กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 17:28
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 538
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 26,370 ครั้ง ใน 1,026 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,770
ได้ให้อนุโมทนา: 158,802
ได้รับอนุโมทนา 4,493,263 ครั้ง ใน 36,380 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพนำผู้บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม รุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ ภาวนาพระคาถาเงินล้านตั้งแต่ตี ๓ เนื่องเพราะว่าวันนี้มีภารกิจหลักก็คือ ต้องไปร่วมพิธีสามีจิกรรม ถวายสักการะพระเถระในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เนื่องในโอกาสเข้าพรรษาที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง)

ในช่วงภาวนาพระคาถาเงินล้านนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดพระพุทธรูป ตลอดจนกระทั่งรูปพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ และสิ่งที่ญาติโยมหรือว่าเพื่อนพระภิกษุนำมาถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่กระผม/อาตมภาพได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องค่อย ๆ จารวัตถุมงคลแต่ละชิ้น

ส่วนที่สะดุดตามากที่สุดก็คือรูปของกระผม/อาตมภาพ ที่ท่าน ผอ.ที - พระครูภาวนาวรบัณฑิต วิ., ดร. (วริทธิ์ธร วรเวที) ผู้อำนวยการส่วนงานวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ ทำมาให้ด้วยความเคารพนับถือยิ่ง

แต่ขอโทษเถอะครับ..กระผม/อาตมภาพไม่อนุญาตให้ใครทำรูปตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยสำนึกดีว่า คุณงามความดีของตนเองยังมีไม่พอที่จะขึ้นหิ้งให้ใครบูชา แต่ในเมื่อบุคคลทำมาโดยความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นการเฉพาะตัว ก็ต้องรับเอาไว้ กระผม/อาตมภาพเมื่อจารเสร็จแล้ว จึงอธิษฐานปลุกเสกในระหว่างการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ซึ่งใช้เวลาเกือบ ๒ ชั่วโมง

เมื่อนำอุทิศส่วนกุศลเสร็จแล้ว ก็ได้บอกกล่าวกับญาติโยมทั้งหลายว่า ใครต้องการวัตถุมงคลหรือสิ่งของชิ้นไหน ก็ให้ตีราคาแล้วจ่ายเงินด้วยตนเอง ระวังเพียงอย่างเดียวว่าอย่าให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพราะว่าเราจะกลายเป็นหนี้สงฆ์ ยกเว้นรูปของกระผม/อาตมภาพเท่านั้น ที่ขอราคา ๓๐,๐๐๐ บาท เพราะว่าไม่ต้องการให้ปรากฏอยู่ในโลกนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,770
ได้ให้อนุโมทนา: 158,802
ได้รับอนุโมทนา 4,493,263 ครั้ง ใน 36,380 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปรากฏว่ามีลูกศิษย์ได้ทำการบูชาไป แล้วก็มีคนขอบูชาต่อในราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท..! แต่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นตายก็ไม่ให้ เนื่องเพราะว่าเป็นสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจารให้ด้วยตนเอง และท่านก็ไม่ให้ทำรูปของท่านอีกด้วย เป็นอันว่าฝ่ายหนึ่งได้ไปบูชาสมกำลังใจ ส่วนอีกฝ่ายที่ตัดสินใจช้า แม้ให้ราคาเกินไป ๓ เท่าเศษ เขาก็ไม่ขายให้เสียแล้ว..!

เมื่อเสร็จจากการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพต้องออกบิณฑบาต แต่ด้วยความที่วันนี้ต้องรีบเดินทางเข้าไปเพื่อร่วมพิธีสามีจิกรรมของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ จึงไม่ได้ออกบิณฑบาต ไปขออาหารเช้าที่โรงครัวจากแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน พร้อมกับจ่ายรางวัลที่ช่วยเหลืองานมาหลายวัน ให้กับบรรดาแม่ชีและญาติโยมที่ช่วยงานอยู่ที่วัดคนละ ๒,๐๐๐ บาท ถือว่าให้ในวาระพิเศษ คือวาระฉลองสัญญาบัตรพัดยศของกระผม/อาตมภาพเอง ไม่เช่นนั้นแล้ว โดยปกติก็จะให้รางวัลตามหน้างาน ก็คือวันละ ๑๐๐ บาท ถ้างาน ๓ วันก็รับไป ๓๐๐ บาท งาน ๕ วันก็รับไป ๕๐๐ บาท เหล่านี้เป็นต้น

ก่อนหน้านี้กระผม/อาตมภาพเคยเตือนทิดสมพงษ์ (อดีตพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปที่ ๕ ตามที่ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่าอยู่ในลำดับนั้น ว่า "ใช้ใครอย่าใช้เปล่า ต้องมีรางวัลแก่พวกเขาด้วย เพื่อเป็นกำลังใจ" แต่ว่าท่านอาจารย์สมพงษ์ก็ไม่ได้สนใจตรงจุดนี้

เมื่อกระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาส นอกจากพระภิกษุสงฆ์ซึ่งนาน ๆ จะนิมนต์ขึ้นอาสน์สงฆ์เพื่อรับปัจจัยไทยธรรมเสียทีหนึ่ง ที่เหลือก็แทบจะไม่ได้ให้รางวัลอะไรเลย แต่ในส่วนของน้องสามเณร แม่ชี และฆราวาส ซึ่งถือว่าไม่ได้ออกกิจนิมนต์แบบพระภิกษุสงฆ์ ก็จะให้รางวัลตามที่ได้บอกไปแล้ว

เพียงแต่ว่าเดือนนี้ถือว่าทุกท่าน "ทำพระคาถาเงินล้านขึ้น" ก็แล้วกัน เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ ก็เพิ่งจะรับสังฆทานสลากภัตไป แล้วมางานนี้ ยังรับรางวัลไปอีกรูปละ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งจะว่าไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ก็หมุนเวียนนำเอาปัจจัยกลับมา ทำบุญกับกระผม/อาตมภาพอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,770
ได้ให้อนุโมทนา: 158,802
ได้รับอนุโมทนา 4,493,263 ครั้ง ใน 36,380 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะหลวงตาอ่อง (พระอ่อง ทีฆายุโก) พระภิกษุวัดท่าขนุนที่อายุมากที่สุด เป็นพระหลวงตาที่บวชเมื่อแก่ แต่ว่ามีญาติโยมเคารพนับถือมาก เพราะว่าศึกษาความรู้เอาไว้ ทั้งเรื่องของฤกษ์ยาม เรื่องของคาถาอาคม จนมีคนมาขอพึ่งพาอยู่เสมอ

เมื่อท่านได้รับปัจจัยจากกระผม/อาตมภาพก็ดี ได้รับปัจจัยที่ญาติโยมถวายให้ตามศรัทธาที่ช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม ได้ครบ ๑๐,๐๐๐ บาทเมื่อไร หลวงตาอ่องก็จะนำมาถวายกระผม/อาตมภาพ บอกว่า "ร่วมบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อ" ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกว่า ถ้าในสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องน่าจะเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พระราธเถระ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งให้เป็นเอตทัคคะทางว่านอนสอนง่าย

เนื่องเพราะว่าหลวงปู่พระราธเถระนั้นบวชเมื่อแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงวีรเวรวีรกรรมของพระหลวงตาเอาไว้นับ ๑๐ ประการ ซึ่งหาความดีได้ยากมาก แต่ว่าหลวงปู่พระราธเถระนั้น ถือว่าเป็นบุคคลนอกเหตุเหนือผล ก็คือท่านเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน เกรงใจทั้งภิกษุผู้เก่า ผู้ปานกลาง และผู้ใหม่อย่างแรงกล้า ถ้าหากว่าใครว่ากล่าวตักเตือน ก็น้อมลงรับฟัง พร้อมที่จะนำไปแก้ไขตนเองอยู่เสมอ กระผม/อาตมภาพจึงพิจารณาดูว่า ถ้าเป็นสมัยพุทธกาล หลวงตาอ่องของวัดท่าขนุนก็คือลูกศิษย์หลวงปู่พระราธเถระนี่เอง

ครั้นฉันเช้าเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางเข้าไปยังวัดอุทยาน เพื่อที่จะไปใช้หนี้ เนื่องเพราะว่าได้มอบหมายให้พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน พร้อมด้วยพระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ., ดร.ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ ซึ่งทั้งสองท่านได้ช่วยกันออกเงินพิมพ์หนังสือที่กระผม/อาตมภาพออกในนาม พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการในปีนี้ไปก่อน เมื่อท่านจ่ายเงินไปแล้ว มีโอกาสก็ต้องรีบมาคืนอย่างเร่งด่วน

ในส่วนนี้ต้องขอบพระคุณทั้งสองท่าน ที่ช่วยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการทำเรื่องขอตำแหน่งทางวิชาการให้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น เป็นบุคคลที่ไม่ขออะไรจากใคร ในเมื่อคนอื่นทนไม่ได้ ช่วยขอให้ก็เต็มใจรับไว้ นี่เป็นคติประจำตัว

เมื่อคืนนี้ก็ได้สอบต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเป็นการสอบประเมินเอกสารการสอน ตลอดจนกระทั่งประเมินผลการสอนของกระผม/อาตมภาพ ในฐานะอาจารย์พิเศษประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็คิดว่า "ท่าจะแย่แน่" เนื่องเพราะว่ากรำงานมาทั้งวัน ในงานฉลองสัญญาบัตรพัดยศของตนเอง สุขภาพร่างกายของชายชราอายุย่างเข้า ๖๗ ก็ไม่ค่อยจะอำนวย แต่พอถึงเวลาแล้ว สัญชาตญาณนักสู้กลับขึ้นมา ท่านอาจารย์จะสอบถามอะไร ก็ตอบทุกอย่างไปตามความรู้ของตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,770
ได้ให้อนุโมทนา: 158,802
ได้รับอนุโมทนา 4,493,263 ครั้ง ใน 36,380 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนกระทั่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ., ดร. (สุเทพ ปวิสิโก ป.ธ. ๔) ประธานคณะอนุกรรมการสอบในครั้งนี้ ให้คำชมเชยว่า "คล่องตัวที่สุดในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด ๘ รูป/คน เพียงแต่ว่าเอกสารหนังสือนั้นอาจจะรีบเขียนรีบทำ เพื่อที่จะส่งพิมพ์ให้ทัน จึงมีคำผิดอยู่หลายแห่ง ขอให้กลับไปแก้ไขให้เรียบร้อย แล้วมีโอกาสในครั้งต่อไปจะได้ตีพิมพ์ในสิ่งที่ถูกต้อง" กระผม/อาตมภาพก็น้อมรับเอาคำของท่านเจ้าคุณอาจารย์มา เพื่อที่จะไปแก้ไขตนเองต่อไป

ท่านเจ้าคุณอาจารย์บอกว่า "เตรียมรอรับหนังสือแต่งตั้งได้เลย เพราะว่าหลวงพ่อเล็กขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์พิเศษ ซึ่งตำแหน่งพิเศษนั้น เนื่องเพราะว่าเป็นอาจารย์พิเศษ ไม่ใช่อาจารย์ประจำ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่จะได้รับพิจารณาให้ผ่านมีมากเกินกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์..!"

กระผม/อาตมภาพเองนั้น เป็นบุคคลที่สอบเมื่อไรก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์ออกปากขนาดนี้ ด้วยประสบการณ์ของท่าน กระผม/อาตมภาพก็ต้องเชื่อไว้ก่อน

จากที่ลูกศิษย์และพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็น ผอ.พระครูตูม - ท่านพระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ., ดร. ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ดี ท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็ตาม ที่ได้ช่วยกันผลักดันจนกระทั่งกระผม/อาตมภาพ ต้องส่งหลักฐานทุกอย่างเพื่อเข้าสอบขอตำแหน่งทางวิชาการในครั้งนี้

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. ท่านก็ได้เข้าไปเพื่อดูตัวอย่างในการสอบครั้งนี้ด้วยว่า ครูบาอาจารย์แต่ละท่านซักถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง ? เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ท่านจะได้ขอสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองศาสตราจารย์เช่นกัน เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าถ้ามี "เรือนำร่อง" โดยเฉพาะเรืออย่างกระผม/อาตมภาพ ผู้ตามก็คงจะนั่งยิ้มไปตาม ๆ กัน

แม้กระทั่งท่านอาจารย์ รศ., ดร. สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านยังกล่าวถึงด้วยความชื่นชมในตัวอาตมภาพอยู่เสมอว่า เป็นนิสิตตัวอย่างของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ว่า แม้วิทยานิพนธ์ของกระผม/อาตมภาพจะได้แค่ B+ เพราะครูบาอาจารย์เข้มงวดกวดขันมาก แต่กลับเป็นวิทยานิพนธ์ตัวอย่างที่ต้องพิมพ์ใหม่อยู่เสมอ เนื่องจากรุ่นน้อง ๆ ต้องเอาไปเป็นตัวอย่างในการทำวิทยานิพนธ์ หรือว่าสารนิพนธ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า เมื่อวานนี้, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,770
ได้ให้อนุโมทนา: 158,802
ได้รับอนุโมทนา 4,493,263 ครั้ง ใน 36,380 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพทำแบบคุณภาพ แล้วก็ทำแบบปริมาณเพื่อรับรองผลแบบคุณภาพ จากนั้นยังมีการประชุมผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ที่เรียกว่า "โฟกัสกรุ๊ป" มาวิพากษ์งาน ตลอดจนกระทั่งมีการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลอีกด้วย ถือว่าเป็นวิทยานิพนธ์ที่มีรูปแบบค่อนข้างหลากหลาย จึงกลายเป็นตัวอย่างที่รุ่นน้อง ๆ ต้องขอไปเพื่อเป็นแบบอยู่เสมอ

แต่ด้วยความที่ว่าการทำวิทยานิพนธ์หรือว่าสารนิพนธ์ในระดับปริญญาเอกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อตนเองยังทำไม่เสร็จ ก็ไม่คืนวิทยานิพนธ์ที่ยืมไปให้กับทางห้องสมุดมหาวิทยาลัย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอวิทยานิพนธ์ตัวอย่างไม่มีให้ยืม ท่านอาจารย์สุรพลก็ต้องขอมาอีกแล้วว่า "รบกวนหลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมพิมพ์เพิ่มให้ด้วยครับ" กระผม/อาตมภาพเองก็ยินดีในการช่วยเหลืองานมหาวิทยาลัย และยินดีที่ได้เป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง ๆ จึงได้พิมพ์เพิ่มให้อยู่ทุกครั้งที่ขอมา

ต่อไปนี้ ถ้าหากว่ามีตำราหรือว่ามีงานวิจัยขึ้นมาอีก ถ้าตำแหน่งทางวิชาการได้รับการแต่งตั้งจริง อย่างที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเมธาวินัยรส, รศ., ดร. ได้กล่าวไว้ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องห้อยท้ายชื่อด้วยคำว่า รศ., ดร. กับเขาบ้าง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:39



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว