| 
				  
 
			
			เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีแนวคิดว่าจะให้พระสังฆาธิการก่อนรับตำแหน่ง ต้องแสดงทรัพย์สินส่วนตัวให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กระผม/อาตมภาพอยากจะตอบกลับไปว่า "ถ้าคุณต้องการดูบริขาร ๘ ไปดูที่ร้านสังฆภัณฑ์ก็ได้ ไม่ต้องมาขอดูกับพระ..!"
 แต่ในเมื่อระเบียบทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเกิดออกมาจริง ๆ เราท่านจะเห็นว่าองค์กรพระพุทธศาสนาของเรา ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล อยู่ด้วยศรัทธาของประชาชน กลายเป็นองค์กรที่โดนบังคับให้อยู่ใต้กฎหมายแบบเดียวกับหน่วยราชการ ซึ่งความต่างกันอย่างมหาศาลก็คือ องค์กรพระพุทธศาสนาอยู่ด้วยศรัทธาชาวบ้าน ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ แทบจะไม่ได้รับจากหน่วยราชการเลย ยกเว้นภายหลัง หน่วยราชการหลายต่อหลายหน่วย ที่มองเห็นว่าถ้าเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว ผลงานที่พระทำไว้ดีมากจะเป็นของตัวเอง ก็โอนงบประมาณมาให้ มากบ้าง น้อยบ้าง อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวให้ฟังว่า โอนมาให้ ๒,๕๐๐ บาท แต่ต้องรายงานการปฏิบัติงานปีละ ๔ ครั้งในรอบไตรมาส ๒,๕๐๐ บาทแค่กระดาษรายงานก็ไม่พอแล้ว..!
 
 แล้วส่วนราชการที่เข้าไปรับตำแหน่ง แล้วเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมาจากภาษีประชาชน เป็นพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านจะให้เขาแสดงทรัพย์สินก็สมเหตุสมผล แต่ส่วนของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ที่อยู่ด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยทุกรูป
 
 แล้วในขณะเดียวกัน เงินทั้งหมดก็เป็นเงินทำบุญ ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่คุณเอาระบบราชการเข้ามาจับ ไม่ว่าจะใช้หัวแม่ตีนข้างไหนคิด ก็ไม่ใช่..! แต่บ้านเราเมืองเรามักจะเพี้ยนอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คือเอาแค่คนศีล ๕ หรือว่าศีล ๕ ไม่ครบ มาออกกฎเกณฑ์ให้ศีล ๒๒๗ ทำตาม ฟังอย่างไรแนวคิดนี้ก็คนบ้าคิดชัด ๆ..! แต่ก็พยายามที่จะคิดกัน แทนที่จะช่วยให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองมั่นคง ก็กลายเป็นว่า ต่อไปจะไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือพระพุทธศาสนาอีก ไม่ว่าจะเป็นการบวชก็ดี การเป็นอุบาสกอุบาสิกา ถวายรับใช้พระพุทธศาสนาก็ตาม เพราะว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้ก็จะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
 
 แม้กระทั่งวันนี้ พระเถราจารย์ชื่อดังอย่างหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ก็ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดสวนสันติธรรม จังหวัดชลบุรีแล้ว และคาดว่าต่อไปก็จะมีลาออกไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครอยากยุ่งกับกฎเกณฑ์บ้า ๆ บอ ๆ ที่เขาออกมา แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองที่ไม่คิดจะเป็นเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ต้น ก็อาจจะลาออกเข้าป่าไปเมื่อไรก็ได้..! แล้วเขาทั้งหลายที่ตั้งใจออกกฎเกณฑ์มาก็จะเห็นเองว่า ความพินาศฉิบหายของพระพุทธศาสนานั้น เกิดจากความหวังดีแต่ประสงค์ร้ายของเขาเหล่านั้นนั่นเอง..!
 
 สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
 
 พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
 เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
 วันอังคารที่ ๒๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
 (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
 
				__________________........................
 
 เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-10-2025 เมื่อ 03:23
 |