บรรดาเปรต อสุรกาย หรือว่าสัมภเวสีเหล่านั้นน่าสงสารมาก ถ้าหากว่าเป็นอาหารที่มีเจ้าของ เขาก็โดนควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ของโลกเขา ไม่สามารถที่จะแตะต้องได้ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต ถ้าเป็นสิ่งที่เจ้าของทิ้งแล้ว ไม่ต้องการแล้ว เขาถึงมีสิทธิ์ที่จะกินได้ ก็แปลว่าตรุษที สารทที ถ้าหากว่ามีการไหว้ผี เชิญเขามากิน เขาถึงมีโอกาสได้กินเต็มที่สักครั้งหนึ่ง ที่เหลือก็ต้องอด ๆ อยาก ๆ ไปตามภพตามภูมิที่ตนเองต้องเสวยกรรมอยู่
ดังนั้น..การเมตตาต่อสรรพสัตว์ร่วมโลกนี้ ต้องถือว่าเป็น "อัปมัญญาพรหมวิหาร" รูปแบบหนึ่ง จึงมีการทำข้าวปลาอาหารอย่างดี แล้วเชิญท่านทั้งหลายเหล่านี้มากินด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ท่านตำหนิว่าเขาเป็นพุทธแล้วไปไหว้ผี นอกจากเป็นการเข้าใจผิด เอาศาสนาพุทธไปปนกับลัทธิขงจื๊อแล้ว ยังไม่เห็นหลักธรรมที่แฝงอยู่ในการกระทำทั้งหลายเหล่านี้อีกต่างหาก..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ท่านทั้งหลายว่ากล่าวไป นอกจากจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เนื่องเพราะว่าไปตำหนิในสิ่งที่เป็นจารีตประเพณี ที่เขาถือกันมาเป็นพันปี ตลอดจนกระทั่งเอาไปปะปนกับศาสนาพุทธแบบ "จับแพะชนแกะ" ซึ่งเรื่องของศาสนาหรือความเชื่อแบบนี้ เมื่อถึงเวลานานไป ก็ย่อมกลืนเข้าหากัน
อย่างเช่นว่าบ้านเราสมัยก่อน สถาบันหลักคือพระมหากษัตริย์ กระทำสิ่งหนึ่งประการใด ก็เป็นไปตามหลักการของศาสนาพราหมณ์ฮินดู ซึ่งมีความเชื่อว่าองค์พระมหากษัตริย์คือสมมติเทพ มาระยะหลังก็มีการนำเอาพิธีพุทธไปนำหน้า อย่างเช่นว่าก่อนจะจัดพิธีแรกนาขวัญ ก็จะต้องมีการสมาทานศีล เจริญพระพุทธมนต์ก่อน เหล่านี้เป็นต้น เป็นการปรับให้พุทธนำหน้าแล้วเอาพราหมณ์ตามหลัง
ในเรื่องของขงจื๊อก็เหมือนกัน ท่านที่มีความเข้าใจ ถึงเวลาไหว้เจ้าตามประเพณีแล้ว ก็ทำบุญให้ทานตามหลักของศาสนาพุทธ ไม่ได้มีอะไรขัดกันเลย นอกจากบรรดาท่านที่กำลังใจต่ำ แถมยังความรู้ไม่ชัดเจน แต่อวดอ้างว่าเป็นผู้รู้ ก็ไปกล่าวตำหนิคนอื่นเขา ในเมื่อกำลังใจของตนไม่เปิดกว้างพอ มองไม่เห็นความเป็นจริงในสังคมบ้านเรา แล้วซ้ำไปตำหนิการกระทำสิ่งดี ๆ ของคนอื่น
เรื่องพวกนี้ก็เท่ากับว่าท่านนั้นกำลังที่จะหาเวรหากรรมใส่ตัวเอง ก็ปล่อยให้ท่านไปตามทางของท่าน ส่วนเราเองทำสิ่งใดที่เห็นว่าดี ไม่ละเมิดศีล ไม่ละเมิดธรรม ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราก็กระทำของเราไป โดยที่ยึดเอา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก จะได้ไม่ออกนอกทางไปไกล จนให้เขาตำหนิได้เหมือนอย่างทุกวันนี้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2025 เมื่อ 01:37
|