นางอัฑฒกาสีก็เลยกลายเป็นต้นตำรับการบวชประหลาดพิลึกพิลั่นอยู่อย่างหนึ่ง เรียกว่าทูเตนอุปสัมปทา การอุปสมบทโดยมีทูต ก็คือส่งหญิงรับใช้เป็นทูตคือไปเป็นตัวแทน ไปแจ้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าขอบวช พระพุทธเจ้าก็แจ้งว่า ต้องโกนหัวโกนคิ้วอย่างไร ? ต้องนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อย่างไร ? ต้องตั้งกำลังใจในการอุปสมบทอย่างไร ? ต้องรักษาสิกขาบทอย่างไร ?
พอหญิงรับใช้ที่เป็นทูตกลับไปบอกเล่า นางอัฑฒกาสีมั่นใจว่าทำได้ ก็จัดการโกนหัว นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์แบบนั้น คราวนี้ออกจากเมืองได้ เนื่องเพราะว่าอยู่ในลักษณะนักบวช พวกที่ล้อมเมืองอยู่ไม่คิดว่าจะใช่..!
การอุปสมบทภิกษุณีลำบาก เขาเรียกอย่างหนึ่งว่าอุภโตสังฆอุปสัมปทา ก็คือต้องบวชในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย ส่วนใหญ่ก็บวชในทางด้านภิกษุณีก่อน เพราะว่าการถามอันตรายิกธรรมบางอย่างนั้น ถ้าหากว่าพระที่เป็นผู้ชายไปถาม เธออาจจะเขินเอาได้ แล้วก็จะทำให้การบวชไม่สำเร็จ ก็เลยต้องบวชทางฝั่งภิกษุณีก่อน แล้วมาญัตติซ้ำในฝั่งภิกษุ
เหตุหนึ่งที่ภิกษุณีสูญไปจากประเทศไทยก็เพราะอย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้เข้มงวดมาก อย่างเช่นว่าต้องเป็นสิกขมานาก่อนสองปี พระอุปัชฌาย์ที่บวชภิกษุณี เขาเรียกปวัตตินี ถ้าบวชภิกษุณีแล้วหนึ่งรูป ต้องเว้นไปหนึ่งปี ถึงจะบวชรูปใหม่ได้ อุปัชฌาย์รูปหนึ่งบวชภิกษุณีได้หนึ่งเดียว เท่ากับว่าสองปีบวชได้แค่หนึ่งรูป เพราะว่าเว้นหนึ่งปีถึงจะบวชได้อีก
เพราะพระพุทธเจ้าท่านตั้งใจเอาไว้แล้วว่า ภิกษุณีถ้าหากว่ามีมาก จะทำให้ศาสนาเสื่อมเร็ว ซึ่งบรรดาเรียกร้องสิทธิสตรีโวยวาย พอมาปัจจุบันเกิด "คดีสีกากอล์ฟ" นี่ชัดเลย ขนาดอยู่นอกวัดยังสร้างความเสียหายให้ได้ขนาดนั้น ถ้าอยู่ในวัดจะบรรลัยขนาดไหน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2025 เมื่อ 03:27
|