|
|||||||
| ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน |
![]() |
|
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
|
#1
|
|||
|
|||
|
๑ การทำอรูปฌานต้องนึกภาพกสิณขึ้นมาก่อนกองไหนก็ได้ยกเว้นแค่อากาสกสิณ ภาพกสิณที่นึกขึ้นมาก่อนนี้ต้องเป็นปฏิภาคนิมิตแบบสุดท้ายตรงฌาน ๔ ละเอียดที่ใช้แสดงฤทธิ์ใช่หรือไม่ครับ
๒ หลังจากนึกภาพกสิณที่เป็นปฏิภาคนิมิตแล้วก็นึกให้ภาพกสิณนี้หายไปแล้วก็มาพิจารณาว่าภาพกสิณนี้ถึงแม้จะละเอียดแต่ก็ยังมีรูปอยู่ยังมีสิ่งที่ละเอียดกว่าคือความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดที่ไม่มีรูปแล้วก็มองท้องฟ้าตรงที่ไม่มีเมฆที่เป็นสีฟ้าที่มองออกไปได้ถึงอวกาศพร้อมภาวนารู้ลมหายใจพร้อมคำบริกรรมว่า อากาสา อนันตา จนสมาธิถึงฌาน ๔ ละเอียดใช่หรือไม่ครับ ๓ ตอนมองท้องฟ้าสีฟ้าซึ่งไร้เมฆที่มองออกไปได้ถึงอวกาศพร้อมกับรู้ลมหายใจพร้อมคำบริกรรมต้องทำแบบเดียวกับกสิณที่ลืมตามองภาพท้องฟ้าจำภาพแล้วก็หลับตานึกภาพท้องฟ้าแล้วก็ลืมตามองใหม่ทำวนซ้ำแบบนี้จนภาพท้องฟ้าภาพอวกาศติดตาติดใจแล้วภาพก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากการรู้ลมหายใจจนทรงฌานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็จะเป็นภาพความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดที่สว่างเจิดจ้าตรงฌาน ๔ ละเอียดใช่หรือไม่ครับ ๔ ท้องฟ้าโดยส่วนมากก็จะมีเมฆแต่ตอนจะทำอรูปฌานท้องฟ้าที่เรามองต้องเป็นท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าที่ไร้เมฆถึงจะสามารถมองออกไปถึงอวกาศได้แบบนี้ต้องใช้กสิณจัดการกับเมฆไม่ให้เข้ามาในระยะสายตาใช่หรือไม่ครับ ๕ ความต่างของอากาสกสิณกับความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดของอรูปฌานข้อแรกคืออากาสกสิณสามารถนึกให้ภาพใหญ่ขึ้นเล็กลงย่อได้ขยายได้แต่อรูปฌานข้อแรกจะไม่สามารถควบคุมได้แบบภาพอากาสกสิณจนกว่าจะสำเร็จอรูปฌานข้อต่อไปถึงจะควบคุมได้ใช่หรือไม่ครับ ๖ สภาวะของอรูปฌานข้อแรกเหมือนกับภาพอากาสกสิณที่เป็นปฏิภาคนิมิตแบบสุดท้ายตรงฌาน ๔ ละเอียดที่นึกขยายภาพออกไปจนแทบไร้ที่สิ้นสุดใช่หรือไม่ครับ |
| สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พุทธภูมิ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
|
#2
|
||||
|
||||
|
ถาม : ๑. การทำอรูปฌานต้องนึกภาพกสิณขึ้นมาก่อนกองไหนก็ได้ยกเว้นแค่อากาสกสิณ ภาพกสิณที่นึกขึ้นมาก่อนนี้ต้องเป็นปฏิภาคนิมิตแบบสุดท้ายตรงฌาน ๔ ละเอียดที่ใช้แสดงฤทธิ์ใช่หรือไม่ครับ ?
๒. หลังจากนึกภาพกสิณที่เป็นปฏิภาคนิมิตแล้วก็นึกให้ภาพกสิณนี้หายไปแล้วก็มาพิจารณาว่าภาพกสิณนี้ถึงแม้จะละเอียดแต่ก็ยังมีรูปอยู่ยังมีสิ่งที่ละเอียดกว่าคือความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดที่ไม่มีรูปแล้วก็มองท้องฟ้าตรงที่ไม่มีเมฆที่เป็นสีฟ้าที่มองออกไปได้ถึงอวกาศพร้อมภาวนารู้ลมหายใจพร้อมคำบริกรรมว่า อากาสา อนันตา จนสมาธิถึงฌาน ๔ ละเอียดใช่หรือไม่ครับ ? ๓. ตอนมองท้องฟ้าสีฟ้าซึ่งไร้เมฆที่มองออกไปได้ถึงอวกาศพร้อมกับรู้ลมหายใจพร้อมคำบริกรรมต้องทำแบบเดียวกับกสิณที่ลืมตามองภาพท้องฟ้าจำภาพแล้วก็หลับตานึกภาพท้องฟ้าแล้วก็ลืมตามองใหม่ทำวนซ้ำแบบนี้จนภาพท้องฟ้าภาพอวกาศติดตาติดใจแล้วภาพก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากการรู้ลมหายใจจนทรงฌานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็จะเป็นภาพความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดที่สว่างเจิดจ้าตรงฌาน ๔ ละเอียดใช่หรือไม่ครับ ? ๔. ท้องฟ้าโดยส่วนมากก็จะมีเมฆแต่ตอนจะทำอรูปฌานท้องฟ้าที่เรามองต้องเป็นท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าที่ไร้เมฆถึงจะสามารถมองออกไปถึงอวกาศได้แบบนี้ต้องใช้กสิณจัดการกับเมฆไม่ให้เข้ามาในระยะสายตาใช่หรือไม่ครับ ? ๕ ความต่างของอากาสกสิณกับความว่างของอากาศอันแทบไร้ที่สิ้นสุดของอรูปฌานข้อแรกคืออากาสกสิณสามารถนึกให้ภาพใหญ่ขึ้นเล็กลงย่อได้ขยายได้แต่อรูปฌานข้อแรกจะไม่สามารถควบคุมได้แบบภาพอากาสกสิณจนกว่าจะสำเร็จอรูปฌานข้อต่อไปถึงจะควบคุมได้ใช่หรือไม่ครับ ? ๖ สภาวะของอรูปฌานข้อแรกเหมือนกับภาพอากาสกสิณที่เป็นปฏิภาคนิมิตแบบสุดท้ายตรงฌาน ๔ ละเอียดที่นึกขยายภาพออกไปจนแทบไร้ที่สิ้นสุดใช่หรือไม่ครับ ? ตอบ : เริ่มจากกสิณปกติ ภาวนาจนเป็นปฏิภาคนิมิตก่อน ซักซ้อมจนคล่องตัว นึกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น แล้วค่อยขยับไปที่อรูปฌาน "ส่วนของอรูปฌาน ต้องมีการนึกพิจารณา แปลว่าต้องมีความคิดเข้าไปประกอบด้วย" ไม่ใช่ไปนั่งมองท้องฟ้า (การมองท้องฟ้าเป็นอากาสกสิณ) หากแต่เป็นการทิ้งภาพกสิณไปแล้วขยายห้วงนึกของเราให้กว้างออกไปเรื่อย ๆ ได้ทั้งจักรวาลยิ่งดี แล้วภาวนาจนอารมณ์ทรงตัวเท่าฌาน ๔ จากนั้นซักซ้อมให้คล่องตัว แล้วค่อยขยับต่อไป |
| สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
| ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|