กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 16:46
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 534
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 26,223 ครั้ง ใน 1,022 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,746
ได้ให้อนุโมทนา: 158,708
ได้รับอนุโมทนา 4,492,275 ครั้ง ใน 36,356 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพในฐานะเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุน ทำพิธีเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม วัดท่าขนุน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ เพื่อมอบหมายให้ครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุน ได้ดำเนินการเรียนการสอนในพรรษานี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

การเรียนในพระพุทธศาสนาของเราในปัจจุบันนั้น ออกนอกลู่นอกทางไปมาก ก็คือเรียนเพื่อให้สอบได้ โดยเฉพาะสอบได้แล้วก็จะได้รับค่าหัวจากส่วนกลาง ซึ่งเรื่องพวกนี้ทำให้จุดมุ่งหมายในการเรียนเสียหายไปอย่างมหาศาล

พระปริยัติธรรมแผนกธรรมนั้นเราต้องเรียนอะไรบ้าง ?

วิชาที่ ๑ วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม ก็คือการที่เขาตั้งหัวข้อธรรมเป็นภาษาบาลีขึ้นมา แล้วให้เราอธิบายขยายความให้ชัดเจน พร้อมกับยกเอาหัวข้อบาลีที่เราเตรียมไว้ขึ้นมารับให้สมเหตุสมผลกัน อธิบายหัวข้อตั้งและหัวข้อรับ ให้ผสมกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว แล้วจึงสรุปจบ ก็คือเท่ากับสอนให้เราเทศน์ โดยเฉพาะเป็นการเทศน์บนหน้ากระดาษ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนักเทศน์

โดยเฉพาะบุคคลที่ได้ถวายพระธรรมเทศนาต่อหน้าพระพักตร์ ทันทีที่ลงจากธรรมาสน์มา เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจะไปขอกัณฑ์เทศน์ของท่าน เพื่อทำการบันทึกว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน แสดงธรรมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องอะไรบ้าง

ดังนั้น ในเรื่องของการเรียงความแก้กระทู้ธรรม จึงไม่ใช่แค่สอบผ่าน หากแต่ว่าเราต้องอาศัยซักซ้อมเขียนอยู่บ่อย ๆ เพื่อความชำนิชำนาญ จะได้นำไปแสดงธรรมต่าง ๆ ให้กับญาติโยม ทั้งแบบเป็นพิธีการ หรือไม่พิธีการได้โดยคล่องตัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้)
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,746
ได้ให้อนุโมทนา: 158,708
ได้รับอนุโมทนา 4,492,275 ครั้ง ใน 36,356 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วิชาที่ ๒ คือธรรมวิภาค เป็นการศึกษาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จัดหมวดหมู่เอาไว้ ตั้งแต่ทุกะ คือหัวข้อธรรมที่มีตั้งแต่สองข้อขึ้นไป อย่างเช่นโลกบาลธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องคุ้มครองโลก ประกอบไปด้วย หิริ ๑ โอตัปปะ ๑ หรือว่าจตุกกะ พรหมวิหาร ๔ ซึ่งประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น ไปจนถึงโสฬสกะ หมวดที่ ๑๖ ซึ่งมีมละ คือ มลทิน ๑๖ อย่างเป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีทั้งที่เราต้องทำให้มีให้เกิดในใจของเรา อย่างเช่นว่าความละอายชั่วกลัวบาป หรือว่าพรหมวิหารทั้ง ๔ ถ้าเราสามารถทำให้มีขึ้นเกิดขึ้นได้ นั่นคือการนำเอาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติอย่างแท้จริง จนกระทั่งเกิดผลเป็นประโยชน์ส่วนตน

หลังจากนั้น เมื่อมีญาติโยมสนใจไต่ถาม ก็นำไปสั่งสอนต่อให้เกิดประโยชน์ท่าน แล้วเมื่อทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านสมบูรณ์พร้อม ก็จักเกิดประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย คือยังพระพุทธศาสนาของเราให้เจริญรุ่งเรือง หรือว่าในส่วนที่ต้องละทิ้งอย่างมลทิน ๑๖ อย่าง อย่างสังโยชน์ ๑๐ อย่าง เหล่านี้เป็นต้น เราต้องพยายามตัด พยายามละให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

นี่คือจุดมุ่งหมายในการเรียนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรียนเพื่อให้สอบได้ ไม่ใช่เรียนเพื่อเอาประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร ไปเป็นเครื่องประกอบความรู้ความสามารถ ก้าวขึ้นไปเป็นพระสังฆาธิการระดับสูงขึ้น นั่นเป็นแค่ของแถมเท่านั้น

วิชาที่ ๓ คือพุทธประวัติและศาสนพิธี เราจะได้ศึกษาว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้นเป็นใคร มาจากไหน มีปฏิปทาการดำเนินชีวิตอย่างไร จึงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำเอาหลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้ มาเผยแผ่เพื่อประโยชน์สุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก โดยไม่เห็นถึงความเหนื่อยยาก

พระองค์ท่านประกอบไปด้วยโลกียสมบัติที่สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด อีกไม่กี่วันความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะมาถึง แต่พระองค์ท่านสละสิ่งร้อยรัดทางโลกทั้งหมด ออกไปนอนกลางดิน กินกลางทราย เพื่อค้นหาหลักธรรมที่ปรารถนา ทุกข์ยากลำบากอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ จนแทบล้มประดาตาย เป็นเรามีกำลังใจแบบพระองค์ท่านหรือไม่ ? จะมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมเพื่อตนเองสักส่วนเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่านหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 4 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), นิรันตราย (วันนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้)
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,746
ได้ให้อนุโมทนา: 158,708
ได้รับอนุโมทนา 4,492,275 ครั้ง ใน 36,356 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระองค์ท่านประกอบไปด้วยโลกียสมบัติที่สมบูรณ์บริบูรณ์ปานนั้น ยังสละทิ้งหมดเพื่อที่แลกกับพระธรรม แล้วเราเองที่ถือว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราได้กระทำสิ่งหนึ่งประการใดตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพ่อบ้างหรือไม่ ? หรือว่าเอาแต่สะสมสังฆทานจนท่วมห้อง

ถ้าหากว่าเรียน เราต้องเรียนในลักษณะของพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทำคุณต่อ ๓ โลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ

บำเพ็ญพุทธัตถจริยา ก็คือแบบอย่างอันเป็นประโยชน์ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารุ่นก่อน ๆ

ญาตัตถจริยา บำเพ็ญพระองค์เป็นประโยชน์ต่อหมู่พระประยูรญาติ เสด็จไปโปรดทั้งพุทธบิดา พุทธมารดา พระนางพิมพา และพระราหุล นำเอาหมู่ญาติออกบวช บรรลุมรรคผลไปเป็นจำนวนมาก

บำเพ็ญทั้งโลกัตถจริยา ทรงประกาศพระพุทธศาสนา เพื่ออนุเคราะห์เสงเคราะห์แก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลกนี้ให้กระแสธรรมดับร้อนผ่อนเย็น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องคิดให้ได้ เราต้องเข้าให้ถึง จึงได้ชื่อว่าเป็นการเรียนนักธรรมอย่างแท้จริง

วิชาสุดท้ายคือพระวินัยบัญญัติ เป็นการที่ท่านทั้งหลายต้องศึกษาเรื่องของศีลพระให้เข้าใจละเอียด ให้สามารถที่จะระมัดระวังในลักษณะของสีลานุสติเต็มระดับ ก็คือแค่ขยับตัวต้องรู้แล้วว่าเราจะละเมิดศีลหรือเปล่า ถ้าท่านศึกษาพระวินัยบัญญัติในลักษณะนี้ ต่อให้อีก ๑๐๐ สีกากอล์ฟก็ทำอะไรท่านทั้งหลายไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้)
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,746
ได้ให้อนุโมทนา: 158,708
ได้รับอนุโมทนา 4,492,275 ครั้ง ใน 36,356 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น ทุกท่านจะเห็นว่า จุดมุ่งหมายในการเรียนปัจจุบันนี้ของพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่นั้นวิปริตผิดเพี้ยน ออกนอกแนวทางไปมาก อยู่ในลักษณะของอลคัททูปมปริยัติ ก็คือเรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะโดนงูแว้งมากัด บาดเจ็บล้มตายเสียเปล่า ๆ

วัดอื่น สำนักอื่น เขาจะเรียนกันอย่างไรก็ตาม ครูบาอาจารย์ผู้สอนนักธรรมบาลีของวัดท่าขนุน ต้องไม่สอนให้นักเรียนของเราออกนอกลู่นอกทางตามเขาไป แต่ว่าต้องสอนไปตามแนวทางที่กระผม/อาตมภาพว่ากล่าวมานี้ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาด้านคันถธุระจริง ๆ แล้วนำเอาข้อธรรมคำสอนส่วนใหญ่นั้น ไปประพฤติปฏิบัติตามให้เป็นวิปัสสนาธุระให้ได้

โดยเฉพาะในส่วนของการเข้าถึงธรรม เราต้องไม่ทิ้งอารมณ์พระอริยเจ้า ก็คือต้องศึกษาด้วยความเคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ ด้วยความเคารพพระธรรมจริง ๆ ด้วยความเคารพพระสงฆ์จริง ๆ ต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ต้องมีสติ ระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราต้องตาย ก่อนตาย เราจะต้องประกอบคุณงามความดีใส่ตัวใส่ตนให้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือพระนิพพาน

ถ้าท่านทั้งหลายเรียนในลักษณะอย่างนี้ได้ จึงจะถือว่าเป็นการเรียนคันถธุระของดีของแท้ สมกับเจตนาปรารภขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติและศึกษากันสืบ ๆ มา ในเรื่องของวุฒิบัตร เกียรติบัตร ประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตรจากการเรียนนั้น ให้ถือว่าเป็นของแถมเท่านั้น


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 3 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (เมื่อวานนี้), นาย ธีรัตน์ บุญศรี (เมื่อวานนี้), พุทธภูมิ (เมื่อวานนี้)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
นิรันตราย
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว