![]() |
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ |
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพในฐานะเจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุน ทำพิธีเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม วัดท่าขนุน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๘ เพื่อมอบหมายให้ครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุน ได้ดำเนินการเรียนการสอนในพรรษานี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
การเรียนในพระพุทธศาสนาของเราในปัจจุบันนั้น ออกนอกลู่นอกทางไปมาก ก็คือเรียนเพื่อให้สอบได้ โดยเฉพาะสอบได้แล้วก็จะได้รับค่าหัวจากส่วนกลาง ซึ่งเรื่องพวกนี้ทำให้จุดมุ่งหมายในการเรียนเสียหายไปอย่างมหาศาล พระปริยัติธรรมแผนกธรรมนั้นเราต้องเรียนอะไรบ้าง ? วิชาที่ ๑ วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม ก็คือการที่เขาตั้งหัวข้อธรรมเป็นภาษาบาลีขึ้นมา แล้วให้เราอธิบายขยายความให้ชัดเจน พร้อมกับยกเอาหัวข้อบาลีที่เราเตรียมไว้ขึ้นมารับให้สมเหตุสมผลกัน อธิบายหัวข้อตั้งและหัวข้อรับ ให้ผสมกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียว แล้วจึงสรุปจบ ก็คือเท่ากับสอนให้เราเทศน์ โดยเฉพาะเป็นการเทศน์บนหน้ากระดาษ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนักเทศน์ โดยเฉพาะบุคคลที่ได้ถวายพระธรรมเทศนาต่อหน้าพระพักตร์ ทันทีที่ลงจากธรรมาสน์มา เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังจะไปขอกัณฑ์เทศน์ของท่าน เพื่อทำการบันทึกว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน แสดงธรรมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องอะไรบ้าง ดังนั้น ในเรื่องของการเรียงความแก้กระทู้ธรรม จึงไม่ใช่แค่สอบผ่าน หากแต่ว่าเราต้องอาศัยซักซ้อมเขียนอยู่บ่อย ๆ เพื่อความชำนิชำนาญ จะได้นำไปแสดงธรรมต่าง ๆ ให้กับญาติโยม ทั้งแบบเป็นพิธีการ หรือไม่พิธีการได้โดยคล่องตัว |
วิชาที่ ๒ คือธรรมวิภาค เป็นการศึกษาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จัดหมวดหมู่เอาไว้ ตั้งแต่ทุกะ คือหัวข้อธรรมที่มีตั้งแต่สองข้อขึ้นไป อย่างเช่นโลกบาลธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องคุ้มครองโลก ประกอบไปด้วย หิริ ๑ โอตัปปะ ๑ หรือว่าจตุกกะ พรหมวิหาร ๔ ซึ่งประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น ไปจนถึงโสฬสกะ หมวดที่ ๑๖ ซึ่งมีมละ คือ มลทิน ๑๖ อย่างเป็นต้น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีทั้งที่เราต้องทำให้มีให้เกิดในใจของเรา อย่างเช่นว่าความละอายชั่วกลัวบาป หรือว่าพรหมวิหารทั้ง ๔ ถ้าเราสามารถทำให้มีขึ้นเกิดขึ้นได้ นั่นคือการนำเอาข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติอย่างแท้จริง จนกระทั่งเกิดผลเป็นประโยชน์ส่วนตน หลังจากนั้น เมื่อมีญาติโยมสนใจไต่ถาม ก็นำไปสั่งสอนต่อให้เกิดประโยชน์ท่าน แล้วเมื่อทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านสมบูรณ์พร้อม ก็จักเกิดประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่าย คือยังพระพุทธศาสนาของเราให้เจริญรุ่งเรือง หรือว่าในส่วนที่ต้องละทิ้งอย่างมลทิน ๑๖ อย่าง อย่างสังโยชน์ ๑๐ อย่าง เหล่านี้เป็นต้น เราต้องพยายามตัด พยายามละให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นี่คือจุดมุ่งหมายในการเรียนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรียนเพื่อให้สอบได้ ไม่ใช่เรียนเพื่อเอาประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร ไปเป็นเครื่องประกอบความรู้ความสามารถ ก้าวขึ้นไปเป็นพระสังฆาธิการระดับสูงขึ้น นั่นเป็นแค่ของแถมเท่านั้น วิชาที่ ๓ คือพุทธประวัติและศาสนพิธี เราจะได้ศึกษาว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้นเป็นใคร มาจากไหน มีปฏิปทาการดำเนินชีวิตอย่างไร จึงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำเอาหลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้ มาเผยแผ่เพื่อประโยชน์สุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก โดยไม่เห็นถึงความเหนื่อยยาก พระองค์ท่านประกอบไปด้วยโลกียสมบัติที่สมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุด อีกไม่กี่วันความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจะมาถึง แต่พระองค์ท่านสละสิ่งร้อยรัดทางโลกทั้งหมด ออกไปนอนกลางดิน กินกลางทราย เพื่อค้นหาหลักธรรมที่ปรารถนา ทุกข์ยากลำบากอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ จนแทบล้มประดาตาย เป็นเรามีกำลังใจแบบพระองค์ท่านหรือไม่ ? จะมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมเพื่อตนเองสักส่วนเสี้ยวหนึ่งของพระองค์ท่านหรือไม่ ? |
พระองค์ท่านประกอบไปด้วยโลกียสมบัติที่สมบูรณ์บริบูรณ์ปานนั้น ยังสละทิ้งหมดเพื่อที่แลกกับพระธรรม แล้วเราเองที่ถือว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราได้กระทำสิ่งหนึ่งประการใดตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพ่อบ้างหรือไม่ ? หรือว่าเอาแต่สะสมสังฆทานจนท่วมห้อง
ถ้าหากว่าเรียน เราต้องเรียนในลักษณะของพุทธานุสติ ระลึกถึงคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทำคุณต่อ ๓ โลกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ บำเพ็ญพุทธัตถจริยา ก็คือแบบอย่างอันเป็นประโยชน์ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารุ่นก่อน ๆ ญาตัตถจริยา บำเพ็ญพระองค์เป็นประโยชน์ต่อหมู่พระประยูรญาติ เสด็จไปโปรดทั้งพุทธบิดา พุทธมารดา พระนางพิมพา และพระราหุล นำเอาหมู่ญาติออกบวช บรรลุมรรคผลไปเป็นจำนวนมาก บำเพ็ญทั้งโลกัตถจริยา ทรงประกาศพระพุทธศาสนา เพื่ออนุเคราะห์เสงเคราะห์แก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลกนี้ให้กระแสธรรมดับร้อนผ่อนเย็น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องคิดให้ได้ เราต้องเข้าให้ถึง จึงได้ชื่อว่าเป็นการเรียนนักธรรมอย่างแท้จริง วิชาสุดท้ายคือพระวินัยบัญญัติ เป็นการที่ท่านทั้งหลายต้องศึกษาเรื่องของศีลพระให้เข้าใจละเอียด ให้สามารถที่จะระมัดระวังในลักษณะของสีลานุสติเต็มระดับ ก็คือแค่ขยับตัวต้องรู้แล้วว่าเราจะละเมิดศีลหรือเปล่า ถ้าท่านศึกษาพระวินัยบัญญัติในลักษณะนี้ ต่อให้อีก ๑๐๐ สีกากอล์ฟก็ทำอะไรท่านทั้งหลายไม่ได้ |
ดังนั้น ทุกท่านจะเห็นว่า จุดมุ่งหมายในการเรียนปัจจุบันนี้ของพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่นั้นวิปริตผิดเพี้ยน ออกนอกแนวทางไปมาก อยู่ในลักษณะของอลคัททูปมปริยัติ ก็คือเรียนแบบจับงูข้างหาง มีแต่จะโดนงูแว้งมากัด บาดเจ็บล้มตายเสียเปล่า ๆ
วัดอื่น สำนักอื่น เขาจะเรียนกันอย่างไรก็ตาม ครูบาอาจารย์ผู้สอนนักธรรมบาลีของวัดท่าขนุน ต้องไม่สอนให้นักเรียนของเราออกนอกลู่นอกทางตามเขาไป แต่ว่าต้องสอนไปตามแนวทางที่กระผม/อาตมภาพว่ากล่าวมานี้ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาด้านคันถธุระจริง ๆ แล้วนำเอาข้อธรรมคำสอนส่วนใหญ่นั้น ไปประพฤติปฏิบัติตามให้เป็นวิปัสสนาธุระให้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของการเข้าถึงธรรม เราต้องไม่ทิ้งอารมณ์พระอริยเจ้า ก็คือต้องศึกษาด้วยความเคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ ด้วยความเคารพพระธรรมจริง ๆ ด้วยความเคารพพระสงฆ์จริง ๆ ต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ต้องมีสติ ระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราต้องตาย ก่อนตาย เราจะต้องประกอบคุณงามความดีใส่ตัวใส่ตนให้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือพระนิพพาน ถ้าท่านทั้งหลายเรียนในลักษณะอย่างนี้ได้ จึงจะถือว่าเป็นการเรียนคันถธุระของดีของแท้ สมกับเจตนาปรารภขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของครูบาอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติและศึกษากันสืบ ๆ มา ในเรื่องของวุฒิบัตร เกียรติบัตร ประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตรจากการเรียนนั้น ให้ถือว่าเป็นของแถมเท่านั้น สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:46 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.