เรื่องพวกนี้เป็นที่น่าหนักใจมาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนกระทั่งวงการคณะสงฆ์ของเรา อะไรที่เป็นผลประโยชน์สำหรับตน ก็โดดออกมาแย่งชิงกันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม มักจะไม่ค่อยมีใครยอมแสดงความเห็น ไม่มีใครคอยจะออกความคิดให้ เหมือนอย่างกับกลัวว่าวงการนั้น ๆ หรือองค์กรนั้น ๆ จะเจริญจนเกินไป..!
ทำให้กระผม/อาตมภาพบางทีก็นึกว่า ในเรื่องของการกระทำความดีนั้น เราก็ต้องหน้าด้านหน้าทน ทำไปเรื่อยจนกว่าคนอื่นจะเห็นด้วย หรือว่าจนกว่าจะวาระสุดท้ายของชีวิตเรา ทำไปแล้วถือว่า "ได้ทำ" คนอื่นจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย โครงการนั้นจะประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ ก็เป็นเรื่องของอนาคตข้างหน้า แต่ว่าเราได้ทำสิ่งที่สมควรแล้ว ถือว่าสามารถที่จะตอบต่อตัวเองได้ว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ คือการทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว
คำว่าดีที่สุดก็คือเต็มกำลังกาย เต็มกำลังใจ เต็มกำลังคน เต็มกำลังทรัพย์ เต็มกำลังสติปัญญา ส่วนทำเต็มที่ของเราทุกวิถีทางแล้ว จะเป็นไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุงหรือเปล่านั้นไม่คิดถึง..! จะกระทบกระเทือนต่ออนาคตของตนหรือเปล่าก็ไม่คิดถึง เนื่องเพราะว่าเราสามารถตอบต่อตัวเองได้แล้วว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราทำอย่างเต็มที่ อยู่คนเขาก็เกรงใจ จากไปเขาจะคิดถึงหรือด่าส่งก็แล้วแต่ เพราะตอนนั้นเราก็คงไม่ได้ยินแล้ว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:26
|