกาะพระนิพพานได้ก็ยิ่งดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 08:06 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานมีใครฟังที่อาตมาพูดที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสบ้าง ? เรื่องที่พูดแรงจนชวนติดคุกไหม ? บางคนบอกว่าพระอาจารย์กล้าเกินไป ก็ไม่ได้กล้าเกิน อาตมากล้าแค่นี้มาตลอด คนเราถ้าไม่กล้าพูดความจริงแล้วจะเกิดมาทำอะไร ? ขณะเดียวกัน...การพูดความจริง ถ้าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สมควรต้องทำ แล้วที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าสามารถสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นแก่ส่วนรวม จนทำให้คนเห็นดีเห็นงาม หันมายึดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ต้องถือว่าเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและแก่โลกด้วย
ที่อาตมาบอกว่ารัฐบาลตั้งโจทย์ผิด แทนที่จะเห็นพระเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ สามารถช่วยเหลืองานรัฐบาลได้ดีที่สุด กลับเห็นพระเป็นศัตรู เมื่อตั้งโจทย์ผิดแล้วจะเอาคำตอบที่ถูกมาจากไหน ? โบราณบอกว่าอย่าไล่หมาจนตรอก เพราะถ้าหมาจนตรอกจะหันกลับมากัด ตอนนี้รัฐบาลกำลังไล่พระจนตรอก เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไม่ได้มีความผิดอะไร ก็ตีฆ้องร้องป่าวว่าท่านผิด อาตมาถามโยมว่า ถ้าโยมไปซื้อเครื่องไฟฟ้ามาหนึ่งเครื่อง แล้วอยู่ ๆ มีคนมาบอกว่าเป็นเครื่องไฟฟ้าหนีภาษี ตกลงว่าคนหนีภาษีคือเรา หรือว่าคนขาย หรือว่าคนผลิต ? เราเองเป็นผู้ร้ายหรือว่าเราเป็นผู้เสียหาย ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 14:02 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
"ถ้าโยมสังเกตจะเห็นว่า ทุกวันนี้ที่ดีเอสไอตีฆ้องร้องป่าวว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านมีความผิดติดตัว ไม่สมควรที่จะเป็นพระสังฆราช แต่ไม่สามารถที่จะตั้งข้อหาท่านได้สักข้อหนึ่ง เป็นเพียงคำกล่าวหาลอย ๆ เท่านั้น ถ้าภาษาโบราณเขาว่า พวกหน้าตัวเมีย...ตีหัวเข้าบ้าน ก็คือแอบตีกบาลชาวบ้าน แล้วก็วิ่งหนีเข้าบ้านตัวเอง ไม่สู้กับใครตรง ๆ เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปแล้ว
ตอนนี้ที่เดือดร้อนก็คือคณะสงฆ์ทั้งประเทศ และคนไทยทั้งประเทศ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีเจตนาที่จะทำลายศาสนาโดยตรง ทุกวันนี้สถาบันหลักของบ้านเราเหลือแต่ศาสนาเท่านั้นที่เขายังทำลายไม่ได้ สถาบันชาติไม่ต้องพูดถึง แตกกันบรรลัยชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบไปตั้งแต่สมัยเป่านกหวีดนำม็อบกันแล้ว เขาทำได้สำเร็จแล้ว แต่ที่บ้านเราเมืองเรายังเป็นบ้านเป็นเมืองอยู่ เพราะว่ายังมีสถาบันศาสนาและพระมหากษัตริย์ แต่สถาบันพระมหากษัตริย์เขาเห็นว่าแค่นับเวลารอเท่านั้น ก็เหลือเพียงอย่างเดียวคือต้องทำลายพระพุทธศาสนาให้ได้ ถ้าหากพวกเราเองยังนิ่งนอนใจกันอยู่ ยังมัวแต่กลัว กลัวตัวเองเดือดร้อน กลัวกระทบกระทั่งกับคนอื่น ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา บ้านเราจะอยู่ไม่ได้ อาตมาขอยืนยันว่า ถ้าศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครได้อยู่สุขอยู่เย็นสักคน ขนาดศาสนาพุทธยังอยู่ เรายังโดนเบียดเบียนทุกวิธีการ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่อาตมาทำเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนคิด แต่ไม่กล้าพูดไม่กล้าทำ ถ้าเราสังเกตศาสนาอื่น พอถึงเวลามีปัญหาเล็กน้อยแค่ไหนเขาจะโวยวายเอาไว้ก่อน ออกสื่อเอาไว้ก่อน หาว่าเราไปเบียดเบียน ไปรังแกเขา แต่ศาสนาของเราโดนเขารังแกเท่าไรก็ทนเอา รัฐบาลไม่เคยจัดงบประมาณสนับสนุนให้ชาวพุทธเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดีย แต่จัดงบประมาณเป็นร้อย ๆ ล้านให้ศาสนาอื่นเดินทางไปแสวงบุญได้ ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นเงินภาษีอากรของประชาชนเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 14:05 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"ประเทศเราต้องบอกว่ามีแต่ไอ้พวกขี้ขลาด โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่รับหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ประชากรไทย ๙๘ เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่กล้าเขียนว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีประชากรประมาณ ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์ เขากล้าประกาศให้ศาสนาเขาเป็นศาสนาประจำชาติ
ทุกวันนี้เราไม่สามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขอะไรพระพุทธศาสนาได้ ก็เพราะว่าเราไม่สามารถออกกฎหมายมารองรับได้ ถามว่าทำไมไม่สามารถออกกฎหมายมารองรับได้ ? เขาบอกว่าในเมื่อไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายแม่ เราก็ไม่สามารถที่จะออกกฎหมายลูกมาได้เพราะจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็จริงของเขา แต่พอถึงเวลาจะบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติลงรัฐธรรมนูญ จะมีการเตะสกัดกันสุดชีวิต อาตมาไม่ได้ต้องการให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่อาตมาอยากให้คนเขียนรัฐธรรมนูญที่เป็นศาสนาพุทธ มีจิตสำนึกที่จะทำอะไรเพื่อพระพุทธศาสนาบ้าง หรือแค่ว่าสักแต่นับถือพุทธศาสนาตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ? ท่านมีโอกาสที่จะสร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติอย่างยิ่ง...แต่กลับไม่ทำ ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาช่วงชิงโอกาสทำเพื่อศาสนาของเขาทุกอย่าง หลวงพ่อพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ระบุไว้ชัดเลยว่า ถ้ามีศาสนาอื่นถึง ๕ เปอร์เซ็นต์เมื่อไร บ้านเราจะเดือดร้อนไม่รู้จบ ทุกวันนี้ยังไม่ถึง ๕ เปอร์เซ็นต์เราก็เดือดร้อนกันมากขนาดนี้แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 14:06 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"อาตมาไม่ได้ต้องการให้พวกเราเกลียดชังศาสนาอื่น เพราะรู้ว่าคนดียังมีอยู่มาก แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้เท่าทันเขาด้วย ไม่ใช่ไว้วางใจอยู่ตลอดเวลาว่าในเมื่อเราดีเขาก็ต้องดี พระพุทธเจ้าสอนเราไม่ให้ประมาท ภัยคุกคามมาจนถึงคอหอยแล้ว ถ้าเรายังนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ ท้ายสุดเราจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว
อาตมาเองก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตนเอง ทำอย่างไรที่จะรักษาศรัทธาให้ญาติโยมเอาไว้ได้ ? ทำอย่างไรที่จะสร้างเสริมพระเณรของเราให้อยู่ในศีลในธรรม ? ทำอย่างไรที่จะทำให้พระเณรของเรามีความรู้ที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลกว่านี้ ? ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะแก้ไขส่วนรวม คือ มหภาคได้ เราก็แก้ไขในขอบเขตที่เรามีอำนาจ ถ้าหากว่าทุกคนทำงานในลักษณะอย่างนี้ ต่อให้ไม่บัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พวกเรามีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันก่อนที่จะตัดสินใจไปลงประชามติ ก็ตัดสินใจกันให้ดี ๆ แล้วกันว่าเราจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คาดว่าไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีรัฐธรรมนูญมากไปกว่าประเทศไทย เมื่อไรกินเนสบุ๊กจะบันทึกลงเสียทีก็ไม่รู้ ว่าเป็นประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองที่สุดในโลก อาตมาก็ยังสงสัยอยู่ว่า ท่านทั้งหลายที่เขาว่าเป็นนักปราชญ์ ทำไมต้องเสียเงินเป็นพันล้านเพื่อที่จะร่างรัฐธรรมนูญ ในเมื่อเรารู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนดี มีข้อบกพร่องตรงไหน เราก็ยึดฉบับนั้นเป็นหลัก แก้ไขเฉพาะข้อบกพร่อง ๓ วัน ๕ วันก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ตกลงว่าเขาโง่จริงหรือฉลาด ? เรื่องทั้งหมดนี้ว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับกิเลสคน อาตมาถึงได้บอกว่า ถ้าจะเอาดีจริง ๆ โน่น...หาพระโสดาบันมาเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งหมดอย่างน้อยจะต้องถือศีล ๕ เคร่งครัด ถ้าลักษณะอย่างนั้นแล้วประเทศชาติคงจะพอไปได้ แต่ถ้าหากว่าตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ในเรื่องที่จะไปหวังว่าจะไม่กินไม่โกงนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่นอนหลับฝันกลางวันไปเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 14:08 |
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
ถาม : พระอาจารย์ครับ ถ้าพระอาจารย์เป็นฆราวาสจะรับหรือไม่รับครับ ? (รับร่างรัฐธรรมนูญ)
ตอบ : รับสิ...! นี่ก็กำลังนั่งรับอยู่ จะไม่รับได้อย่างไร เดี๋ยวขัดศรัทธาญาติโยม .....(รับสังฆทาน).....
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2016 เมื่อ 14:09 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะภิกษุรูปหนึ่ง เรียนอะไรก็ขลังไปหมด โดยเฉพาะพระของท่านใช้แทนของวัดระฆังได้เลย ถ้าใครสู้ราคาพระสมเด็จ วัดระฆัง ไม่ไหวก็ใช้ของท่านแทนได้ แต่ว่าของท่านเขาปลอมกันฉิบหา...วายป่วงเลย เพราะลูกศิษย์ได้แม่พิมพ์ไปจากวัดแล้วก็พิมพ์ขายกัน โดยเฉพาะสมเด็จแหวกม่าน ถ้าเห็นสมเด็จแหวกม่านนี่ถอยหนีห่าง ๆ ไว้เลย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2016 เมื่อ 12:34 |
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ สำคัญตรงที่ว่าต้องปลุกใจตัวเองให้ลุกให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะนอนท่าเดียว คนไหนนอนห้องปรับอากาศจะตื่นยากเพราะอากาศน้อย ส่วนใหญ่ที่เราหายใจเข้าไปเป็นอากาศเสีย ทำให้สมองไม่สดชื่น บางคนก็สงสัยว่าไปอยู่วัด นอนไปส่งเดชตามศาลาทำไมสดชื่นตื่นง่าย
อย่าไปเข้าใจว่าที่นอนไม่สบาย ความจริงร่างกายรับอากาศที่ดี ๆ เข้าไปก็ตื่นง่าย ช่วงที่อาตมาไปปากีสถาน หายใจเข้าไปนี่รู้เลยว่าคุณภาพอากาศของเขาต่างจากเราลิบโลก ของเราหายใจไม่ค่อยเต็มปอด ที่ปากีสถานหายใจทีรู้สึกว่าลงไปถึงหัวแม่เท้าเลย ไม่ใช่แค่ปอด สภาพอากาศสุดยอดมาก ไปมาเป็นอาทิตย์ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลยเพราะอากาศดีมาก มากลับมาถึงบ้านเราก็เจ็บไข้ได้ป่วยกันต่อ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2016 เมื่อ 12:35 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
ถาม : จะซื้อรถค่ะ ?
ตอบ : ซื้อรถเอาสีอะไรก็ได้แต่ให้เว้นสีดำไว้ เพราะสมัยหลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่า สีดำเท่ากับไว้ทุกข์ให้ตัวเอง ส่วนรถถ้าจะออกให้เอาออกจากโชว์รูมวันพฤหัสบดีหรือวันอาทิตย์ก็ได้ แต่ให้สลับกัน ก็คือ ถ้าออกวันพฤหัสบดีให้เอามาประเดิมใช้วันอาทิตย์ ถ้าออกวันอาทิตย์ให้ไปประเดิมใช้วันพฤหัสบดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2016 เมื่อ 12:36 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “วัดไร่แตงทองของหลวงปู่หลิว ตอนนี้ท่านอาจารย์สายชลกำลังซื้อที่รอบวัด ชาวบ้านเล่นขึ้นราคาแพงหูดับไปเลย จากไร่ละไม่กี่หมื่นบาท พอท่านอาจารย์สายชลไปซื้อ เขาเอาไร่ละสามแสนบาท ส่วนที่วัดท่าขนุน ราคาประเมินไร่ละสองแสนบาท เขาขายให้อาตมาไร่ละหนึ่งล้าน ฟังแล้วชื่นใจ
เนื้อที่ที่อยู่ระหว่างศาลานวราชบพิตรของวัดท่าซุงกับจุฬามณีที่แหว่งอยู่ ตอนนั้นราคาไร่ละสามหมื่นบาท เขาขายให้หลวงพ่อไร่ละสองแสนบาท หลวงพ่อท่านก็เลยปล่อยทิ้ง ดูว่าเขาจะไปขายใครได้ ไม่อย่างนั้นท่านก็ซื้อหมดไปแล้ว นอกจากไม่คิดจะทำบุญทำกุศลแล้ว ยังโก่งราคาอีกต่างหาก ส่วนใหญ่แล้วคนรอบวัดก็เป็นอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร คือถ้าเขามีจิตศรัทธาถวายมา อานิสงส์ก็คงไม่ต้องนับกัน แต่ส่วนใหญ่จะโก่งราคามากกว่า เพราะว่าต้นตำรับโก่งราคามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว จำเจ้าเชตกุมารได้ไหม ? ที่ขายที่สวนเชตวันให้อนาถปิณฑิกเศรษฐี บอกว่าจะขายก็ได้ แต่ต้องเอาเงินมาปูให้เต็ม พูดง่าย ๆ ว่าที่จะเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดไหน เอาเงินเกลี่ยให้ที่เสมอกันได้ก็เอาไปได้เลย คิดราคาแค่นั้นแหละ คิดว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐีจะถอย ที่ไหนได้...ท่านไม่ถอยนะสิ สั่งเปิดคลังขนเงินใส่เกวียนมาเลย ปูเอาให้เรียบไปเลย ถมไปถมมาถึงหน้าประตูเหลืออยู่ไม่ถึงวา เจ้าเชตกุมารบอกว่าเอาแค่นี้แหละ พอแล้ว ท่านก็ยังอุตส่าห์เมตตานะ ให้ที่แค่หน้าประตูก็ยังสร้างซุ้มประตูให้ ติดชื่อว่าพระเชตวันมหาวิหาร ที่ทั้งหมดตัวเองเอาเงินไปถมแท้ ๆ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีไม่ยักใช้ชื่อตัวเอง ในเมื่อมีต้นตำรับโก่งราคามาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ที่รอบ ๆ วัดก็ไม่ต้องห่วงหรอก เขาต้องโก่งราคาอยู่แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2016 เมื่อ 14:14 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
พระอาจารย์พูดถึงกระทู้คนมีเงิน "อาตมาตั้งกระทู้ท้าทายเขาไปอย่างนั้นเอง ถ้าไม่รวยห้ามเข้า...! ของบางอย่างคนไม่รู้จัก อย่างรูปหลวงปู่ปาน รูปหลวงปู่จง รูปหลวงปู่สีนั่นเขารู้จัก พอลงเขาจองกันทันที รูปหลวงปู่นุ่ม วัดนางใน ไม่มีใครรู้จัก แปลกมาก...อาตมารู้จักท่านตั้งแต่เด็กเลย
ก่อนหน้านั้นเขามีคำพูดเหมือนกับวลีเด็ดว่า “ภูดอนรัก ภักตร์วัดโบสถ์ โปร่งท่าช้าง นุ่มนางใน คำโพธิ์ปล้ำ ซำตลาดใหม่” สุดยอดพระเกจิอาจารย์สายอ่างทอง โดยเฉพาะเก่งทางเบี้ยแก้สุด ๆ เบี้ยแก้บ้านเรานี่จะมีสายวัดนายโรง ซึ่งเป็นสายเดียวกับวัดกลางบางแก้ว วิชาถ่ายทอดกันไปถ่ายทอดกันมา แล้วก็ไปสายอ่างทอง เกจิอาจารย์สายอ่างทองส่วนใหญ่เก่งเบี้ยแก้กันทั้งนั้น แต่ว่าพวกตะกรุดก็ถือว่าสุดยอด อย่างหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ตะกรุดของท่าน ถ้าดูไม่ดีบางคนตีเป็นของหลวงปู่เนียม วัดน้อย ไปเลย ส่วนใหญ่ท่านทำด้วยตะกั่วเหมือนกัน พอเก่าแล้วดูยากหน่อย หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ส่วนที่ท่านดังเป็นพิเศษคือตะโพน ตะโพนแกะสลักจากงาช้าง ความจริงส่วนใหญ่เป็นเขากวางไม่ใช่งาช้าง พวกบรรดาลิเกทั่วฟ้าเมืองไทยยุคนั้น ต้องไปกราบหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ขอตะโพนให้ได้ เล่นที่ไหนก็ดัง แล้วก็มาหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง ท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ในเรื่องตะกรุด ในเรื่องเบี้ยแก้ สุดยอดทั้งนั้น หลวงพ่อซำท่านอาวุโสที่สุด แต่ดังสู้รุ่นน้องไม่ได้ เพราะว่ารุ่นน้องอย่างหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ กับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ท่านดังกว่า หลวงพ่อซำทำเบี้ยแก้จำนวนตามกำลังวัน อย่างเช่นถ้าทำวันอาทิตย์ก็ ๖ ตัว สูงสุดก็ ๒๑ ตัว แต่ท่านไม่ทำวันศุกร์ ท่านทำแค่วันอาทิตย์ วันอังคารและวันเสาร์ ถ้าวันอาทิตย์ ๖ ตัว วันอังคาร ๘ ตัว วันเสาร์ ๑๐ ตัว เท่านั้นจบเลย อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนต้องไปดักปรอท ครั้งหนึ่งก็ไม่ได้มาก ได้มาทีละน้อย รวม ๆ มาพอที่จะทำได้ก็ทำเสียครั้งหนึ่ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2016 เมื่อ 14:20 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ถาม : ปรอทในเบี้ยแก้ ?
ตอบ : เป็นปรอทป่าเป็น ๆ นี่แหละ ไปดักมา ถาม : กันอะไรครับ ? ตอบ : กันไข้ป่า กันผีเจ้าเข้าสิงอะไรพวกนั้น พวกวัตถุอาถรรพ์อะไรต่าง ๆ เจอปรอทเบี้ยแก้แล้วเจ๊งหมด เบี้ยแก้สายอ่างทองส่วนใหญ่เป็นเบี้ยเปลือย แต่ลูกศิษย์มักจะเอาไปเลี่ยมในตลาด เอาไปเลี่ยมในตลาดส่วนใหญ่ก็มีแค่ ๒-๓ ร้านที่เป็นร้านทำเงินทำทอง ฝีมือการทำก็ไม่ต่างกัน ฝีมือการเลี่ยมก็ไม่ต่างกัน ต้องมาค่อย ๆ แยกว่าเบี้ยตัวไหนเป็นของวัดไหน โอ๊ย...เครียด เบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ท่านอุดชันโรง แล้วก็ปิดด้วยแผ่นยันต์ที่ส่วนใหญ่เป็นทองแดง ของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางในนี่ ยันต์อยู่ข้างใน ข้างนอกจะเห็นแต่ชันโรง ของหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง ปิดชันโรงแล้วค่อยปิดทอง ของหลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่นี่ ปิดชันโรงแล้วปิดด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ห่อบุหรี่ จึงพอที่จะแยกได้ว่าของวัดไหน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2016 เมื่อ 10:25 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
แต่ถ้าจะเอาง่ายที่สุดก็ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เวลาเขย่าจะมีเสียงดังที่ไม่เหมือนเสียงปรอท เพราะท่านใส่ตะกั่วลงไปเลี้ยงปรอทด้วย จะมีเสียง “แซก ๆ” เหมือนอย่างกับเสียงทรายอยู่ข้างใน ปกติปรอทจะดัง “ขลุก ๆ” ถ้าหากว่าเลี่ยมมิดมาก็พิสูจน์ยาก ต้องจำลายจารครูบาอาจารย์ให้ได้ แต่ถ้าเปิดท้องเบี้ยมา ก็พอที่จะแยกออกว่าเป็นของสำนักไหน
ทางด้านสายวัดนายโรงกับสายวัดกลางบางแก้ว มีลวดลายการถักไม่เหมือนกัน ทั้งสองสายนี้ส่วนใหญ่นิยมถักเชือกหุ้มแล้วก็เคลือบด้วยยางมะพลับ หรือไม่ก็ยางรัก ถ้าหากว่าเป็นรุ่นเก่า ๆ สมัยหลวงปู่รอด วัดนายโรง หรือว่าหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จะชุบรักจีน ถ้าเป็นรักจีนจะดูง่ายหน่อย ถ้าเป็นรักไทยจะดูยากและทำปลอมกันมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2016 เมื่อ 10:27 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : แม่ยังอยู่ไหม ? ถาม : ยังอยู่ครับ ? ตอบ : ถ้ายังอยู่สอนให้ท่านภาวนา ถาม : ถ้าหากเราเป็นคนที่ทำบุญ ก็ต้อง...? ตอบ : เราทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าท่านไม่ยินดีด้วยก็ไม่มีประโยชน์ ต้องให้ท่านยินดีด้วย พูดง่าย ๆ ว่า ท่านต้องยินดีและโมทนาด้วย บุญส่วนเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องยินดีหรือโมทนาด้วย คือ บุญในการบวช ถ้าท่านไม่ค่อยจะยินดีกับบุญของเราก็บวชไปเลย อย่างนั้นท่านจะเอาหรือไม่เอาก็ต้องได้ เป็นบุญภาคบังคับ ถาม : บวชศีล ๘ ได้ไหมครับ ? ตอบ : บวชพระ...! ไม่ต้องเลี่ยงบาลี บวชศีล ๘ เดี๋ยวเจอหลังมือ...! ถาม : เคยบวชมาแล้วครั้งหนึ่งครับ ? ตอบ : ถ้าอยากได้ก็ต้องบวชใหม่ บวชสัก ๘ วัน ๑๐ วันแล้วก็สึก สึกแล้วก็บวชใหม่ เอาอานิสงส์ไปเรื่อย ๆ แม่จะได้เยอะหน่อย ถาม : บวชสามครั้งคงไม่ได้ ? ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็คงไม่มีใครคบกับพระอรหันต์ ๒ รูป ก็คือ ท่านจิตหัตถ์กับท่านนังคละ ทั้งสองรูปนั้นบวชเสียจนกระทั่งพระอุปัชฌาย์บ่นว่า ตกลงนี่บวชเอาหัวมาเป็นเขียงลับมีดหรืออย่างไร ? เดี๋ยวโกน ๆ ท้ายสุดท่านก็เป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น...ใครไม่คบพระอรหันต์ก็เป็นความซวยของเขาเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-08-2016 เมื่อ 22:30 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
ถาม : เทวดาเขามีการสวดมนต์นั่งสมาธิไหมครับ ?
ตอบ : เขาทำกันเป็นปกติ ลองขึ้นไปชั้นยามาดูสิ ถาม : มีคนบอกว่าเทวดาไม่สามารถทำบุญได้ ต้องรอโมทนาจากคนอื่น ? ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาถาม มัวแต่งอมืองอเท้ารอโมทนา ถ้าคนอื่นเขาไม่ทำแล้วเราจะเอาอะไรรับประทาน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-08-2016 เมื่อ 17:15 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
ถาม : การปลุกเสก ?
ตอบ : เอาเป็นอันว่าแยกคนละศัพท์กันระหว่าง "ปลุก" กับ "เสก" แต่สรุปลงท้ายก็ต้องใช้กำลังของสมาธิเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีปลุกหรือวิธีเสก การเสกก็ว่าคาถากันไป อาจจะเป็น ๙ จบ ๑๐๘ จบ การปลุกก็คือใช้อำนาจจิต อำนาจสมาธิของตนเองไปบังคับ ถาม : การเสกนั้น เกิดจากการดึงสมาธิมาที่วัตถุมงคล หรือสวดคาถาลงที่วัตถุมงคลครับ ? ตอบ : อยู่ที่ครูบาอาจารย์เขาจะสอนมาว่าให้เราทำอย่างไร บางคนก็ใช้เพ่งจิตลงไป บางคนก็ให้แผ่กำลังจิตคลุมลงไป บางคนก็ให้อาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ ถาม : เคยเจอแบบใช้คาถาครับ ? ตอบ : ถ้าหากทำตามพิธีกรรมของเขาก็มีผลตามแบบของเขา ถาม : ถ้าเราไม่ทำตามพิธีของเขา เปลี่ยนวิธี ? ตอบ : แล้วคุณจะเปลี่ยนไปทำไมวะ ? รู้ว่าทำแล้วได้ผล แต่จะได้มากได้น้อย อันดับแรกก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิของตนเอง อันดับที่ ๒ ก็คือพิธีกรรมทำได้ถูกต้องสมบูรณ์หรือเปล่า ถาม : ถ้าเราจะทำให้ได้ผล ต้องทำอย่างไรครับ ? ตอบ : เข้าสมาบัติ ๘ แล้วอธิษฐาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2016 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
ถาม : จิตที่ละเอียดเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : คือสภาพจิตที่มีการเข้าถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ในระดับที่มากกว่าคนทั่วไป ยิ่งเข้าถึงมากเท่าไรก็ยิ่งละเอียดเท่านั้น แต่ถ้าคนที่เขาละเอียดกว่า เขาก็ว่าเรายังหยาบอยู่ เพราะฉะนั้น...ระดับความหยาบละเอียดก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน คนที่หยาบกว่าเขาก็ว่าเราละเอียด คนที่เขาละเอียดกว่าเขาก็ว่าเราหยาบ ถาม : คนที่จิตละเอียดจะ....... เกี่ยวกันไหมครับ ? ตอบ : คำถามเดิมอีก แสดงว่าสภาพจิตคุณไม่ละเอียดพอ ในเมื่อไม่ละเอียดพอ สิ่งที่คนอื่นเขาเห็นว่าบกพร่องเราเสือกไม่เห็น แล้วโดยเฉพาะว่าตัวเองพูดเองก็ลืมเอง ไปฝึกต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2016 เมื่อ 16:56 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
ถาม : ปลวกขึ้นบ้านค่ะ ?
ตอบ : ก็ดูว่าถ้าเป็นแค่ทางเดินเฉย ๆ ก็เขี่ยทิ้งไป แล้วก็เอายาฉีดสกัดเขาเอาไว้ แต่ให้ทำตอนกลางวันนะ กลางวันแดดร้อนปลวกจะหนีลงใต้ดิน แต่ถ้าเป็นรังใหญ่ก็เอาน้ำมันโซล่าราดรังทิ้งไว้ พอเหม็นปลวกก็จะไม่ขึ้นมาอีก ถาม : โดนตัวต่อต่อย ? ตอบ : เขาไม่ได้เจตนาต่อยเราหรอก เขาแค่ป้องกันตัว ถ้าพวกแตนพวกต่ออยู่แสดงว่ารอบบ้านเป็นป่า พวกนี้เขาเป็นสัตว์กินเนื้อ เขาต้องหากินพวกแมลง แสดงว่ารอบข้างเป็นป่าเยอะ ถ้าไม่อยากที่จะให้เขามาทำรังอยู่ใกล้ ๆ เราก็หมั่นก่อไฟไว้เรื่อย ๆ ถ้าไม่มีอะไรก็เผาขยะก็ยังดี ถ้าเขาเหม็นควันก็จะไปเอง พวกนี้เขากลัวไฟ พอมีไฟจะไม่เข้ามา ถาม : เขามักจะมาแย่งที่ค่ะ ตอบ : ส่วนใหญ่เขาจะสังเกตว่าที่ไหนปลอดภัยก็จะมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2016 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
ถาม : พวกสัตว์เขาชอบเข้ามาหาเราค่ะ เผอิญไม่ค่อยชอบเขาค่ะ ?
ตอบ : พวกสัตว์เขาจะรู้ เพราะว่ากระแสใจของเรามีอยู่ กระแสของใครสงบเย็นกว่า เขาก็อยากจะเข้าใกล้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2016 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
ถาม : นอนเฉย ๆ ไม่ได้ภาวนาก็รู้สึกว่าตัวลอยค่ะ ?
ตอบ : บางทีถ้ากำลังใจของเราตรงร่องพอดีก็เป็นได้ ถาม : พอหลับตาก็ตัวลอย พอลืมตาตัวก็ไม่ลอย ก็เลยหลับไปเลย ? ตอบ : ตอนที่เราใกล้หลับ สมาธิทรงตัวใกล้จะเป็นปฐมฌาน ปีติก็จะเกิด เพราะว่าการหลับเป็นอำนาจของปฐมฌานหยาบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2016 เมื่อ 02:14 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|