กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เทศน์วันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=11093)

หยาดฝน 14-07-2025 03:54

เทศน์วันอาสาฬหบูชา วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
 
เทศน์วันอาสาฬหบูชา
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘



เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/live/t38_WCb2bmc
เทศน์เริ่มนาทีที่ ๔๐.๐๐


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

มัชฌิมา ปฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อภิสัมพุทธา ติฯ

ณ บัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในอาสาฬหปูชากถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศี แก่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ซึ่งพร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศล ณ วัดท่าขนุน ในวันอาสาฬหบูชานี้

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ ๔๙ วัน หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ทรงพิจารณาว่า หลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้นี้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก จึงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่คิดที่จะแสดงพระธรรมเทศนาต่อผู้หนึ่งผู้ใด

หยาดฝน 14-07-2025 04:03

ครานั้น..ท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดว่า ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดต่อสัตว์โลกทั้งหลาย แล้วจึงได้เสด็จจากพรหมโลกลงมา ถวายอภิวาทต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทรงทูลอาราธนาองค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า "สัตว์โลกทั้งหลายที่ธุลีในจักษุมีน้อยนั้นยังปรากฏอยู่ ขอองค์สมเด็จพระบรมครู ทรงแสดงธรรมโปรดเขาทั้งหลายเหล่านั้นด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า"

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงรับอาราธนาจากท้าวสหัมบดีพรหมแล้ว ก็ได้พิจารณาว่า เราจักแสดงธรรมนี้ให้ปรากฏต่อผู้ใดก่อน ทรงระลึกถึงอาฬารดาบส กาลามโคตร และอุทกดาบส รามบุตร สองอาจารย์ผู้ที่สั่งสอนพระองค์ท่านในการแสวงหาภิเนษกรมณ์ จนกระทั่งสำเร็จในอรูปฌานที่ ๗ และอรูปฌานที่ ๘ ว่า ครูทั้งสองนี้เป็นบุคคลที่สั่งสมมาซึ่งบุญญากุศลทั้งหลาย ถึงพร้อมที่จะบรรลุได้ในการฟังธรรม

เมื่อพิจารณาแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงกำหนดด้วยพระทิพจักขุญาณ จึงได้ทราบว่า อาฬารดาบส กาลามโคตร นั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อ ๗ วันที่แล้ว และ อุทกดาบส รามบุตร นั้น เพิ่งจะสิ้นชีวิตลงในวันนี้เอง ทั้ง ๒ ท่านต่างไปเกิดอยู่ในอรูปพรหมโลก ซึ่งเป็นสถานที่มีแต่ดวงจิต ปราศจากอายตนะ คือ สิ่งที่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ ทำให้ไม่สามารถที่จะฟังธรรมที่พระองค์ตั้งใจแสดงได้

หยาดฝน 14-07-2025 04:12

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงระลึกต่อไปว่า อันปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่สละสมบัติทั้งปวงออกบวช ติดตามเราตั้งแต่วันแรกนั้น เป็นบุคคลที่ควรจะรู้ทั่วถึงธรรม

เมื่อใช้ทิพจักขุญาณสอดส่องแล้วก็ทราบว่า เมื่อพระองค์ท่านเลิกทรมานพระวรกาย หันมาบริโภคอาหารให้ร่างกายมีกำลังตามหลัก "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลาง ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป ซึ่งค้านกับการปฏิบัติในสมัยนั้นที่นิยมในการทรมานร่างกาย

ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ จึงได้เก็บข้าวของหนีจากองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไป อาศัยอยู่ที่อิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ซึ่งห่างจากจุดที่พระองค์ท่านตรัสรู้ นับเป็นระยะทางในปัจจุบันประมาณ ๒๕๐ กิโลเมตร องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตั้งใจที่จะโปรดปัญจวัคคีย์ผู้มีบุญทั้ง ๕ จึงได้เสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

ถ้าหากว่า นับตามที่พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวเอาไว้ว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สามารถเดินทางได้วันหนึ่งถึง ๑๒๐ โยชน์ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายต้องการรู้ว่า ๑๒๐ โยชน์เป็นระยะทางเท่าไร ๑ โยชน์เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร ก็แปลว่า องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ของเรานั้น ได้เดินทางเป็นระยะทางเกือบ ๒,๐๐๐ กิโลเมตรต่อวัน

แต่องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ ๔๙ วัน แล้วไปเทศน์โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ในวันอาสาฬบูชา ก็แปลว่าห่างกันอยู่ ๖๐ วัน เมื่อองค์สมเด็จพระภควันใช้เวลาไปแล้ว ๔๙ วัน ก็เหลืออีกแค่ ๑๑ วัน แต่องค์สมเด็จพระภควันสามารถเสด็จถึงได้ภายในไม่ถึงวัน เหตุใดพระองค์ท่านต้องใช้เวลาถึง ๑๑ วัน จึงไปถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน

หยาดฝน 14-07-2025 04:22

เมื่อมาคิดถึงว่า ในยุคนั้นสมัยนั้น ตั้งแต่พระองค์ท่านประสูติ ก็มีคำร่ำลือว่า ราชกุมารนี้..ถ้าหากอยู่ในราชสมบัติจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ถ้าหากว่าออกบวชจักเป็นศาสดาเอกของโลก

การเป็นศาสดาเอกของโลกนั้นไม่มีปัญหา แต่การจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ก็แปลว่า จะต้องได้ราชสมบัติของบรรดากษัตริย์ หรือผู้ปกครองทั้งหลายในชมพูทวีปนี้ อยู่ภายใต้พระบรมเดชานุภาพทั้งหมด ในเมื่อเป็นเช่นนั้น..บุคคลที่ไม่ยินดีด้วยกับการเกิดมาของพระองค์ท่านจึงมีเป็นจำนวนมาก

เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็มีการสืบข่าวสืบคราวอยู่ตลอดเวลาว่า ถ้าสิทธัตถะราชกุมารจะขึ้นครองราชย์เมื่อไร ก็น่าจะมีการขัดขวางกันสุดชีวิต แต่พอดีองค์สมเด็จพระธรรมสามิสร์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ กลายเป็นนักบวช ผู้ไม่มีพิษมีภัยกับใคร และยังแสดงการบวชด้วยการแสวงหาหลักธรรมอย่างจริงจัง ก็คือ ทรมานกายยิ่งกว่าคนอื่นทั้งปวง ทำให้บรรดากษัตริย์ หรือมหาราชเหล่านั้น เบาพระทัยลงไปได้

แต่เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะเสด็จออกประกาศพระพุทธศาสนา ความระแวงย่อมปรากฏแก่กษัตราธิราชทั้งหลายเหล่านั้นว่า พระองค์ท่านจะสั่งสมสาวกเพื่อขึ้นครองโลกอีกหรือเปล่า เรียกง่าย ๆ ว่าคิดกันแบบคนมีกิเลสเต็มที่

องค์สมเด็จพระธรรมเสนาบดีจึงมิได้ที่จะเสด็จไปอย่างสะดวกและง่ายดาย เพราะถ้าไปปรากฏพระองค์ตรง ๆ ฝ่ายที่ตั้งใจจะขัดขวางก็อาจจะสร้างกรรม ด้วยการส่งกำลังทหารก็ดี ส่งบรรดามือสังหารก็ตาม มาเพื่อปลิดพระชนม์ชีพของพระองค์ ไม่ให้สามารถที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ ด้วยระแวงว่า พระองค์ท่านจะสะสมคนไปชิงราชสมบัติของเขาทั้งหลายเหล่านั้น

องค์สมเด็จพระภควันต์จึงต้องเดิน ๆ หยุด ๆ อยู่ในลักษณะที่ว่า รอจนค่ำมืดไม่มีผู้คนแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้เสด็จหลบหลีกไป ไม่ให้คนเห็น เมื่อใกล้จะสว่าง ต้องเข้าที่หลีกเร้นจากสายตาผู้คน จึงใช้เวลาในการเดินทางที่ควรจะถึงภายในวันเดียว กลายเป็นเดินทางถึง ๑๑ วันด้วยกัน

หยาดฝน 14-07-2025 09:04

เมื่อองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึง บรรดาปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เห็นเข้าก็ไม่คิดว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบรรลุมรรคผลแล้ว คิดว่า..ตอนนี้สิทธัตถะราชกุมารคงทนลำบากไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใครคอยอุปัฏฐากรับใช้ คงจะกลับมาง้อให้เราไปอุปัฏฐากเช่นเดิม ดังนั้นพวกเราจงอย่าลุกรับ จงอย่ากราบไหว้ จงอย่าปูอาสนะ จงอย่าตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย

แต่ด้วยพุทธานุภาพ เมื่อเสด็จไปถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ลืมสิ่งที่ให้สัญญาต่อกันไว้ บุคคลที่เคยรับบาตร รับไม้เท้า ก็รับบาตร รับไม้เท้าไป บุคคลที่เคยล้างเท้าให้ ก็ล้างเท้าให้ บุคคลที่เคยเช็ดเท้าให้ ก็เช็ดเท้าให้ บุคคลที่เคยปูอาสนะถวาย ก็ปูอาสนะถวาย บุคคลที่เคยตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย ก็ตั้งน้ำใช้น้ำฉันถวาย

แต่ด้วยความที่คิดว่า พระองค์ท่านเป็นผู้มักมาก ไม่มีโอกาสบรรลุมรรคผล จึงใช้คำพูดในลักษณะผู้ใหญ่พูดกับเด็ก ใช้คำว่า "อาวุโส" ซึ่งแปลว่า "ผู้มีอายุ" ที่ผู้ใหญ่พูดกับเด็กในสมัยนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้กล่าวว่า "อย่าเลย...ท่านทั้งหลาย เราได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอเธอทั้งหลายจงฟังธรรมเถิด"

แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ก็ยังไม่เชื่อถือ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ตรัสว่า "ระหว่างที่ท่านทั้งหลายติดตามเราอยู่หลายปี เคยได้ยินเรากล่าวสักคำหรือไม่ว่าบรรลุมรรคผลแล้ว ? เมื่อตอนนี้เราบรรลุมรรคผลอย่างแท้จริงแล้ว ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังธรรมเถิด" ปัญจวัคคีย์จึงระลึกได้ว่า อันสิทธัตถะราชกุมารนั้นมีวาจาเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง กล่าวสิ่งใดก็เป็นเช่นนั้น จึงได้ตั้งใจฟังธรรม

หยาดฝน 14-07-2025 09:12

องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสแสดง "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" หรือที่เรียกันภายหลังว่า "ปฐมเทศนา" กล่าวถึงส่วนสุด ๒ อย่าง คือ "อัตตกิลมถานุโยค" การทรมานตนจนเกินไป และ "กามสุขัลลิกานุโยค" การติดสบายจนเกินไป ว่า..ไม่ใช่หนทางที่บรรพชิตจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย

หากแต่ให้ปฏิบัติใน "มัชฌิมาปฏิปทา" คือ ทางสายกลางซึ่งประกอบไปด้วย
สัมมาทิฏฐิ การมีความเห็นที่ถูกต้อง
สัมมาสังกัปปะ การรู้จักคิดให้ถูกต้อง
สัมมาวาจา การรู้จักกล่าววาจาที่ถูกต้อง
สัมมากัมมันตะ การประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง
สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง
สัมมาวายามะ รู้จักความเพียรที่ถูกต้อง
สัมมาสติ การตั้งสติไว้ถูกต้อง และ
สัมมาสมาธิ การทำสมาธิให้ถูกต้อง

ทั้ง ๘ อย่างนี้เมื่อย่อลงมาแล้วก็คือ "ปัญญา ศีล และสมาธิ" แต่พวกเราทั้งหลายมักจะเรียกว่า "ศีล สมาธิ และปัญญา" ถ้าดำเนินตามทางเหล่านี้ ย่อมสามารถที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลได้

หยาดฝน 14-07-2025 09:16

อัญญาโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ซึ่งตอนนั้นคือ โกณฑัญญพราหมณ์ เมื่อตรองตามไปแล้วจึงเห็นว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นย่อมดับลงไปเอง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาดูสภาพจิตของปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ แล้วเห็นอัญญาโกณฑัญญะเข้าใจในหลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสสอน จึงได้อุทานด้วยความดีพระทัยว่า "อัญญาสิ วะตะ โภ โกณฑัญโญ" แปลความว่า โกณฑัญญะรู้แล้วหนอ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงประทานการอุปสมบท ก็คือ บวชให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ด้วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือ ตรัสว่า "ขอเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ขอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบด้วยเถิด"

ดังนั้น..ในวาระนั้นจึงปรากฏพระสงฆ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนา และพระโกณฑัญญเถระก็นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนานั้น

หยาดฝน 14-07-2025 09:22

ดังนั้น..วันอาสาฬหบูชา จึงมีความสำคัญหลายประการด้วยกัน
ประการที่ ๑ เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก หลังจากที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ประการที่ ๒ บังเกิด "พระสังฆรัตนะ" คือ พระสงฆ์ ขึ้นในโลก จนครบ "พระรัตนตรัย" คือ มีแก้ววิเศษ ๓ ดวงครบถ้วนในบวรพระพุทธศาสนา


ทำให้ชาวพุทธของเรา ยกเอาวันอาสาฬหบูชาขึ้นมาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา มีความนิยม ก็คือ ในวันสำคัญนี้เราจะมีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรม ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายสังฆทาน หรือว่า มีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ถ้าหากว่าเป็นของวัดท่าขนุนนี้ เราก็มีการหล่อเทียนพรรษาด้วย

ญาติโยมทั้งหลายได้ร่วมกันกระทำบุญกุศลเหล่านี้แล้ว ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วได้สอนไว้ คือ เราเป็นผู้มีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความดีความงาม จะสร้างบุญสร้างประโยชน์ให้แก่เราทั้งชาตินี้และชาติหน้า ท่านทั้งหลายจึงมาประกอบกองบุญการกุศลที่วัดท่าขนุนนี้

ท่านทั้งหลายเป็นบุคคลผู้ประกอบด้วยศีล ได้สมาทานอุโบสถศีลก่อนที่จะได้ฟังธรรม ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายประกอบไปด้วยศีล และมีสมาธิ คือ ตั้งใจฟังธรรม และพิจารณาในเนื้อความ สิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นความดีความงาม เราสามารถปฏิบัติได้ ก็จะนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองทั้งโลกนี้และโลกหน้า ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ในปฐมเทศนาเมื่อ ๒,๖๑๓ ปีที่ล่วงแล้วมา

หยาดฝน 14-07-2025 09:26

ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนแห่งนี้ คือ หลวงปู่สาย อคฺควํโส เป็นที่สุด

ขอได้โปรดดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย มีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้วไซร้ ขอความปรารถนาของท่านทั้งหลาย จงสำเร็จสัมฤทธ์ผล สมดังมโนรถจงทุกประการ

รับประทานวิสัชชนามาในอาสาฬหปูชากถาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันอาสาฬหบูชา ณ วัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:07


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว