กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-01-2022, 03:32
รุ้งทรงกลด รุ้งทรงกลด is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2015
ข้อความ: 342
ได้ให้อนุโมทนา: 64
ได้รับอนุโมทนา 12,368 ครั้ง ใน 567 โพสต์
รุ้งทรงกลด is on a distinguished road
Default การเข้าสมาธิเพื่อให้เกิดผลที่ต้องการ

เนื่องจากผมได้เคยทำสมาธิจนถึงจุดที่จิตรวมเป็นจุดเดียว พอถึงจุดนั้นแล้ว
จะมีความรู้สึกแน่นหนามั่นคง นิ่งสงบ เป็นจุดที่รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ
บางทีก็อยู่ได้นานสองชั่งโมง บางทีก็อยู่ได้นานถึงหกชั่วโมง

พอทำแบบนั้นได้แล้ว ก็สามารถเข้าได้บ่อย ๆ จนวันหนึ่งได้มีคนบอกว่าหลวงพ่อชา สุภัทโท
ท่านเคยบอกให้คนภาวนาเพื่อให้ลูกหนี้นำเงินมาคืน
เพราะลูกหนี้ค้างเงินเป็นแสนแล้วไม่นำมาคืนสักที
โดยให้ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยง่าย ๆ ว่าขอให้เขานำเงินมาคืน
ปรากฎว่า คนนั้นได้ทำตามที่หลวงพ่อชาท่านบอก ภาวนาไปจนจิตสงบ
ไม่กี่วันต่อมา ลูกหนี้ก็นำเงินมาคืนจริง ๆ

ผมสนใจวิธีการนั้น ก็เลยลองทำดูบ้าง คือ
ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยในใจให้เข้าจังหวะกันกับลมหายใจเข้าออก
ทำไปจนจิตถึงจุดที่แน่นหนามั่นคง สงบ
และรู้สึกว่า จุดนี้แหละที่คำขอต้องได้ผล พอค้างอยู่อย่างนั้นสักพักก็หยุด

หลายวันต่อมา สิ่งที่ขอก็ปรากฎว่าได้ผลจริง ๆ
จากนั้นก็เลยคิดว่า อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
คิดว่าตัวเองจะเข้าสมาธิถึงระดับนั้นได้อีกเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เลยประมาท
ไม่ค่อยจะฝึกสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เข้าสังคมอยู่ นาน ๆ ทีจะทำ

และการจะขออะไรสักอย่าง ก็ต้องรู้สึกอยากได้จริง ๆ จึงจะทำ
แต่ในช่วงนั้นไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่ได้ขออะไร

มาช่วงนี้ รู้สึกมีสิ่งที่อยากได้เยอะมาก แต่พอลองเข้าสมาธิแล้ว
ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นได้ ยิ่งพอภาวนาคำพูดที่ต้องการด้วย ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
พอรู้สึกว่าสมาธิใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว ก็รีบพูดคำที่ต้องการ สมาธิก็คลายตัว

แต่พอลองพยายามไม่พูดในใจ พอจิตเริ่มที่จะรวมตัว
ก็รู้สึกว่า ถ้าถึงจุดที่สงบนั้นจริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องการอะไรอีก
เพียงแค่เข้าไปแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ก็เลยรีบพูดคำที่ต้องการใหม่ สมาธิก็คลายตัวอีก แล้วก็วนกันอยู่อย่างนี้

เท่าที่ผมคิด ผมคงมีแต่ต้องเข้าสมาธิให้ถึงระดับนั้นจริง ๆ ไปก่อน
ก็อาจจะต้องเข้าบ่อย ๆ เพื่อให้ชำนาญ

แม้ความต้องการของผมจะไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก
แต่ก็กลัวว่า พอเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นแล้ว
อาจจะเกิดอาการพอใจแค่นั้นขึ้นมา แล้วก็อาจจะไม่รู้สึกอยากได้อะไรอีกเลย เหมือนที่เคยทำมา

ไม่ทราบว่า คนที่ทำไสยศาสตร์นั้น
เขาทำอย่างไรถึงทำให้สามารถเข้าสมาธิได้แม้จะมีเจตนาไม่ดีครับ

และขั้นตอนที่เขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบที่ใช้วิธีเข้าสมาธิแล้วอธิษฐานเอาเหมือนทั่ว ๆ ไปหรือไม่ครับ
__________________
ที่อยู่สำหรับจัดส่งของเวลาผมร่วมบูชาวัตถุมงคลในเว็บนี้คือ
นาย ปริวัฒน์ วงศ์มาศ บ้านเลขที่ ๓ ถ.เกษมวัน ต.วารินชำราบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ๓๔๑๙๐ โทร ๐๙๖-๙๕๔-๔๗๒๙ เท่านั้น

(คำอวยพรประจำฤดูกาล) หน้าฝนเศรษฐี หน้าหนาวมั่งมี หน้าร้อนรวยทรัพย์

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รุ้งทรงกลด : 25-01-2022 เมื่อ 03:40
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ รุ้งทรงกลด ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-02-2022, 05:09
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,801
ได้ให้อนุโมทนา: 270,154
ได้รับอนุโมทนา 840,508 ครั้ง ใน 12,825 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื่องจากผมได้เคยทำสมาธิจนถึงจุดที่จิตรวมเป็นจุดเดียว พอถึงจุดนั้นแล้ว
จะมีความรู้สึกแน่นหนามั่นคง นิ่งสงบ เป็นจุดที่รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อ
บางทีก็อยู่ได้นานสองชั่งโมง บางทีก็อยู่ได้นานถึงหกชั่วโมง

พอทำแบบนั้นได้แล้ว ก็สามารถเข้าได้บ่อย ๆ จนวันหนึ่งได้มีคนบอกว่าหลวงพ่อชา สุภัทโท
ท่านเคยบอกให้คนภาวนาเพื่อให้ลูกหนี้นำเงินมาคืน
เพราะลูกหนี้ค้างเงินเป็นแสนแล้วไม่นำมาคืนสักที
โดยให้ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยง่าย ๆ ว่าขอให้เขานำเงินมาคืน
ปรากฎว่า คนนั้นได้ทำตามที่หลวงพ่อชาท่านบอก ภาวนาไปจนจิตสงบ
ไม่กี่วันต่อมา ลูกหนี้ก็นำเงินมาคืนจริง ๆ

ผมสนใจวิธีการนั้น ก็เลยลองทำดูบ้าง คือ
ภาวนาเป็นคำพูดภาษาไทยในใจให้เข้าจังหวะกันกับลมหายใจเข้าออก
ทำไปจนจิตถึงจุดที่แน่นหนามั่นคง สงบ
และรู้สึกว่า จุดนี้แหละที่คำขอต้องได้ผล พอค้างอยู่อย่างนั้นสักพักก็หยุด

หลายวันต่อมา สิ่งที่ขอก็ปรากฎว่าได้ผลจริง ๆ
จากนั้นก็เลยคิดว่า อยากจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ
คิดว่าตัวเองจะเข้าสมาธิถึงระดับนั้นได้อีกเมื่อไหร่ก็ได้ ก็เลยประมาท
ไม่ค่อยจะฝึกสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เข้าสังคมอยู่ นาน ๆ ทีจะทำ

และการจะขออะไรสักอย่าง ก็ต้องรู้สึกอยากได้จริง ๆ จึงจะทำ
แต่ในช่วงนั้นไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่ได้ขออะไร

มาช่วงนี้ รู้สึกมีสิ่งที่อยากได้เยอะมาก แต่พอลองเข้าสมาธิแล้ว
ยังไม่สามารถเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นได้ ยิ่งพอภาวนาคำพูดที่ต้องการด้วย ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
พอรู้สึกว่าสมาธิใกล้จะถึงจุดนั้นแล้ว ก็รีบพูดคำที่ต้องการ สมาธิก็คลายตัว

แต่พอลองพยายามไม่พูดในใจ พอจิตเริ่มที่จะรวมตัว
ก็รู้สึกว่า ถ้าถึงจุดที่สงบนั้นจริง ๆ แล้ว อาจจะไม่ต้องการอะไรอีก
เพียงแค่เข้าไปแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้นก็รู้สึกว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ก็เลยรีบพูดคำที่ต้องการใหม่ สมาธิก็คลายตัวอีก แล้วก็วนกันอยู่อย่างนี้

เท่าที่ผมคิด ผมคงมีแต่ต้องเข้าสมาธิให้ถึงระดับนั้นจริง ๆ ไปก่อน
ก็อาจจะต้องเข้าบ่อย ๆ เพื่อให้ชำนาญ

แม้ความต้องการของผมจะไม่ได้ชั่วร้ายอะไรมาก
แต่ก็กลัวว่า พอเข้าถึงสมาธิในจุดนั้นแล้ว
อาจจะเกิดอาการพอใจแค่นั้นขึ้นมา แล้วก็อาจจะไม่รู้สึกอยากได้อะไรอีกเลย เหมือนที่เคยทำมา

ไม่ทราบว่า คนที่ทำไสยศาสตร์นั้น
เขาทำอย่างไรถึงทำให้สามารถเข้าสมาธิได้แม้จะมีเจตนาไม่ดีครับ

และขั้นตอนที่เขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบที่ใช้วิธีเข้าสมาธิแล้วอธิษฐานเอาเหมือนทั่ว ๆ ไปหรือไม่ครับ


ตอบ : ถ้าทำด้วยความอยาก ทำให้ใจไม่นิ่งพอ จึงไม่ได้ผล
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด

Tags
สมาธิ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว