คราวนี้ถ้าเรานิ่งอยู่ในสมาธินาน ๆ คนไม่รู้ก็เหมาว่าเราตายแล้ว เพราะว่าร่างกายเย็นเฉียบไปหมด สัญญาณชีพอะไรก็ไม่เหลือ จนกว่าเราจะรู้สึกว่าพอแล้วตามที่ตั้งเวลาเอาไว้ เมื่อค่อย ๆ คลายสมาธิออกมา สภาพจิตที่ดูเหมือนโดนบีบจนเหลือจุดเล็ก ๆ นิดเดียว ก็จะค่อย ๆ ขยายความรู้สึกออกไป จนกระทั่งถึงปลายมือปลายเท้า เมื่อประสาททำงานปกติ ใจของเราก็จะสั่งร่างกาย อย่างเช่นว่า ลืมตา พลิกตัว ลุกนั่ง ตั้งสติให้ดี แล้วค่อยเดิน ลักษณะพวกนี้เป็นขั้น ๆ ไปจนกระทั่งเรารู้สึกว่าช้ามาก แต่ถ้าคนภายนอกเห็นก็คือพลิกตัวปุ๊บก็ลุกนั่งเลย..!
ดังนั้น..ในส่วนนี้จำเป็นต้องการการซักซ้อมเป็นอย่างยิ่ง และโดยเฉพาะถ้าไม่ชำนาญ อย่าให้ใครมารบกวนด้วยการปลุกหรือว่าเรียก เพราะว่าถ้าเราคลายสมาธิพรวดพราดออกมา จากหัวใจที่ไม่เต้นเลย ก็จะต้องเร่งอัตราการเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที เพื่อที่จะให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ หัวใจจะเต้นเกิน ๑๐๐ ครั้ง/นาที อาจจะถึง ๑๐๐ กว่าหรือ ๒๐๐ ครั้ง/นาทีด้วย..! ถ้าสภาพอย่างนั้น บางคนร่างกายรับไม่ไหว มีอาการชัก กระตุก หรือเหนื่อยหอบ ดังนั้น..การออกจากสมาธิ ถ้าไม่ใช่ซักซ้อมจนชำนาญจริง ๆ ต้องค่อย ๆ คลายออกมา ถ้าพวกท่านมีประสบการณ์แล้ว จะรู้ว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดคืออะไร ?
จึงขอฝากเป็นการบ้านไว้ว่า ในช่วง ๓ วันที่กระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานอยู่ ถ้าหากว่าไม่มีอะไรเร่งด่วน ก็ทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ ถ้ามีเร่งด่วนก็ส่งงานเข้ากลุ่มไลน์เอาไว้ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพจะตั้งเวลาการเข้ากรรมฐานเป็นชั่วโมงเท่านั้น ชั่วโมงเท่านี้ ถึงเวลาออกมา ถ้าดูแล้วมีอะไรเร่งด่วนก็จะตอบมาให้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2025 เมื่อ 01:34
|