กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 03:54
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default เทศน์วันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

เทศน์วันอาสาฬหบูชา
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘



เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/live/t38_WCb2bmc
เทศน์เริ่มนาทีที่ ๔๐.๐๐


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

มัชฌิมา ปฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อภิสัมพุทธา ติฯ

ณ บัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในอาสาฬหปูชากถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศี แก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ซึ่งพร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศล ณ วัดท่าขนุน ในวันอาสาฬหบูชานี้

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ ๔๙ วัน หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงพิจารณาว่า หลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก จึงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่คิดที่จะแสดงพระธรรมเทศนาต่อผู้หนึ่งผู้ใด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : วันนี้ เมื่อ 08:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 04:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ครานั้น..ท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดว่า ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดต่อสัตว์โลกทั้งหลาย แล้วจึงได้เสด็จจากพรหมโลกลงมา ถวายอภิวาทต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทรงทูลอาราธนาองค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า "สัตว์โลกทั้งหลายที่ธุลีในจักษุมีน้อยนั้นยังปรากฏอยู่ ขอองค์สมเด็จพระบรมครู ทรงแสดงธรรมโปรดเขาทั้งหลายเหล่านั้นด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า"

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงรับอาราธนาจากท้าวสหัมบดีพรหมแล้ว ก็ได้พิจารณาว่า เราจักแสดงธรรมนี้ให้ปรากฏต่อผู้ใดก่อน ทรงระลึกถึงอาฬารดาบส กาลามโคตร และอุทกดาบส รามบุตร สองอาจารย์ผู้ที่สั่งสอนพระองค์ท่านในการแสวงหาภิเนษกรมณ์ จนกระทั่งสำเร็จในอรูปฌานที่ ๗ และอรูปฌานที่ ๘ ว่า ครูทั้งสองนี้เป็นบุคคลที่สั่งสมมาซึ่งบุญญากุศลทั้งหลาย ถึงพร้อมที่จะบรรลุได้ในการฟังธรรม

เมื่อพิจารณาแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงกำหนดด้วยพระทิพจักขุญาณ จึงได้ทราบว่า อาฬารดาบส กาลามโคตร นั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อ ๗ วันที่แล้ว และ อุทกดาบส รามบุตร นั้น เพิ่งจะสิ้นชีวิตลงในวันนี้เอง ทั้ง ๒ ท่านต่างไปเกิดอยู่ในอรูปพรหมโลก ซึ่งเป็นสถานที่มีแต่ดวงจิต ปราศจากอายตนะ คือ สิ่งที่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ ทำให้ไม่สามารถที่จะฟังธรรมที่พระองค์ตั้งใจแสดงได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : เมื่อวานนี้ เมื่อ 09:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 04:12
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงระลึกต่อไปว่า อันปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่สละสมบัติทั้งปวงออกบวช ติดตามเราตั้งแต่วันแรกนั้น เป็นบุคคลที่ควรจะรู้ทั่วถึงธรรม

เมื่อใช้ทิพจักขุญาณสอดส่องแล้วก็ทราบว่า เมื่อพระองค์ท่านเลิกทรมานพระวรกาย หันมาบริโภคอาหารให้ร่างกายมีกำลังตามหลัก "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป ซึ่งค้านกับการปฏิบัติในสมัยนั้นที่นิยมในการทรมานร่างกาย

ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จึงได้เก็บข้าวของหนีจากองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไป อาศัยอยู่ที่อิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ซึ่งห่างจากจุดที่พระองค์ท่านตรัสรู้ นับเป็นระยะทางในปัจจุบันประมาณ ๒๕๐ กิโลเมตร องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตั้งใจที่จะโปรดปัญจวัคคีย์ผู้มีบุญทั้ง ๕ จึงได้เสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

ถ้าหากว่า นับตามที่พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวเอาไว้ว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถเดินทางได้วันหนึ่งถึง ๑๒๐ โยชน์ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายต้องการรู้ว่า ๑๒๐ โยชน์เป็นระยะทางเท่าไร ๑ โยชน์เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร ก็แปลว่า องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ของเรานั้น ได้เดินทางเป็นระยะทางเกือบ ๒,๐๐๐ กิโลเมตรต่อวัน

แต่องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ ๔๙ วัน แล้วไปเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ในวันอาสาฬบูชา ก็แปลว่าห่างกันอยู่ ๖๐ วัน เมื่อองค์สมเด็จพระภควันใช้เวลาไปแล้ว ๔๙ วัน ก็เหลืออีกแค่ ๑๑ วัน แต่องค์สมเด็จพระภควันสามารถเสด็จถึงได้ภายในไม่ถึงวัน เหตุใดพระองค์ท่านต้องใช้เวลาถึง ๑๑ วัน จึงไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : วันนี้ เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 04:22
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อมาคิดถึงว่า ในยุคนั้นสมัยนั้น ตั้งแต่พระองค์ท่านประสูติ ก็มีคำร่ำลือว่า ราชกุมารนี้..ถ้าหากอยู่ในราชสมบัติจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ถ้าหากว่าออกบวชจักเป็นศาสดาเอกของโลก

การเป็นศาสดาเอกของโลกนั้นไม่มีปัญหา แต่การจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ก็แปลว่า จะต้องได้ราชสมบัติของบรรดากษัตริย์ หรือผู้ปกครองทั้งหลายในชมพูทวีปนี้ อยู่ภายใต้พระบรมเดชานุภาพทั้งหมด ในเมื่อเป็นเช่นนั้น..บุคคลที่ไม่ยินดีด้วยกับการเกิดมาของพระองค์ท่านจึงมีเป็นจำนวนมาก

เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มีการสืบข่าวสืบคราวอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าสิทธัตถะราชกุมารจะขึ้นครองราชย์เมื่อไร ก็น่าจะมีการขัดขวางกันสุดชีวิต แต่พอดีองค์สมเด็จพระธรรมสามิสร์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ กลายเป็นนักบวช ผู้ไม่มีพิษมีภัยกับใคร และยังแสดงการบวชด้วยการแสวงหาหลักธรรมอย่างจริงจัง ก็คือ ทรมานกายยิ่งกว่าคนอื่นทั้งปวง ทำให้บรรดากษัตริย์ หรือมหาราชเหล่านั้น เบาพระทัยลงไปได้

แต่เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะเสด็จออกประกาศพระพุทธศาสนา ความระแวงย่อมปรากฏแก่กษัตราธิราชทั้งหลายเหล่านั้นว่า พระองค์ท่านจะสั่งสมสาวกเพื่อขึ้นครองโลกอีกหรือเปล่า เรียกง่าย ๆ ว่าคิดกันแบบคนมีกิเลสเต็มที่

องค์สมเด็จพระธรรมเสนาบดีจึงมิได้ที่จะเสด็จไปอย่างสะดวกและง่ายดาย เพราะถ้าไปปรากฏพระองค์ตรง ๆ ฝ่ายที่ตั้งใจจะขัดขวางก็อาจจะสร้างกรรม ด้วยการส่งกำลังทหารก็ดี ส่งบรรดามือสังหารก็ตาม มาเพื่อปลิดพระชนม์ชีพของพระองค์ ไม่ให้สามารถที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ ด้วยระแวงว่า พระองค์ท่านจะสะสมคนไปชิงราชสมบัติของเขาทั้งหลายเหล่านั้น

องค์สมเด็จพระภควันต์จึงต้องเดิน ๆ หยุด ๆ อยู่ในลักษณะที่ว่า รอจนค่ำมืดไม่มีผู้คนแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้เสด็จหลบหลีกไป ไม่ให้คนเห็น เมื่อใกล้จะสว่าง ต้องเข้าที่หลีกเร้นจากสายตาผู้คน จึงใช้เวลาในการเดินทางที่ควรจะถึงภายในวันเดียว กลายเป็นเดินทางถึง ๑๑ วันด้วยกัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 09:04
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึง บรรดาปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เห็นเข้าก็ไม่คิดว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุมรรคผลแล้ว คิดว่า..ตอนนี้สิทธัตถะราชกุมารคงทนลำบากไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครคอยอุปัฏฐากรับใช้ คงจะกลับมาง้อให้เราไปอุปัฏฐากเช่นเดิม ดังนั้นพวกเราจงอย่าลุกรับ จงอย่ากราบไหว้ จงอย่าปูอาสนะ จงอย่าตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย

แต่ด้วยพุทธานุภาพ เมื่อเสด็จไปถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ลืมสิ่งที่ให้สัญญาต่อกันไว้ บุคคลที่เคยรับบาตร รับไม้เท้า ก็รับบาตร รับไม้เท้าไป บุคคลที่เคยล้างเท้าให้ ก็ล้างเท้าให้ บุคคลที่เคยเช็ดเท้าให้ ก็เช็ดเท้าให้ บุคคลที่เคยปูอาสนะถวาย ก็ปูอาสนะถวาย บุคคลที่เคยตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย ก็ตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย

แต่ด้วยความที่คิดว่า พระองค์ท่านเป็นผู้มักมาก ไม่มีโอกาสบรรลุมรรคผล จึงใช้คำพูดในลักษณะผู้ใหญ่พูดกับเด็ก ใช้คำว่า "อาวุโส" ซึ่งแปลว่า "ผู้มีอายุ" ที่ผู้ใหญ่พูดกับเด็กในสมัยนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กล่าวว่า "อย่าเลย...ท่านทั้งหลาย เราได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอเธอทั้งหลายจงฟังธรรมเถิด"

แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ยังไม่เชื่อถือ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ตรัสว่า "ระหว่างที่ท่านทั้งหลายติดตามเราอยู่หลายปี เคยได้ยินเรากล่าวสักคำหรือไม่ว่าบรรลุมรรคผลแล้ว ? เมื่อตอนนี้เราบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริงแล้ว ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังธรรมเถิด" ปัญจวัคคีย์จึงระลึกได้ว่า อันสิทธัตถะราชกุมารนั้นมีวาจาเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง กล่าวสิ่งใดก็เป็นเช่นนั้น จึงได้ตั้งใจฟังธรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า เมื่อวานนี้, 09:12
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสแสดง "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" หรือที่เรียกันภายหลังว่า "ปฐมเทศนา" กล่าวถึงส่วนสุด ๒ อย่าง คือ "อัตตกิลมถานุโยค" การทรมานตนจนเกินไป และ "กามสุขัลลิกานุโยค" การติดสบายจนเกินไป ว่า..ไม่ใช่หนทางที่บรรพชิตจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย

หากแต่ให้ปฏิบัติใน "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลางซึ่งประกอบไปด้วย
สัมมาทิฏฐิ การมีความเห็นที่ถูกต้อง
สัมมาสังกัปปะ การรู้จักคิดให้ถูกต้อง
สัมมาวาจา การรู้จักกล่าววาจาที่ถูกต้อง
สัมมากัมมันตะ การประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง
สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง
สัมมาวายามะ รู้จักความเพียรที่ถูกต้อง
สัมมาสติ การตั้งสติไว้ถูกต้อง และ
สัมมาสมาธิ การทำสมาธิให้ถูกต้อง

ทั้ง ๘ อย่างนี้เมื่อย่อลงมาแล้วก็คือ "ปัญญา ศีล และสมาธิ" แต่พวกเราทั้งหลายมักจะเรียกว่า "ศีล สมาธิ และปัญญา" ถ้าดำเนินตามทางเหล่านี้ ย่อมสามารถที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า เมื่อวานนี้, 09:16
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

อัญญาโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ซึ่งตอนนั้นคือ โกณฑัญญพราหมณ์ เมื่อตรองตามไปแล้วจึงเห็นว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นย่อมดับลงไปเอง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาดูสภาพจิตของปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ แล้วเห็นอัญญาโกณฑัญญะเข้าใจในหลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสสอน จึงได้อุทานด้วยความดีพระทัยว่า "อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ" แปลความว่า โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงประทานการอุปสมบท ก็คือ บวชให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ด้วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือ ตรัสว่า "ขอเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ขอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบด้วยเถิด"

ดังนั้น..ในวาระนั้นจึงปรากฏพระสงฆ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนา และพระโกณฑัญญเถระก็นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนานั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า เมื่อวานนี้, 09:22
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..วันอาสาฬหบูชา จึงมีความสำคัญหลายประการด้วยกัน
ประการที่ ๑ เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก หลังจากที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ประการที่ ๒ บังเกิด "พระสังฆรัตนะ" คือ พระสงฆ์ ขึ้นในโลก จนครบ "พระรัตนตรัย" คือ มีแก้ววิเศษ ๓ ดวงครบถ้วนในบวรพระพุทธศาสนา


ทำให้ชาวพุทธของเรา ยกเอาวันอาสาฬหบูชาขึ้นมาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา มีความนิยม ก็คือ ในวันสำคัญนี้เราจะมีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายสังฆทาน หรือว่า มีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ถ้าหากว่าเป็นของวัดท่าขนุนนี้ เราก็มีการหล่อเทียนพรรษาด้วย

ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันกระทำบุญกุศลเหล่านี้แล้ว ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วได้สอนไว้ คือ เราเป็นผู้มีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความดีความงาม จะสร้างบุญสร้างประโยชน์ให้แก่เราทั้งชาตินี้และชาติหน้า ท่านทั้งหลายจึงมาประกอบกองบุญการกุศลที่วัดท่าขนุนนี้

ท่านทั้งหลายเป็นบุคคลผู้ประกอบด้วยศีล ได้สมาทานอุโบสถศีลก่อนที่จะได้ฟังธรรม ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายประกอบไปด้วยศีล และมีสมาธิ คือ ตั้งใจฟังธรรม และพิจารณาในเนื้อความ สิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นความดีความงาม เราสามารถปฏิบัติได้ ก็จะนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองทั้งโลกนี้และโลกหน้า ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ในปฐมเทศนาเมื่อ ๒,๖๑๓ ปีที่ล่วงแล้วมา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า เมื่อวานนี้, 09:26
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,612
ได้ให้อนุโมทนา: 319
ได้รับอนุโมทนา 76,223 ครั้ง ใน 3,760 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแห่งนี้ คือ หลวงปู่สาย อคฺควํโส เป็นที่สุด

ขอได้โปรดดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย มีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้วไซร้ ขอความปรารถนาของท่านทั้งหลาย จงสำเร็จสัมฤทธ์ผล สมดังมโนรถจงทุกประการ

รับประทานวิสัชชนามาในอาสาฬหปูชากถาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันอาสาฬหบูชา ณ วัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 19:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว