กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-10-2009, 10:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,572 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default มิคารมาตุปราสาท

ในเรื่องการสร้างวัดบุพพารามนั้น ความจริงนางวิสาขามหาอุบาสิกาสนิทสนมกับพระอานนท์เป็นพิเศษ แต่นางวิสาขามหาอุบาสิกาเห็นว่า ประการที่หนึ่ง พระอานนท์อุปัฏฐากรับใช้พระพุทธเจ้าอยู่ ไม่มีเวลา ประการที่สองพระมหาโมคคัลลานะ ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีฤทธิ์ มีอภิญญา สามารถบันดาลสิ่งต่าง ๆ ที่เกินความสามารถบุคคลทั่วไปให้สำเร็จลงได้โดยง่าย จึงตัดสินใจรับบาตรจากพระมหาโมคคัลลานะ อาราธนาพระมหาโมคคัลลานะ ไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างวัดบุพพาราม

ดังนั้น..ในพระไตรปิฎกจึงระบุชัดว่า พระมหาโมคคัลลานะมีความสามารถพิเศษด้านนวกัมมาธิฏฐายี คือ เป็นผู้ชำนาญในการก่อสร้าง ท่านบอกว่าเนื่องจากพระมหาโมคคัลลานะไปอำนวยการสร้างวัดบุพพารามให้ ไม่ว่าบุคคลจะเดินทางไปแสวงหาศิลา ท่อนไม้ ใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม สามารถเดินทางกลับมาถึงสถานที่ก่อสร้างภายในวันเดียวทุกครั้งไป เมื่อเป็นเช่นนั้นการก่อสร้างวัดบุพพารามก็สำเร็จลงได้โดยรวดเร็ว สมใจของนางวิสาขา

เราจะเห็นได้ว่าคนโบราณที่ประกอบไปด้วยความฉลาด ไม่ได้ทำอะไรโดยเลือกที่รักมักที่ชัง แต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง ๆ อย่างที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาท่านรักชอบและสนิทกับพระอานนท์เป็นการส่วนตัว แต่ไม่นิมนต์พระอานนท์ ไปนิมนต์พระมหาโมคคัลลานะเพราะเห็นประโยชน์ว่าจะสร้างวัดได้เสร็จเร็ว

ท่านบอกว่าซื้อที่ไป ๙ โกฏิ (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ ๙๐ ล้าน) จ่ายค่าก่อสร้างไป ๙ โกฏิ สองอย่างรวม ๑๘๐ ล้าน ยังไม่สะใจ เมื่อเสร็จแล้วนิมนต์พระและเชิญชาวบ้านทั้งเมืองมาช่วยกันฉลอง หมดทรัพย์ไปอีก ๙ โกฏิ รวมแล้ววัดบุพพารามวัดเดียว นางวิสาขามหาอุบาสิกาใช้เงินไป ๒๗๐ ล้านบาท เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว นางวิสาขาก็มีความรื่นเริงปีติยินดีมาก เดินร้องเพลงวนรอบวิหารทาน

จริง ๆ แล้วเขาเรียกวิหารที่นางวิสาขาสร้างว่า วิสาขามหาปราสาท แต่ถ้าภาษาบาลีเขาเรียกว่า มิคารมาตุปราสาท ก็คือเป็นที่พักหลังใหญ่มาก คำว่าปราสาทของภาษาบาลีนั้น หมายถึงอาคารที่มีหลายชั้นซ้อน ๆ กัน อย่างสมัยนี้ก็คือตึกหลาย ๆ ชั้น

นางวิสาขาก็ฟ้อนรำ พาลูก พาหลาน ร้องเพลงเต้นระบำรอบมิคารมาตุปราสาท บรรดาพระเห็นเข้าไปซุบซิบกันว่า สงสัยมหาอุบาสิกาเสียจริต ก็เพราะท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว จู่ ๆ ลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลง พระพุทธเจ้าท่านทราบ จึงตรัสว่า เกิดจากอำนาจความปีติที่ได้กระทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจว่าจะให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาสนา เมื่อปีติขึ้นมาจึงร้องรำทำเพลง


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์โปรดญาติโยม บนศาลาวัดท่าขนุน
วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒ (วันอาสาฬหบูชา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2013 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว