กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-10-2009, 10:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,476 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default มิคารมาตุปราสาท

ในเรื่องการสร้างวัดบุพพารามนั้น ความจริงนางวิสาขามหาอุบาสิกาสนิทสนมกับพระอานนท์เป็นพิเศษ แต่นางวิสาขามหาอุบาสิกาเห็นว่า ประการที่หนึ่ง พระอานนท์อุปัฏฐากรับใช้พระพุทธเจ้าอยู่ ไม่มีเวลา ประการที่สองพระมหาโมคคัลลานะ ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีฤทธิ์ มีอภิญญา สามารถบันดาลสิ่งต่าง ๆ ที่เกินความสามารถบุคคลทั่วไปให้สำเร็จลงได้โดยง่าย จึงตัดสินใจรับบาตรจากพระมหาโมคคัลลานะ อาราธนาพระมหาโมคคัลลานะ ไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างวัดบุพพาราม

ดังนั้น..ในพระไตรปิฎกจึงระบุชัดว่า พระมหาโมคคัลลานะมีความสามารถพิเศษด้านนวกัมมาธิฏฐายี คือ เป็นผู้ชำนาญในการก่อสร้าง ท่านบอกว่าเนื่องจากพระมหาโมคคัลลานะไปอำนวยการสร้างวัดบุพพารามให้ ไม่ว่าบุคคลจะเดินทางไปแสวงหาศิลา ท่อนไม้ ใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม สามารถเดินทางกลับมาถึงสถานที่ก่อสร้างภายในวันเดียวทุกครั้งไป เมื่อเป็นเช่นนั้นการก่อสร้างวัดบุพพารามก็สำเร็จลงได้โดยรวดเร็ว สมใจของนางวิสาขา

เราจะเห็นได้ว่าคนโบราณที่ประกอบไปด้วยความฉลาด ไม่ได้ทำอะไรโดยเลือกที่รักมักที่ชัง แต่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริง ๆ อย่างที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาท่านรักชอบและสนิทกับพระอานนท์เป็นการส่วนตัว แต่ไม่นิมนต์พระอานนท์ ไปนิมนต์พระมหาโมคคัลลานะเพราะเห็นประโยชน์ว่าจะสร้างวัดได้เสร็จเร็ว

ท่านบอกว่าซื้อที่ไป ๙ โกฏิ (ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ ๙๐ ล้าน) จ่ายค่าก่อสร้างไป ๙ โกฏิ สองอย่างรวม ๑๘๐ ล้าน ยังไม่สะใจ เมื่อเสร็จแล้วนิมนต์พระและเชิญชาวบ้านทั้งเมืองมาช่วยกันฉลอง หมดทรัพย์ไปอีก ๙ โกฏิ รวมแล้ววัดบุพพารามวัดเดียว นางวิสาขามหาอุบาสิกาใช้เงินไป ๒๗๐ ล้านบาท เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว นางวิสาขาก็มีความรื่นเริงปีติยินดีมาก เดินร้องเพลงวนรอบวิหารทาน

จริง ๆ แล้วเขาเรียกวิหารที่นางวิสาขาสร้างว่า วิสาขามหาปราสาท แต่ถ้าภาษาบาลีเขาเรียกว่า มิคารมาตุปราสาท ก็คือเป็นที่พักหลังใหญ่มาก คำว่าปราสาทของภาษาบาลีนั้น หมายถึงอาคารที่มีหลายชั้นซ้อน ๆ กัน อย่างสมัยนี้ก็คือตึกหลาย ๆ ชั้น

นางวิสาขาก็ฟ้อนรำ พาลูก พาหลาน ร้องเพลงเต้นระบำรอบมิคารมาตุปราสาท บรรดาพระเห็นเข้าไปซุบซิบกันว่า สงสัยมหาอุบาสิกาเสียจริต ก็เพราะท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว จู่ ๆ ลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลง พระพุทธเจ้าท่านทราบ จึงตรัสว่า เกิดจากอำนาจความปีติที่ได้กระทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจว่าจะให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาสนา เมื่อปีติขึ้นมาจึงร้องรำทำเพลง


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์โปรดญาติโยม บนศาลาวัดท่าขนุน
วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒ (วันอาสาฬหบูชา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2013 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว