กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-12-2025, 22:00
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 616
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 29,178 ครั้ง ใน 1,105 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,585
ได้ให้อนุโมทนา: 160,865
ได้รับอนุโมทนา 4,522,762 ครั้ง ใน 37,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าที่ Hotel Mudra อยู่ที่ ๑๒ องศาเซลเซียส แต่ก็ไม่รู้สึกว่าหนาวเช่นเคย ต้องเจริญพรขอบคุณ "มหามาตา" และบริวารเป็นอย่างยิ่ง

แม้ว่าพวกเราจะนัดกันที่เลข ๖ - ๗ - ๘ ก็ตาม แต่ว่าห้องอาหารเปิดตั้งแต่ ๖ โมงเช้าแล้ว พวกเราจึงลงไปรับประทานอาหารกันตามอัธยาศัย กระผม/อาตมภาพมีนิสัยที่ว่า ไปไหนก็กินอาหารพื้นบ้านของเขา จึงไม่ค่อยได้สนใจอาหารที่ทางเอ็นซีทัวร์พกมาจากเมืองไทยสักเท่าไรนัก

เมื่ออิ่มแล้วก็จัดการคืนห้อง เตรียมตัวที่จะเดินทางเพื่อไปสักการะธัมเมกขสถูป ซึ่งเป็นสถานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพงปฐมเทศนา บริเวณป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ปรากฏว่าเมื่อพวกเราทั้งหลายขึ้นรถแล้ว วิ่งไปไม่ถึง ๕ นาทีดี ก็มาจอดอยู่หน้าวัดไทยเมืองสารนาถ แล้วก็เดินเข้าไปในบริเวณป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศอินเดียนั้นยังใช้ระบบโบราณอยู่ ก็คือเปิดเมื่อตะวันขึ้น และปิดเมื่อตะวันลับฟ้า ดังนั้น..จึงไม่มีเวลาเปิดปิดที่แน่นอน ต้องเป็นไปตามสภาพอากาศของฤดูกาลนั้น ๆ

พวกเราเดินเข้าไปในบริเวณแรก ท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร เลขานุการธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล ซึ่งเป็นพระธรรมวิทยากรประจำคณะของเรา ก็ชี้ให้ดูธัมมราชิกสถูป ซึ่งเป็นบริเวณที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงอนัตตลักขณสูตรต่อปัญจวัคคีย์ แล้วทั้ง ๕ รูปก็บรรลุอรหัตผลด้วยกันทั้งหมด

จากนั้นพวกเราก็เดินไปสักการะพระมูลคันธกุฎีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรกที่พระองค์ท่านจำพรรษา และเป็นพรรษาแรกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่พวกเราฟังบรรยายแล้วก็ได้เดินไปดูเสาอโศก ซึ่งหักเป็นสามท่อนอยู่ แต่ว่าเขาเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี

จากนั้นถึงได้อ้อมไปทางด้านหน้าพระมูลคันธกุฎี ไปฟังบรรยายและสวดมนต์ถวายกันที่นั่น ปรากฏว่ามีญาติโยมคณะหนึ่ง ซึ่งดูแล้วว่าเป็นชาวอินเดียล้วน ๆ แต่น่าจะเป็นชาวพุทธ เมื่อเห็นพวกเราสวดมนต์ถวายสักการะ และถ่ายรูปหมู่อยู่ ทุกคนก็ยืนรอกันเป็นระเบียบเรียบร้อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 03:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,585
ได้ให้อนุโมทนา: 160,865
ได้รับอนุโมทนา 4,522,762 ครั้ง ใน 37,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อออกจากทางด้านพระมูลคันธกุฎี เดินไปอีกนิดหนึ่ง ก็เป็นสถานที่ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรดยสกุลบุตร ในตอนแรกบรรลุเป็นพระโสดาบัน ครั้นเมื่อบิดาตามมาถึง พระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาเหมือนเดิม ทำให้บิดาของยสกุลบุตรบรรลุโสดาบัน แต่ว่ายสกลบุตรสำเร็จเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว..!

