กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-07-2024, 18:20
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ กรกฏาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-07-2024, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพมีการประชุมออนไลน์สำหรับคณะกรรมการดำเนินงาน โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) โดยเฉพาะคณะกรรมการขับเคลื่อนหนกลาง จึงต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ตั้งแต่บัดนี้ โดยที่ไม่ได้ลงทำวัตรค่ำ พระภิกษุสามเณรและญาติโยมที่รอฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ ให้ไปเปิดฟังเอาในยูทูบแทน

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพได้เป็นประธานในพิธีเปิดค่ายพุทธบุตรโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ประจำปี ๒๕๖๗ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เนื่องเพราะว่าเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ซึ่งได้รับการเปิดค่ายอบรมไปเมื่อวานนั้น ส่วนมากเป็นนักเรียนที่มาจากที่อื่นทั้งหมด

โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาเป็นโรงเรียนมัธยม ไม่มีชั้นประถมมาก่อน ดังนั้น..จึงต้องนำเอานักเรียนมาปรับทัศนคติและความเข้าใจต่าง ๆ เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเราควรที่จะวางตัวอย่างไรในสังคม โดยเฉพาะในวัด ในโรงเรียน ตลอดจนกระทั่งกับเพื่อนฝูงใหม่ ๆ ที่จะคบหาสมาคมกันตั้งแต่เทอมนี้เป็นต้นไป

สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ นั้น ส่วนหนึ่งก็จะมีการย้ายเข้าออกกลางคัน เนื่องเพราะว่าเป็นการเริ่มต้นเรียนในระดับมัธยมปลาย จึงต้องนำมาเข้าค่ายด้วยเช่นกัน เผื่อที่จะมีเด็กที่หลงไปโดยที่ไม่เคยเข้าค่ายมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ก็ต้องมาทนการจ้ำจี้จ้ำไชจากหลวงพ่อวัดท่าขนุนและคณะพระวิทยากร..!

แต่เนื่องจากว่าวันนี้เราได้ใช้พระวิทยากรใหม่ ซึ่งก็คือหลวงตาปัญจทรัพย์ กนฺตธมฺโม ที่ท่านขอย้ายมาสังกัดวัดท่าขนุน เพื่อที่จะเรียนในระดับปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนา กระผม/อาตมภาพเมื่อทำพิธีเปิดเสร็จแล้วก็ไปทำงานของตน แต่หูก็ยังฟังคำบรรยายของท่านอยู่

ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเด็กรุ่นนี้น่าจะหลับสบายกันทั้งหมด..! เนื่องเพราะหลวงตาปัญจทรัพย์ท่านกล่าวว่า "การศึกษาพระกรรมฐานนั้น ก็เพื่อให้เราเข้าใจในสมมติบัญญัติและปรมัตถ์ ฯลฯ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองทั้ง ๆ ที่ฝึกกรรมฐานมา ๔๐ กว่าปี ได้ยินแล้วยังรู้สึกกลืนน้ำลายไม่ลง
นี่เป็นลักษณะหนึ่งของผู้รู้ ที่ไม่สามารถจะบอกกล่าวความรู้ของตน ให้เหมาะสมกับผู้ฟังได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2024 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-07-2024, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แบบเดียวกับสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังทำหน้าที่อยู่ในส่วนเผยแผ่จริยธรรมของกรมป่าไม้ มีวิทยากรคู่หูก็คือดร.โกมล แพรกทอง ขออภัยที่เอ่ยชื่อท่านไว้ ณ ที่นี้ ดร.โกมล แพรกทองนั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างสูง ในการที่จะแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ให้กับชาวบ้านที่เข้ารับการอบรม

แต่ว่าชาวบ้านที่เข้ารับการอบรมแถวทองผาภูมินี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นกะเหรี่ยง เป็นมอญ เป็นพม่า แล้วท่านดร.โกมล แพรกทองก็ใช้คำว่า "อุปโภคบริโภค" ซึ่งถ้าหากว่าชาวบ้านแถวนี้ก็ต้อง "ออหมี่" "ออที้" "เชียะฟาน" หรือแม้กระทั่ง "ทะมินซา"

กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องขออนุญาตท่านเป็นระยะ ๆ ในการแปลภาษาไทยเป็นไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมอีกทีหนึ่ง แปลไปแปลมาได้ไม่นาน ปรากฏว่าวิทยากรทุกคนยกไมโครโฟนถวายหลวงพ่อเล็กไปเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ ๖ ชั่วโมงนั้น ท่านรับไปคนเดียวก็แล้วกัน..!

หลายต่อหลายครั้งก็เป็นดังนี้ ทำเอากระผม/อาตมภาพเป็นวิทยากรที่ "รวยอื้อ" ไปเลย..! เนื่องเพราะว่าเจ้าภาพ ถ้าไม่ใช่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็มักจะเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมีงบประมาณในการประชาสัมพันธ์หน่วยงานของตน อยู่ในระดับพัน ๆ ล้านบาท แล้วก็ให้ค่าบรรยายกระผม/อาตมภาพในยุคนั้น ชั่วโมงละ ๖๐๐ บาทบ้าง ๘๐๐ บาทบ้าง ซึ่งตอนนี้ ถ้าหากว่าอยู่ในวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกอย่างกระผม/อาตมภาพตอนนี้ ค่าบรรยายจะอยู่ที่ชั่วโมงละ ๓,๐๐๐ บาท ถ้าได้ ๖ ชั่วโมงก็แปลว่าสบายไปทั้งเดือน..!

เราจะเห็นได้ว่า บุคคลบางประเภทที่ไม่มีวิสัยความเป็นครูมาจากอดีต ไม่สามารถที่จะลดระดับตนเองลงมา ให้เทียบเท่ากับบุคคลผู้รับฟังได้ ผู้ที่เป็นวิทยากรหรือว่าพิธีกรที่ดี จึงต้องเป็นบุคคลที่รู้บริษัท ก็คือมีในส่วนของปริสัญญุตา ความรู้ในคนหมู่มาก ว่าเขามีความต้องการในระดับใด หรือว่ามีความรู้ความสามารถในระดับใด จะได้ถ่ายทอดให้เขาทั้งหลายในระดับนั้นได้อย่างเหมาะสม

วันนี้กระผม/อาตมภาพยังได้คุยกับ "ไอ้ตัวเล็ก" ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์วัดท่าขนุนและเพจวัดท่าขนุนอยู่ เนื่องเพราะว่ามีลูกศิษย์คนหนึ่งที่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์สูงมาก รับหน้าที่ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ให้ ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิก อาร์ตเวิร์ค อะไรก็ตาม เขาจะทำออกมาได้รวดเร็วและสวยงามมาก

แต่ขออภัยเถอะ..กระผม/อาตมภาพไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ลูกศิษย์ท่านนี้พูดได้แต่ภาษา 0101 1100 อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า ? ถึงได้คุยภาษามนุษย์ได้เข้าใจยากสุด ๆ..! บางสิ่งบางอย่างสั่งให้ทำไปแบบหนึ่ง เขาก็คิดว่าเขาน่าจะทำอีกแบบหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2024 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-07-2024, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีแต่เรื่องปวดหัวอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน จนกระทั่งบางทีพอมีความผิดพลาดเกิดขึ้น กระผม/อาตมภาพก็จะด่าลูกศิษย์คนนี้ออกไปก่อน โดยที่บางทีเขาไม่ได้ทำผิดเลย ด้วยความที่ว่าเป็น "ขาประจำ" ในเมื่อมีข้อผิดพลาดในงานเกิดขึ้นมา ก็ต้องด่าเขาออกไปก่อน แล้วกว่าจะรู้ว่าเป็นคนอื่นทำผิด ลูกศิษย์ผู้น่าสงสารก็ต้องรับคำด่าไปเต็ม ๆ แทนพรรคพวกเสียแล้ว..!

ปัญหาทั้งหลายเหล่านี้นั้น ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายท่าน ก็ไม่สามารถที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เป็นวงกว้างได้ บางท่านศึกษาธรรมะมาอย่างลึกซึ้งมาก แต่ไปศึกษาพระอภิธรรมมาด้วย ก็จะบรรยายอยู่ในลักษณะเปรียบเทียบกับพระอภิธรรมโดยตลอด อย่างเช่นว่า "จิตว่าโดยพิสดารมีกี่ร้อยดวง ฯลฯ" เป็นต้น ผู้ฟังก็นั่งสลบไสลไปตาม ๆ กัน..!

ยกเว้นบุคคลที่ศึกษาพระอภิธรรมมาด้วย ก็จะชื่นชมเหลือเกินว่า "พระอาจารย์บรรยายได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมาก" "หลวงพ่อบรรยายได้เข้าใจง่ายเหลือเกิน" ส่วนที่เหลืออีกประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ก็ได้แต่ "นั่งแบ๊ะ ๆ" เนื่องเพราะว่าฟังไม่รู้เรื่อง มีแต่คำศัพท์ทางบาลีและพระอภิธรรมออกมาเป็นชุด ๆ..!

เรื่องพวกนี้บางทีก็ทำให้โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะเผยแผ่พระพุทธศาสนามีน้อยลง หรือว่าอยู่ในวงแคบ แล้วขณะเดียวกันบุคคลที่หวังจะได้รับรสพระพุทธพจน์เทศนา จากคำสอนของท่านทั้งหลายเหล่านี้ที่รู้แจ้งรู้จริง แต่ไม่สามารถจะถ่ายทอดออกมาให้เป็นภาษาเดียวกับที่เขาเข้าใจได้ ทำให้เขาขาดโอกาส ต้องไปแสวงหาครูบาอาจารย์อื่นต่อไป ถ้าหากว่าตายเสียก่อนก็เท่ากับเสียชาติเกิดไปเลยทีเดียว..!

ดังนั้น..พระภิกษุสามเณรของเรา หรือว่าบรรดาญาติโยมที่เป็นผู้สอนธรรม พึงตระหนักอยู่เสมอว่า "ผู้ฟังนั้นเป็นผู้ใหม่เสมอ" เราจะพูดอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าแทรกบาลีหรือว่าภาษาในพระไตรปิฎกเข้าไป ก็พยายามที่จะปรับมาให้เป็นภาษาในปัจจุบันให้เขาด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วคนฟังไม่เข้าใจ นอกจากจะนั่งหลับเสียเปล่า ๆ แล้ว อาจจะมีบางท่านที่กำลังใจยังไม่ดีพอ เกิดการปรามาสพระรัตนตรัยขึ้นมาอีก กลายเป็นโทษหนักของเขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าเราจะไม่ได้เจตนาทำให้เขาเป็นผู้ปรามาสพระรัตนตรัย แต่เราเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุให้เขาเป็นดังนั้น จึงเท่ากับว่าเราสร้างทุกข์สร้างโทษให้กับผู้อื่น

ดังนั้น..ก่อนที่จะอภิปรายขยายความในเรื่องธรรมะใด ๆ ก็ตาม ขอได้โปรดระลึกอยู่เสมอว่า "ผู้ฟังเป็นผู้ใหม่เสมอ" เป็น "ผู้ที่ยังไม่รู้อยู่เสมอ" เราในสมัยที่ไม่รู้นั้น ต้องการเนื้อหาในระดับใด เราเองก็ต้องพยายามอธิบายขยายความไปในระดับนั้น ก็จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ได้ประโยชน์ ถ้าหากว่ามีผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์เพราะคิดว่าเป็นหลักธรรมที่ง่ายจนเกินไป ไม่เหมาะกับกำลังใจของเขาทั้งหลายเหล่านั้น นั่นก็เป็นคนส่วนน้อย ซึ่งเราสามารถที่จะปล่อยปละละวางไปได้ ไม่ใช่ไปปล่อยวางคนส่วนใหญ่ แล้วนำพาเอาไปเฉพาะคนส่วนน้อยเท่านั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2024 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว