"เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นหมดความภูมิใจ" ลงตรงสมเด็จฯ พระบรมราชินีเป๊ะเลย สมัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวทุกประเทศยกให้เป็น "สมเด็จพระบรมราชินีที่งดงามที่สุด" ปัจจุบันตำแหน่งนี้น่าจะมาลงที่สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินีในรัชกาลปัจจุบัน..!
เรื่องพวกนี้เราต้องเข้าใจว่า หลายสิ่งหลายอย่าง บางทีคนที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จะไม่เห็นคุณค่า แต่ถ้าถึงเวลา สิ่งนั้นเปล่งคุณค่าออกมาเมื่อไร จะกลายเป็นที่ยอมรับไปโดยปริยาย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คนรุ่นหลัง ๆ ไม่ค่อยได้พบได้เห็นว่า ความสำคัญของประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะเป็นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ก็ดี ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งอุปนิสัย ทำให้ประเทศของเรากลายเป็นประเทศที่คนต่างชาติกล่าวถึง และอยากมาอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น..เราท่านทั้งหลายที่เห็นในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกับท่านก็คือ ความอดทนอดกลั้นตามหลักทศพิธราชธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ใครจะกล่าวร้าย ใครจะด่าว่าอย่างไร พระองค์ท่านไม่ได้สนใจ ทรงทำหน้าที่แบบ "ปิดทองหลังพระ" มาโดยตลอด แต่รู้สึกว่าการเสด็จประเทศจีนในครั้งนี้ ทองที่ปิดไว้หลังพระ จะเริ่มล้นออกมาหน้าพระให้คนเห็นแล้ว..!
ดังนั้น..ในส่วนของบรรดารัฐมนตรีก็ดี ข้าราชการประจำก็ตาม ถ้าไม่ใช่ไร้สมองจริง ๆ ก็คงจะรู้แล้วว่าหลักชัยของประเทศไทยที่แท้จริงคืออะไร ? ย่อมเห็นแล้วว่าการวางตัวคนให้ตรงกับงานนั้นสำคัญอย่างไร ? ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ ฉวยโอกาส "ตีเหล็กที่กำลังร้อน" ถ้าหากว่าเราสามารถทำให้นานาอารยประเทศยอมรับได้ ต่อให้อายุของรัฐบาลสั้นแค่ไหนก็ตาม ก็ย่อมเป็นที่จดจำของบุคคลไปชั่วกาลนาน..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:03
|