เมื่อถ่ายรูปกับสถานที่แล้ว พวกเราก็เดินไปยังธัมเมกขสถูป อันเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา หรือว่าที่เราเรียกกันว่าธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั่นเอง กระผม/อาตมภาพเห็นว่าบริเวณรอบข้างนั้นมีพื้นที่กว้างขวางพอ

ดังนั้น..จากการที่เขาจัดเตรียมสถานที่เอาไว้เพื่อที่จะให้พวกเราไปนั่งสวดมนต์ กระผม/อาตมภาพจึงชวนท่านเจ้าคุณกอล์ฟ พระครูธรรมธรวรัญญู อคฺควชิโร, ดร. พระธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล ตลอดจนกระทั่งคณะทุกคน เดินประทักษิณรอบธัมเมกขสถูปและสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายเป็นพุทธบูชาไป ๓ จบ จากนั้นค่อยมานั่งฟังบรรยาย และเจริญพระกรรมฐานกันอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นด้านทิศตะวันตก แต่ว่าจะหันหน้าไปหาทิศตะวันออก

เมื่อกระผม/อาตมภาพนั่งลง ก็มีคนยัดเยียดสิ่งของประเภทพระพุทธรูปบ้าง พระเครื่องบ้าง ตลอดจนกระทั่งลูกประคำมาอยู่ในมือ ประมาณว่า "รบกวนเสกให้ด้วย..!" ลมทางด้านนี้ก็แรงและเย็นเหลือใจ กระผม/อาตมภาพเองทนไปได้พักหนึ่ง ก็เริ่มมีอาการตะคริวกิน ยังโชคดีที่ว่าทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยลงด้วยดี เมื่อถ่ายรูปหมู่กันเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินไปยังวัดไทยสารนาถ ซึ่งเจ้าคุณกอล์ฟพากระผม/อาตมภาพเดินวนรอบใหญ่ เพื่อที่จะได้ดูว่าทางด้านป่าอิสิปตนมฤคทายวันนั้น มีความใหญ่โตมโหฬารเพียงใด จึงทำให้ไปถึงวัดไทยสารนาถช้ากว่าคนอื่นเขา..!

เมื่อเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปยังอุโบสถวัดไทยสารนาถ เพื่อที่จะร่วมกันถวายผ้าป่าบูรณะวัดกับหลวงพ่อสุมงฺคลิโก ซึ่งท่านเป็นคนอินเดียแท้ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนอินเดียทางรัฐอรุณาจัล หน้าตาของท่านก็เลยออกมาทางชาวเหนือของไทย และพูดไทยชัดมาก ถ้าหากว่าไม่มีใครบอกก็ไม่รู้ว่าเป็นแขกเต็มตัว..!

เมื่อท่านเจ้าคุณกอล์ฟบอกให้กราบกระผม/อาตมภาพก่อน หลวงพ่อสุมงฺคลิโกก็ยังลังเล เนื่องเพราะคิดว่าท่านเจ้าคุณกอล์ฟจะอาวุโสมากกว่า กระผม/อาตมภาพก็ออกอาการ "หัวเราะมิได้ ร่ำไห้ไม่ออก" ตามเคย ขออภัยที่แก่ช้าไปหน่อย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 04:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,585
ได้ให้อนุโมทนา: 160,865
ได้รับอนุโมทนา 4,522,762 ครั้ง ใน 37,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำพิธีถวายผ้าป่ากันเรียบร้อยและรับพรแล้ว พวกเราก็มารับประทานอาหารกลางวันกัน ทางโรงครัวของวัดไทยสารนาถ จัดอาหารกลางวันรสชาติดีเอาไว้ เพื่อให้พวกเราได้กินกันอย่างเต็มที่

เมื่ออิ่มแล้ว ยังมีเวลาเหลืออยู่ จึงให้พวกเราทั้งหมดไปเดินตลาด ก็คือซื้อหาสิ่งของ กระผม/อาตมภาพและท่านปิง (พระกวีศิลป์ วิสุทฺธิกุโล) ได้ไปเดินทางด้านหน้าวัดไทยสารนาถ ซึ่งมีข้าวของจำหน่ายมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนเดินตามขอทานไปตลอดทาง ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก

ครั้นเข้ามาในวัด ปรากฏว่าทางด้านลูกศิษย์วัดไปหอบข้าวของต่าง ๆ มาขายอยู่ข้างใน..! ด้วยความที่มาช้าก็เลยไม่รู้ว่าเขามีบริการแบบ "เดลิเวรี่" ถึงที่แบบนี้ด้วย แต่ละคนก็เลยซื้อข้าวของกันไปหอบสองหอบ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าจะฝากกันทั่วถึงหรือเปล่า ? จากนั้นพวกเราก็ลาหลวงพ่อสุมงฺคลิโก เพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองกุสินารา เมื่อขึ้นรถมาและฟังบรรยายจากพระครูธรรมธรวรัญญ, ดร. แล้ว พวกเราก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย

กระผม/อาตมภาพลืมตาขึ้นมาจากการภาวนา เป็นช่วงที่กำลังข้ามแม่น้ำสรภู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่สำคัญแม่น้ำสายหนึ่งของประเทศอินเดีย หลังจากวิ่งไปอีกเพียงเล็กน้อย ก็สังเกตเห็นว่าในนานั้นมีกวางอยู่หลายตัว ครั้นพอกล่าวถึง ท่านเจ้าคุณกอล์ฟและพระครูธรรมธรวรัญญ, ดร. ของเราก็ตื่นเต้นเป็นการใหญ่ บอกว่าไม่ใช่กวาง แต่นั่นคือ "นิลกาย" ซึ่งเป็นสัตว์สงวนหายากสุด ๆ ของอินเดียเขา วันนี้มาปรากฏตัวทั้งสองฝั่ง ก็คือฝั่งถนนด้านซ้ายและด้านขวา หากินอยู่ในนาของชาวบ้านแบบไม่สนใจอะไรเลย

นิลกายนั้นเป็นสัตว์ตระกูลวัว แต่หน้าตาแปลกมาก เพราะว่าลักษณะของตัวเป็นวัว แต่ว่าคอเหมือนม้า หน้าเหมือนกวาง คางเหมือนแพะ ก็คือตัวผู้มีเคราเหมือนแพะด้วย ถ้าหากว่าเป็นตัวเมียก็สีอ่อนออกไปทางสีน้ำตาล แต่ว่าตัวผู้นั้นออกไปทางสีดำ จึงได้ชื่อว่านิลกาย

อากาศนอกรถของเรานั้นเย็นเฉียบทีเดียว ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ ๒๐ องศาเซลเซียสเท่านั้น พวกเราวิ่งต่อไปได้อีกไม่นาน ก็แวะเข้าห้องน้ำกันก่อน เป็นห้องน้ำของโรงแรมที่ชื่อ Hotel Madhuban ซึ่งจริง ๆ ก็คือ "มธุปานะ" หรือว่าน้ำผึ้งนั่นเอง เมื่อเข้าห้องน้ำกันแล้วก็ไปอุดหนุนเขา ที่มีทั้งโยเกิร์ต มีทั้งชานม ซึ่งเรียกว่ากะลัมไจย แต่ของกระผม/อาตมภาพนั้นสั่งเอาชาดำธรรมมา ๒ แก้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 04:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,585
ได้ให้อนุโมทนา: 160,865
ได้รับอนุโมทนา 4,522,762 ครั้ง ใน 37,200 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำอีกรอบหนึ่ง แล้วค่อยกลับขึ้นรถ วิ่งออกไปได้ไม่นานเท่านั้น เสียงร้อง "เฮ้ย..!" จากคนขับก็ทำเอาพวกเราสะดุ้ง เนื่องเพราะว่ามีรถจักรยานเลี้ยวตัดหน้ากะทันหัน..! เบรกอย่างไรก็เบรกไม่อยู่ มีหวังตายแน่นอน คนขับถึงขนาดหักขึ้นไปบนเกาะกลางถนนเลย..! เสียงดังโครมสนั่น แล้วมีเสียงขลุก ๆ อยู่ใต้ท้องรถด้วย กระผม/อาตมภาพเห็นสภาพแล้วว่าเอ็งไม่รอดแน่นอน..! แต่ท่านเจ้าคุณกอล์ฟบอกว่า "มันกระเด็นออกไปทางด้านอีกฝั่งหนึ่งของถนน" รอดไปได้ แต่ว่าจักรยานพังแหลกหมดทั้งคัน..!

ในเรื่องของอุบัติเหตุทางรถยนต์ของประเทศอินเดียนั้น ถ้าไม่บาดเจ็บสาหัส หรือถึงแก่ชีวิต เขาถือว่าขอกันกิน รถของเราก็เลยวิ่งต่อกันไปหน้าตาเฉย..! ท่ามกลางความงุนงงสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ไอ้คนขี่จักรยานมันรอดตายได้อย่างไร ? พวกเราไม่เพียงสงสัย คาดว่าตัวมันเองก็สงสัยไม่ต่างจากพวกเราแน่นอน ต้องขอบพระคุณ "มหามาตา" และบริวารที่ช่วยเหลือสุดชีวิต ถ้าหากว่าไม่ช่วยถีบมันออกไป มีหวังได้เป็นศพแน่นอน แล้วรถเราที่ปีนเกาะกลางถนนก็กลับลงมาอย่างนิ่มนวล แทนที่จะกระโจนข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง หรือไม่ก็พลิกคว่ำไปเลย..! กลับไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น วิ่งต่อกันไปหน้าตาเฉย..!

สภาพอากาศทางด้านนอกมืดมัวไปหมด แต่ว่าไม่ใช่หมอก หากแต่ว่าเป็นฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ ที่หนาแน่นจนกระทั่งตัวเลขแดงแจ๋ขนาดนั้น..! ประมาณ ๑๗.๔๐ น. พวกเรามาถึงวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้เข้าไปกราบพระประธาน และร่วมกันทำบุญถวายผ้าป่า ซึ่งมีทั้งสร้างโรงพยาบาล ทั้งผ้าป่า และถวายพระสงฆ์ กระผม/อาตมภาพใส่ไปกองละ ๑๐,๐๐๐ รูปีเหมือนเดิม หลังจากนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเงินไทยหรือเงินรูปี ถ้าหากว่าขาดก็จะพยายามเติมให้เต็ม ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ทุกกอง ดังนั้น..ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพคนเดียวน่าจะใช้ไปเกิน ๔๐,๐๐๐ รูปี..!

เมื่อถวายสังฆทานเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ยังมาช่วยกันเปิดไฟถวายพระเจดีย์กุสินาราเฉลิมราชย์ ซึ่งมีพิธีการอ่านโองการประกาศบอกเทวดา และให้กระผม/อาตมภาพเป็นคนกดปุ่ม หลังจากที่ทำการตามไฟถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว พวกเราก็ขอลาจากทางวัดกุสินาราเฉลิมราชย์ ฝ่าอากาศหนาวเฉียบที่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ ๑๖ องศาเซลเซียสเท่านั้น มายังโรงแรม ดิ อิมพีเรียล กุสินารา ซึ่งมีรูปของหลวงพ่อพระนอนปรินิพพาองค์ใหญ่อยู่กลางโรงแรมเลยทีเดียว..!

เมื่อรับกุญแจมาได้ เข้าสู่ห้องพักแล้วกระผม/อาตมภาพดีใจมาก เนื่องเพราะว่ามีอ่างน้ำ วันนี้จะได้แช่น้ำร้อนให้หายเมื่อยหายขบเสียที จึงรีบทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว