กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=51)
-   -   เรื่องปรมัตถธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=11392)

นักเดินทางสังสารวัฏ 23-12-2025 01:58

เรื่องปรมัตถธรรม
 
ผมได้โยนิโสมนสิการ โดยการถามตัวเองเกี่ยวกับหัวข้อธรรมะต่าง ๆ เพื่อเข้าใจรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ตอบไม่ได้ ผมปัญญาไม่ถึง จึงขอพึ่งบารมีหลวงพ่อครับ

๑. ทุกอย่างนั้นเป็นอนัตตา และอนัตตาในที่นี้ คือการไม่มีเจ้าของ
แล้วใครเป็นคนได้บุญ ได้บาปเวลาทำกรรมต่าง ๆ ครับ?

ถ้าคำตอบคือตัวเรา แปลว่า ตัวตน (อัตตา) เรามี ซึ่งเป็นสัสสตทิฐิ ขัดกับสัมมาทิฐิ
ถ้าคำตอบคือไม่ใช่เรา ก็ขัดคำตอบก่อนหน้านี้ เพราะคนที่ได้รับก็เป็นเราอยู่ดี เช่น ทำบุญตัวเราไปสวรรค์ ทำชั่วตัวเราไปนรก

๒. สังขาร คือความคิดปรุงแต่ง จัดว่าอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของเหมือนกัน
พิสูจน์ง่าย ๆ ด้วยการทดสอบให้ตัวเองหยุดคิดสักครู่ ผลที่ได้คือคิดถี่ขึ้น

แต่สมมุติว่า สมชายตั้งใจจะไปวัดทำบุญ ก็เป็นตัวสมชายเองที่ตั้งใจเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ
ดังนั้นก็สรุปได้ว่าสังขารก็เป็นของเรา

ซึ่งมันขัดกับข้อที่กล่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าด้วยการหยุดคิด
ในข้อนี้ควรอธิบายอย่างไรดีครับ?

๓. มีคำกล่าวว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน มีรายละเอียดในระดับปรมัตถธรรมมากมาย
ต้องใช้ปัญญา หาเหตหาผล แยบคาย จึงจะเข้าใจอย่างแท้จริง ๑๐๐ % ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรา แต่เป็นผลลัพธ์(output) ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่างหาก(input)
ณ จุดนี้ผมก็พอเข้าใจและเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบน

แต่ปัญหาคือ แล้วนามธรรมอย่างบารมี ๑๐ ฌานสมาบัติ ความเป็นพระอริยเจ้า อย่างอรหัตผล พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านยึดหรือเปล่าว่าเป็นของเรา
สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ใช่ท่านยึด ก็อาจจะขัดกับไตรลักษณ์
สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ไม่ใช่ ก็แปลว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็ไม่มีอรหัตผล ไม่มีฌานสมาบัติ ซึ่งขัดกับความจริง ผมเลยสงสัยว่าควรจะอธิบายอย่างไรดีครับในข้อนี้?

สุธรรม 23-12-2025 03:48

ถาม : ผมได้โยนิโสมนสิการ โดยการถามตัวเองเกี่ยวกับหัวข้อธรรมะต่าง ๆ เพื่อเข้าใจรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ตอบไม่ได้ ผมปัญญาไม่ถึง จึงขอพึ่งบารมีหลวงพ่อครับ

ทุกอย่างนั้นเป็นอนัตตา และอนัตตาในที่นี้ คือการไม่มีเจ้าของ แล้วใครเป็นคนได้บุญ ได้บาปเวลาทำกรรมต่าง ๆ ครับ ?

ถ้าคำตอบคือตัวเรา แปลว่า ตัวตน (อัตตา) เรามี ซึ่งเป็นสัสสตทิฐิ ขัดกับสัมมาทิฐิ ถ้าคำตอบคือไม่ใช่เรา ก็ขัดคำตอบก่อนหน้านี้ เพราะคนที่ได้รับก็เป็นเราอยู่ดี เช่น ทำบุญตัวเราไปสวรรค์ ทำชั่วตัวเราไปนรก
ตอบ : ต้องแยกให้ได้ก่อนว่า เมื่อทำอะไรเราที่เป็น "ควาย" ก็จะต้องรับ แต่บุคคลที่เป็นคนแล้ว ย่อมเห็นชัดและบอกได้ว่าเราไม่ใช่ "ควาย"..!

ถาม : สังขาร คือความคิดปรุงแต่ง จัดว่าอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของเหมือนกัน พิสูจน์ง่าย ๆ ด้วยการทดสอบให้ตัวเองหยุดคิดสักครู่ ผลที่ได้คือคิดถี่ขึ้น

แต่สมมุติว่า สมชายตั้งใจจะไปวัดทำบุญ ก็เป็นตัวสมชายเองที่ตั้งใจเอง ไม่ได้มีใครมาบังคับ
ดังนั้นก็สรุปได้ว่าสังขารก็เป็นของเรา
ซึ่งมันขัดกับข้อที่กล่าวก่อนหน้านี้ที่ว่าด้วยการหยุดคิด ในข้อนี้ควรอธิบายอย่างไรดีครับ ?ตอบ : เมื่อคิดแล้วความคิดนั้นอยู่ที่ไหน ?

ถาม : มีคำกล่าวว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน มีรายละเอียดในระดับปรมัตถธรรมมากมาย ต้องใช้ปัญญา หาเหตหาผล แยบคาย จึงจะเข้าใจอย่างแท้จริง ๑๐๐ % ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่เรา แต่เป็นผลลัพธ์(output) ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยต่างหาก(input) ณ จุดนี้ผมก็พอเข้าใจและเห็นด้วยกับคำกล่าวด้านบน

แต่ปัญหาคือ แล้วนามธรรมอย่างบารมี ๑๐ ฌาสมาบัติ ความเป็นพระอริยเจ้า อย่างอรหัตผล พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ท่านยึดหรือเปล่าว่าเป็นของเรา ? สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ใช่ท่านยึด ก็อาจจะขัดกับไตรลักษณ์
สมมุติถ้าคำตอบคือว่า ไม่ใช่ ก็แปลว่า พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ก็ไม่มีอรหัตผล ไม่มีฌานสมาบัติ ซึ่งขัดกับความจริง ผมเลยสงสัยว่าควรจะอธิบายอย่างไรดีครับในข้อนี้ ?
ตอบ : กลับไปดูข้างบนที่ตอบไปแล้ว


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว