PDA

View Full Version : ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะวิสาขบูชา วันที่ ๑๓ - ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕


เถรี
31-05-2022, 19:24
ก่อนเปิดปฏิบัติธรรมช่วงวันวิสาขบูชา วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕

ด้วยความที่เข้าใจผิดว่าวันนี้ส่วนราชการเขาหยุดงานกัน กระผม/อาตมภาพก็เลยจัดปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันนี้ สรุปว่ามีหลายแห่งไม่ได้หยุด เรื่องของเรื่องก็เลยมีคนมาอยู่กันแค่ที่เห็น รู้สึกว่าดี..เพราะว่าคนมากก็เรื่องมาก..!

ท่านอาจารย์ ดร. มหาบุญรอด มหาวีโร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดหัวนา อยู่ไม่กี่เดือนก็ลาออก..!

ถามท่านว่า "วัดหัวนามีพระเณรตั้ง ๔๐ - ๕๐ รูป เป็นสำนักเรียนใหญ่ด้วย ท่านอาจารย์ลาออกทำไม ?" ท่านตอบว่า "ผมรับไม่ได้ครับ เดี๋ยวก็วิ่งมาแล้ว..พระอาจารย์ ไฟที่ห้องผมดับ..พระอาจารย์ครับ น้ำไม่ไหล..พระอาจารย์ครับ พัดลมเสีย..เรื่องอย่างนี้ผมต้องรู้ด้วยหรือวะ ?"

แสดงว่าท่านเข้าใจผิด คนเป็นเจ้าอาวาสต้องรู้ทุกเรื่อง ต้องเป็นตั้งแต่ผู้จัดการยันภารโรง เพราะว่าเจ้าอาวาสนี่ถ้าคนรุ่นเก่าอย่างกระผม/อาตมภาพเขาเรียกว่า สมภาร สม (ออกเสียง สะ-มะ)..เสมอด้วย + ภาร (ออกเสียง ภา-ระ) = สมภาร...เสมอด้วยภาระ พูดง่าย ๆ ก็คือมาพร้อมกับงานนั่นเอง

ในเมื่อท่านเข้าใจผิด ท่านรับไม่ได้ ท่านก็เลยลาออก เป็นที่น่าเสียดาย เพราะว่าสำนักเรียนวัดหัวนาปีนั้นมีสอบได้เปรียญเอก ก็คือเปรียญธรรมประโยค ๗ ด้วย

เถรี
31-05-2022, 19:34
วัดท่าขนุนปีนี้ยังต้องซ่อมแล้วซ่อมอีกกว่าจะผ่านประโยค ๔ มาได้อย่างทุลักทุเล มหาจุกคนซ่อมบอกว่า "อาศัยคาถาท่านปู่พระอินทร์ล้วน ๆ ความรู้ไม่มีในหัวเลยครับ"

ตรงนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีเคยโดนถามมาแล้ว พ่อแม่ถามว่า "ลูกไม่ได้เรียนหนังสือแล้วไปสอบ แล้วจะไม่โง่หรือ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "ข้อสอบออกอะไรก็ทำได้หมด จะเรียกว่าโง่ได้ไหม ?" ก็น่าคิดนะ ออกอะไรมาทำได้หมด แล้วถ้ายิ่งของอาตมานี่ก็คือ เปิดตำราเทียบดูได้เลย..เหมือนทุกตัวอักษร..! ถ้าเขาจับว่าลอกนี่เถียงไม่ได้เลย "ถ้าคุณไม่ได้ลอก เขียนอย่างไรให้เหมือนทุกคำ ?"

ต้องบอกว่าความสามารถของใครก็ของคนนั้น เพราะว่าวิชาที่เรียนไปส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้หรอก ก็ไปอยู่ในตำรา คืนครูไปภายในเวลาไม่นาน สิ่งที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ อยู่โน่น..วิชาชีวิต ทำอย่างไรที่จะเอาตัวรอดให้ได้ในสังคมยุคนี้ ที่เป็นสังคมที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า เป็นยุคของคนกินคน หรือปลาใหญ่กินปลาเล็ก เพราะฉะนั้น..มหาวิทยาลัยชีวิตสำคัญมาก คนที่เก่งที่สุดบางทีก็เอาตัวไม่รอด เพราะดันไปเล่นบิตคอยน์..! เอ๊ะ...เกี่ยวกันหรือเปล่า ?..ไม่เกี่ยวนะ

คนที่ปรับตัวเก่งที่สุดถึงจะอยู่รอดได้ พวกเราดูอย่างแมลงสาบ แมลงสาบอยู่มาตั้งแต่ยุคไพลโอซีน ๖๐ ล้านปีที่แล้ว หลังยุคจูราสสิกนิดเดียว อยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ยาฆ่าแมลงยี่ห้อไหนที่ว่าแน่ ฉีดไปเถอะ อย่างเก่งก็หงายเก๋งให้ดูอยู่พักหนึ่ง อย่าเผลอนะ เดี๋ยวก็ลุกวิ่งต่อได้ นั่นคือการปรับตัวเก่งถึงจะดำรงเผ่าพันธุ์ให้อยู่รอดได้

เถรี
02-06-2022, 00:11
หลังจากรับศีล ๘ บวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมแล้ว "รับปากส่งเดชไม่ได้นะ อามะภันเต นี่เท่ากับว่าตั้งสัจจบารมีไว้ ในเมื่ออามะภันเต ขอรับ/เจ้าค่า หรือไม่ก็ เจ้าคะ ก็แปลว่า รับปากแล้วนะ สัญญากันไว้ ห้ามเบี้ยวอย่างเด็ดขาด..!

เมื่อครู่นี้ที่พูดไปก็บันทึกเป็นเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไปด้วย เพราะว่าเดี๋ยวอีกสักครู่ต้องออกไปงานบรรจุศพหลวงพ่ออำนวย (พระครูเกษมกาญจนกิจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดลิ่นถิ่นพัฒนาราม อดีตเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๑ ซึ่งมรณภาพบำเพ็ญกุศลมาหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้บรรจุศพ รอเวลาพระราชทานเพลิง

หลังจากนั้นก็ต้องวิ่งต่อ ไปประชุมคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเมื่อพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี รู้ว่าทางด้านนี้มีงานบรรจุศพพระสังฆาธิการระดับสูง จึงได้เลื่อนการประชุมให้เป็นบ่ายสองโมง ทุกท่านทางนี้จะได้ไปทัน

แต่คราวนี้เราต้องเข้าใจว่าเมื่อเลื่อนประชุมเป็นบ่ายสองโมง ก็แปลว่าจะเลิกช้า เลิกประชุมแล้วอาตมภาพต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย ๒ ชั่วโมงเพื่อวิ่งกลับมาที่นี่ ก็น่าจะไม่ทันการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเวลาปกติ จึงต้องใช้วิธีบันทึกตั้งแต่ตอนนี้

เถรี
02-06-2022, 00:12
โดยเฉพาะญาติโยมที่ไม่ได้อยู่ฟัง ยิ่งอยู่ต่างประเทศด้วย โอกาสก็ยิ่งมีน้อย ส่วนพวกเราเองที่โอกาสมีมาก ก็อย่าทำตัวเป็น "หนูตกถังข้าวสาร" มีอะไรก็ให้เร่งรีบปฏิบัติเอาไว้ สถานการณ์โลกบีบคั้นเข้ามาทุกเวลาแล้ว

สมัยก่อนมีอยู่ประโยคหนึ่งที่บอกว่า "โชคดีที่ตายก่อน" ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ยุคนี้มาก แต่โชคดีที่ตายก่อนนี่หมายถึงว่า ต้องเป็นไปตามเวรตามกรรมนะ ไม่ใช่ว่าเราไปช่วยให้ตายเอง แต่ถ้าอยู่ต่อไปได้ จะโชคดีกว่านั้นอีก จะได้เจอชีวิตที่ระทมขมขื่นกว่านี้อีกเยอะ..! คราวนี้ต่อให้ไม่อยากไปนิพพานก็ต้องอยากจนได้ เขาเรียกว่า "ไฟต์บังคับ" ในเมื่อให้ไปเองไม่ยอมไป ก็ต้องเฆี่ยนต้องตีกันบ้าง ต้องบังคับให้ไป

ต่อไปพวกเราก็เริ่มปฏิบัติกัน ตั้งใจเต็มที่นะ ทำแล้วต้องได้ เปลี่ยนทัศนคติบ้าง ถ้าไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ให้รู้ว่า ที่เราทำมาแล้วนั้นไม่ถูกวิธี ไม่อย่างนั้นก็ได้ไปนานแล้ว ก็แค่มาเปลี่ยนวิธีทำใหม่เท่านั้นเอง

เถรี
02-06-2022, 00:16
ก่อนสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สาย เย็นวันเสาร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

ตามปกติของวัดท่าขนุน ทุกวันที่ ๑๓ ของเดือนจะสวดมนต์เย็นถวายหลวงปู่สาย แล้วทุกวันที่ ๑๔ ของเดือนก็ทำบุญถวายท่าน ยกเว้นว่าช่วงอยู่ในพรรษา จะเลือกเอาวันพระที่ใกล้เคียงกับวันที่ ๑๔ มากที่สุดทำบุญถวายท่านแทน เพราะว่าเราทำบุญทุกวันพระในพรรษาอยู่แล้ว ในเมื่อทำมา ๓๐ ปีแล้ว ก็จงทำต่อไป..!

เรื่องของหลวงปู่สายเป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตั้งแต่หลวงพ่อวัดท่าซุงอนุญาตให้กระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ได้ ก็ได้มาทางด้านจังหวัดกาญจนบุรี

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตอนที่เป็นทหารอยู่ รับราชการที่กองพลที่ ๙ ซึ่งตอนนั้นเป็นค่ายกาญจนบุรี ตอนหลังเปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์ ตามพระนามาภิไธยของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ถ้าพระนามเต็ม ๆ ก็ต้องบอกว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท นี่เป็นตำแหน่งวังหน้า หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าตำแหน่งพระอุปราช คำว่า อุป แปลว่าใกล้

อุปราช, อุปราชา แปลว่า ใกล้จะเป็นพระราชา
อุปกิเลส แปลว่า ใกล้จะเป็นกิเลส ยึดผิดเมื่อไรเป็นกิเลสทันที
อุปสรรค ใกล้จะขึ้นสวรรค์ ผ่านพ้นไปได้เหมือนกับขึ้นสวรรค์ทันที เรื่องของภาษานี่ลึกซึ้งนะ

ถ้าหากว่าเป็นตำแหน่งวังหลัง เขาเรียกว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข

เถรี
02-06-2022, 00:18
ในเมื่อเคยชินกับพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อออกธุดงค์จึงตั้งเป้ามาทางด้านนี้ หาครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณในยุคนั้น ซึ่งก็ประกอบไปด้วยหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่ยังรับราชการอยู่ สมัยนั้นทุกวันพุธต้องพาทหารไปทำงานโยธา ก็คือทำความสะอาดวัดทุ่งลาดหญ้า

แล้วก็ไปเจอต้นเสาอยู่ต้นหนึ่ง เวลาทหารทำงานไปทำงานมา ถ้าหากปวดฉี่ขึ้นมา มองซ้ายมองขวา ถ้าเหลือแต่พวกตัวเอง ก็ถลกกางเกง ฉี่รดเสาต้นนั้น ปรากฏว่าวันดีคืนดี มีนักเลงขี้เมาไปไล่ยิงกันในวัด ปืนหันมาใส่ต้นเสาต้นนั้นแล้วยิงไม่ออก ทดสอบหลายครั้งจนมั่นใจ เสาต้นนั้นก็เลยโดนถากไปทำวัตถุมงคลจนหมด..! เสาต้นที่โดนฉี่รดแล้วนั่นแหละ เป็นมงคลมากเลย..!

ถัดมาก็หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน ถัดไปก็พระอาจารย์ยันตระ สำนักสงฆ์ป่าสุญญตาราม ถัดไปก็หลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม

หลวงพ่ออุตตะมะนี่รู้จักมานานมาก รู้จักตั้งแต่สมัยฝังลูกนิมิตโบสถ์วัดท่าซุงปี ๒๕๒๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงให้คณะศิษย์แยกย้ายกันไปอาราธนา/นิมนต์พระสุปฏิปันโนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มาร่วมงานที่วัดท่าซุง ทางด้านสายจังหวัดกาญจนบุรีนี่ ท่านกำหนดให้นิมนต์หลวงพ่ออุตตะมะ

เถรี
02-06-2022, 00:20
กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า "ไกลออกจะปานนั้น หนทางก็ยากออกจะปานนั้น นิมนต์แล้วท่านจะมาหรือครับ ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่า "พวกแกไปบอกว่ามหาวีระนิมนต์ แล้วท่านจะมา" ตีรถไป ๑ วันกับ ๑ คืน ถึงวัดหลวงพ่ออุตตะมะ ตอนนั้นยังเป็นวัดเก่าอยู่ ที่จมน้ำอยู่ตอนนี้ พอได้ยินว่าพระมหาวีระ วัดท่าซุง นิมนต์ หลวงพ่อท่านรับปากทันทีเลย "วันไหนบอกมา เดี๋ยวจะไปให้"

พอกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่าเป็นเพราะอะไร ? ท่านบอกว่า "รู้จักกันดี ตั้งแต่สมัยที่อยู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า" พวกเราคงจะเคยฟังประวัติหลวงพ่อฤๅษีว่า ไปอยู่ศึกษาวิชาการที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า แล้วก็เลี้ยงหมาไว้ฝูงใหญ่ ที่มีท่านสิงห์ดอกเป็นหัวหน้า ช่วงนั้นหลวงพ่ออุตตะมะเคยไปจำพรรษาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตกลงว่าครูบาอาจารย์ท่านรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยุคโน้น ส่วนพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย

กระผม/อาตมภาพแวะมาขอความรู้จากหลวงปู่สาย เพราะสอบถามท่านแล้วว่า "เส้นทางทางด้านนี้ หลวงพ่อเคยธุดงค์ไหมครับ ?" ท่านก็บอกว่า "เดินจนไม่มีที่ให้เดินแล้ว" แล้วก็แนะนำว่าควรที่จะไปทางไหน ใกล้ไกลแค่ไหนแล้วต้องพัก ซึ่งตรงจุดนี้สำคัญมาก

เพราะว่าภายหลังกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปในทุ่งใหญ่นเรศวร ไปเจอท่านอาจารย์เป้า (พระครูใบฎีกาอุเทน อุฏฐานโรจโน) จากวัดเศวตฉัตรวรวิหาร ท่านธุดงค์ไป อดอาหารจนไม่มีแรงจะเดิน จึงได้เอาอาหารถวายท่าน เหตุที่ท่านอดอาหารก็เพราะว่า ไม่เคยถามหนทางจากใคร เลยไม่รู้ว่าแต่ละจุดนั้นต้องเดินใกล้ไกลเท่าไร บางแห่งเราเดินจนค่ำแล้วก็ยังหยุดไม่ได้ ต้องลากยาวไปจนถึง ๒ - ๓ ทุ่ม จึงจะถึงที่พักได้

เถรี
03-06-2022, 23:47
ที่พักในป่าส่วนใหญ่ก็คือต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำ แล้วหน้าแล้งบางทีแหล่งน้ำนั้นก็หมดด้วย กระผม/อาตมภาพเคยเจอมาหลายที ไปถึงแหล่งน้ำ..น้ำไม่หมด แต่ช้างป่าลงไปเกลือกเสียกลายเป็นขี้โคลนหมดทั้งแอ่งเลย แถมยังขี้เยี่ยวไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย..!

แล้วทำอย่างไร ? ก็ใช้วิธีเอาผ้าอาบของพระคลุมปากบาตรไว้ แล้วใช้ฝาบาตรตักน้ำขี้โคลนมาเทลงไป อย่างน้อย ๆ ก็กรองได้ แต่กรองได้แต่ขี้โคลน ส่วนกลิ่นนั้นกรองไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ก็ทนเหม็นอึเหม็นฉี่ไปเต็มที่ แต่ก็ต้องต้มแล้วก็ฉันไป เพราะว่าหาที่อื่นไม่ได้ ที่อื่นต้องเดินอีกเป็นครึ่งค่อนวัน

บางที่เราเดินไปถึง เพิ่งจะบ่ายสองบ่ายสาม แต่ก็ต้องพักแล้ว เพราะว่าถ้าเดินต่อจะไม่เจอที่พักอีก จนกว่าที่จะเดินอีกก็เป็นวัน ซึ่งเราอาจจะเดินได้อีกแค่ครึ่งวันก็ค่ำแล้ว อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้น..ไปที่ไหนอย่าใจร้อน ต้องถามทางให้ละเอียดก่อน

กระผม/อาตมภาพใช้วิธีถามทางจากหลวงปู่สาย ท่านก็แนะนำให้ "ไปถึงตรงโน้นนะ อากาศหนาวมาก เกินบ่ายสองแล้วสรงน้ำไม่ไหวหรอก ถ้าหากจะสรงน้ำ ก็ต้องว่ากันตั้งแต่ตอนเที่ยงเลย" โห..ลองไปดูแล้ว หนาวขาดใจจริง ๆ หนาวขนาดไหน ? หนาวขนาดจุ่มเท้าลงไปในน้ำ รู้สึกว่าเท้าหายไปเลย..! ชาจนไม่มีความรู้สึก

แล้วก็กราบเรียนถามถึงแนวทางการปฏิบัติว่า "ทำแล้วเป็นอย่างนั้น" "ทำแล้วเป็นอย่างนี้" "ถ้าหากว่ากระผมจะทำต่อไป จะเป็นอย่างไร หลวงปู่เมตตาบอกได้ไหมครับ ?" ท่านเห็นเป็นลูกหลานนักปฏิบัติ ท่านก็บอกไปเรื่อย ในเมื่อบอกไปเรื่อย ก็เท่ากับว่าศึกษาวิชาการตามสายของท่าน แล้วตอนหลังก็ยังได้ตำราลายมือท่านมาด้วย

เถรี
03-06-2022, 23:50
เหมือนอย่างกับว่าครูบาอาจารย์ท่านนัดกันไป ถ้าหากว่าตามที่เชื่อกันก็คือหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง มรณภาพวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๕ แต่หลวงปู่สายมรณภาพก่อน ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๓๕ ช่วงที่ทำบุญ ๑๐๐ วัน กระผม/อาตมภาพก็วิ่งอยู่สองวัด สองทุ่มหลังจากสวดพระอภิธรรมถวายหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงเสร็จ ก็ตีรถมาที่นี่ มาสว่างที่นี่ ร่วมงานบุญเขาเสร็จสรรพเรียบร้อย ฉันเพลเสร็จ ก็ตีรถกลับไป ไปตีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมทางด้านโน้น พร้อมที่จะสวดพระอภิธรรมต่อ คนไม่รู้หรอกว่าหายไปเป็นวันเป็นคืน

เข้าศาลา ๑๒ ไร่เมื่อไร ก็เจอนั่งหัวโด่กันอยู่สามคน มีหลวงพี่พระใบฎีกาประทีป อตฺถทสฺสี มีกระผม มีพระสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เหลือเชื่อไหม..? ตอนนั้นท่านสมนึกเพิ่งจะพรรษาที่ ๒ เองนะ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง..!

เราจะเห็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ เหมือนอย่างกับกำหนดตายตัวมา ที่เฝ้ากันอยู่ทุกวันทุกคืนตลอดเวลาที่ศาลา ๑๒ ไร่ มีอยู่สามรูปนี้ แล้วที่ไปมากกว่าท่านอื่น ก็จะเป็นเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย ก็คือหลวงตาท่านนอกจากอายุมาก ก็ยังหวงเวลาปฏิบัติ เพราะฉะนั้น..ถ้านอกจากหน้าที่รับผิดชอบแล้ว หลวงตาจะกลับกุฏิไปลุยกรรมฐานของท่าน แต่พวกอาตมาแทบจะกินจะนอนกันที่ศาลา ๑๒ ไร่เลย หายไปก็เฉพาะตอนกลับกุฏิไปสรงน้ำเท่านั้น

เมื่อเก็บสังขารหลวงปู่สายไว้ครบปี ก็รื้อโลง ตอนนั้นเป็นโลงทึบ จะเผา แต่ปรากฏว่าสังขารไม่เน่า ทั้ง ๆ ที่ตอนมรณภาพก็ไม่ได้ฉีดยา ก็เลยเป็นเวรเป็นกรรมของกระผม/อาตมภาพตั้งแต่ตอนนั้น เพราะว่าเจ้าอาวาสรูปถัดมาก็คือพระอธิการสมเด็จ วราสโย กลัวผีสุด ๆ..! ตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ๖ ปี พระอาจารย์สมเด็จไม่เคยเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่เลย มีแต่พระอาจารย์เล็ก วัดท่าซุง วิ่งมาเปลี่ยนให้ทุกปี..!

เถรี
03-06-2022, 23:52
ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพออกจากวัดท่าซุงมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ถือว่าไม่ไกล ห่างจากที่นี่ก็ ๒๘ กิโลเมตรเท่านั้น เพียงแต่ทางเข้าโหดไปหน่อย สมัยโน้นเป็นปลักควายตั้งแต่ปากซอยเข้าไป ตามเนินต่าง ๆ ก็จะมีคนเอาช้างบ้าง เอาควายบ้าง มารออยู่ ถ้ารถติดหรือขึ้นเนินไม่ไหวก็ต้องจ้างให้เขาช่วยลาก

แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ไปจ้างควายเขาลากรถ ๖ ล้อขึ้นเนิน ด้วยความที่ผู้ช่วยงู (นายพินิจ คงทองดี) ผู้ช่วยหัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำ เป็นมือใหม่ พอถึงเวลาพ้นเนินแล้วก็บีบแตรให้สัญญาณเพื่อให้เขารั้งควายไว้ จะได้ปลดเชือกแล้วก็วิ่งรถต่อ ปรากฏว่าควายตกใจเสียงแตร ก็เลยพรวดเข้าป่าไป ลากเอารถไปด้วย..! รถที่ขึ้นเนินมาแบบไม่บุบสลาย ก็เลยออกจากป่ามาแบบลายพร้อยไปทั้งคัน..!

กระผม/อาตมภาพเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่มาทุกปี ๆ จนกระทั่งพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต เป็นเจ้าอาวาสต่อ ก็เปลี่ยนถวายมาอีก ๑๑ ปี สิบเจ็ดปีผ่านไป ตัวเองต้องมาเป็นเจ้าอาวาส เพราะว่าเขาหาลูกศิษย์หลวงปู่สายไม่ได้แล้ว ลูกศิษย์ที่อยู่กับหลวงปู่คนสุดท้ายก็คือท่านอาจารย์สมพงษ์ที่เพิ่งจะได้พรรษากว่า ๆ เริ่มเข้าพรรษาที่ ๒ ก็เป็นเจ้าอาวาสไปแล้ว ที่เหลือไม่มีใครทัน ก็เลยต้องไปลากอาตมาให้มาเป็นเจ้าอาวาสต่อ

เปลี่ยนผ้าถวายหลวงปู่ในฐานะเจ้าอาวาสมาอีก ๗ ปี รวมแล้ว ๒๔ ปี ก็ปล่อยภาระให้พระท่านเปลี่ยนกันเองบ้าง ปรากฏว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บางทีก็ช้าไม่ทันใจ หาความคล่องตัวกันไม่ได้ ปีที่แล้วก็ลงไปเปลี่ยนเองอีก

เราจะเห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่างเป็นเรื่องเหมือนกับวาระบุญ วาระกรรมกำหนดไว้แล้ว ใครจะไปคิดว่าจากสมัยโน้นที่เพิ่งจะ ๓ - ๔ พรรษา มากราบขอความรู้จากหลวงปู่ หลังจากนั้นก็ต้องมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นี่

ในเมื่อเป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ ก็ขอให้พวกเราเชื่อเถิดว่าที่มานั่งกันอยู่ตรงนี้ได้ พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า บุคคลที่เกิดมา แล้วได้เจอกัน ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มี อย่างน้อยก็ต้องฐานะใด ฐานะหนึ่ง เคยเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน กันมา เป็นสามี ภรรยากันมา เป็นครูบาอาจารย์กันมา เป็นเพื่อนฝูงกันมา ต้องมีสักฐานะหนึ่ง ไม่มีอะไรก็เคยเป็นทาสรับใช้กันมา

เถรี
03-06-2022, 23:54
ในเมื่อมีบุญสัมพันธ์ มีกรรมสัมพันธ์กันมา ก็เลยทำให้ชาตินี้ต้องมาเจอกัน เพราะฉะนั้น..เลิกสงสัยได้แล้ว..! แต่กระผม/อาตมภาพฟื้นความสัมพันธ์ไม่เป็น ถ้าใครมาถึงแล้วบอกว่า "หนูรู้นะ..ว่าชาติก่อนหนูเป็นอะไรกับหลวงพ่อ..!" ก็จะตอบไปว่า "เออ..มึงไปห่าง ๆ เลย จนป่านนี้ยังไม่ได้ใช้หนี้กู..!"

เราต้องมีสติว่า นี่คือชาตินี้ ไม่ใช่ชาติก่อน อดีตมีไว้เป็นบทเรียนว่ามีชาติไหนที่เราไม่ทุกข์บ้าง ? ทุกข์มาจนเข็ดทุกชาตินั่นแหละ ปัจจุบันนี้ก็ทุกข์อยู่ อนาคตเกิดอีกก็ทุกข์อีก พอหรือยัง ? ถ้ายังไม่พอ ก็จงเกิดต่อไป..! เข็ดหรือยัง ? ถ้ายังไม่เข็ดก็จงเกิดต่อไป..!

แต่ถ้าพอแล้ว เข็ดแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากตรงนี้ ถ้าเราทำเต็มที่ ต่อให้ไม่พ้น หนทางการเวียนว่ายตายเกิดของเราก็จะสั้นกว่าคนอื่นเขา

เมื่อเช้าถึงได้บอกว่าเราต้องตั้งเป้าไว้สูงสุดเลย แล้วตะกายไปให้เต็มที่ ไปไม่ถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์ อย่างน้อยอยู่เบสแคมป์ก็ยังดี ก็คือไปไม่ถึงยอดเขาที่ ๘ กิโลเมตรกว่า ก็อยู่ที่เบสแคมป์ที่ ๕ กิโลเมตรกว่านั่นแหละ แหงนมองยอดเขาเหมือนหมามองเครื่องบินก็ยังดี สักวันหนึ่งเครื่องบินอาจจะหล่นลงมาทับหัวเราก็ได้..!

เรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงเป็นเรื่องที่ท้อถอยไม่ได้ ต้องเพียรพยายามกันอย่างชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก ถึงจะประสบผลสำเร็จ

เถรี
05-06-2022, 22:56
อย่างที่หลายท่านเคยฟังมาแล้วว่า ในช่วงที่ทุ่มเทกับการปฏิบัติธรรมนั้น เรื่องกินเรื่องนอนนี่ แทบจะไม่มีความหมายในชีวิตของกระผม/อาตมภาพเลย เน้นเอาการปฏิบัติเป็นใหญ่ เพราะฉะนั้น...แต่ละคืนนอนไม่เคยเกิน ๒ ชั่วโมง เพราะว่าเสียดายเวลา ถ้าไม่ใช่ร่างกายไม่ไหวจริง ๆ บางทีก็ลากต่อ ถ้าไม่ไหวก็พักไป แต่พักแค่ ๒ ชั่วโมงก็พอ

ซักซ้อมการทรงสมาธิแบบตั้งเวลา ต้องเอาให้ได้ ใหม่ ๆ ต้องใช้นาฬิกาปลุกสามเรือน วางรอบกุฏิเลย มุมละเรือน ต้องอยู่มุมก็เพราะว่าเวลานาฬิกาปลุกแล้ว ถ้าเราอยู่ใกล้ ก็แค่เอามือไปแปะแล้วเงียบเลย เพราะฉะนั้น..ต้องให้อยู่ไกล ๆ ให้เราต้องตะกายไปปิด หูตาจะได้สว่าง ถ้าหากว่าเรือนที่ ๑ แปะแล้วฟุบหลับต่อ เดี๋ยวเรือนที่ ๒ ปลุกในอีก ๕ นาที ถ้าเรือนที่ ๒ แล้วยังหลับต่อ เดี๋ยวเรือนที่ ๓ จะปลุก คลานไป ๓ มุมห้องแล้ว ถ้ายังไม่ตื่นก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ..! เอาไปใช้บ้างได้นะ

หลังจากที่เลิกใช้นาฬิกาปลุกมาจนบัดนี้ ๓๐ กว่าปีแล้ว เวลานอนไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก ต่อให้เจ็บไข้ได้ป่วยขนาดไหน ถึงเวลาก็จะตื่นเอง นั่นคือการที่เราฝึกซ้อมจนเคยชิน พอจิตมีสภาพชิน ก็จะทำในสิ่งเดิม ๆ

เราจึงต้องเกาะภาพพระหรือเกาะพระนิพพานให้ชิน เมื่อจิตของเราเคยชิน วาระสุดท้ายของชีวิตก็จะเกาะภาพพระหรือว่าเกาะพระนิพพาน ที่มาทำจะเป็นจะตายกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อสร้างความเคยชิน ถ้าเป็นนักจิตวิทยาก็จะบอกว่าอะไรที่เราได้ทำ ๓ วันเหมือน ๆ กัน เราจะเริ่มเคยชิน ถ้าทำถึง ๒๗ ครั้งขึ้นไป จะฝังลึกเป็นสันดานแล้ว

มีใครปฏิบัติธรรมถึง ๒๗ ครั้งแล้วบ้าง ? ได้รับวุฒิบัตร ๒๗ ใบ หลายคนมีเกินนะ ชินหรือยัง ? ถ้ายังไม่ชิน ไม่ต้องตำหนิตนเอง เราเกิดมาเป็นแสนเป็นล้านชาติ ชินกับ รัก โลภ โกรธ หลง มากกว่าหลายเท่า โดน รัก โลภ โกรธ หลง ลากไปไม่แปลกหรอก ปกติเลย แต่ถ้าเราลากกลับมาได้นี่เราเก่ง ให้กำลังใจตัวเองบ้าง เหมือนอย่างกับเด็ก ทำอะไรได้ก็ชม "เก่งมากลูก" ปรบมือให้หน่อย ไม่มีใครปรบมือให้ ปรบมือให้ตัวเองก็ได้

สิ่งที่เราทำอยู่ต้องหวังผล ทำแล้วไม่หวังผลจะทำไปทำไม ? เหนื่อยเปล่า ตั้งเป้าไว้เลยว่าสามวันที่เหลือนี้ เราต้องเป็นพระอรหันต์ให้ได้ เชื่อไหมว่าในนี้สามารถทำได้เกินครึ่ง ก็คือถ้าไม่บรรลุมรรคบรรลุผล ก็ไปเป็นพระอรหันต์ของลูก ๆ ที่บ้านต่อไป...!

เถรี
05-06-2022, 22:57
(หลังสวดพระพุทธมนต์ถวายหลวงปู่สาย) ตีสามครึ่งเสียงจะมีระฆังปลุก โปรดระวังด้วย กระผม/อาตมภาพนั่งตรงนี้เมื่อไร เริ่มกรรมฐานเมื่อนั้น ไม่รอใคร เพราะฉะนั้น..ใครช้าก็เสียประโยชน์เอง

ส่วนใหญแล้วพวกเราจะได้ประโยชน์มากก็ตอนเจริญกรรมฐานตอนเช้า เหตุเพราะว่าไม่เคยชินกับการเดินจงกรม พอปล่อยให้นั่งกรรมฐานเองก็ไปไม่เป็นอีก รู้สึกว่าช่างเป็นลูกศิษย์ที่ดีพร้อมเสียนี่กระไร "งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์ นางในธรณีไม่มีเหมือน" ใช่ไหม ?

มาจากเรื่องสังข์ทอง ตอน รจนาเลือกคู่ อ่านหนังสือเยอะ ๆ เดี๋ยวก็รู้เท่าหลวงพ่อเอง ทุกวันนี้กระผม/อาตมภาพอ่านวันละเล่ม เพราะว่าไม่มีเวลา ถ้ามีเวลาก็วันละ ๔ - ๕ เล่ม..! อ่านจนหนังสือออกให้อ่านไม่ทัน บางวันเกือบจะลงแดง ยังดีมีโยมมาให้ได้บ่นบ้าง..!

เถรี
05-06-2022, 23:00
ช่วงเช้าก่อนทำบุญถวายหลวงปู่สาย วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

อย่าลืมนะว่าอาตมาเคยคุยกับ "ไอ้ตัวแสบ" มาแล้ว เขาบอกว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ นั่นน่ะ ฝีมือเขาสร้างทั้งหมด สร้างมาเพื่อให้พวกเรายึดติด จะได้หนีเขาไม่พ้น โอ้โห..กระผม/อาตมภาพก็ยังคิดว่าเขาไม่ทันสมัย ที่ไหนได้..เขาเป็นตัวสร้างความทันสมัยเองเลย..!

ดังนั้น..เทคโนโลยีไม่ใช่สิ่งที่เราปฏิเสธ แต่ต้องใช้อย่างมีสติ ให้เขาหนุนเสริมการสร้างความดีของเรา อย่าให้เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา

สมัยโน้นพรรคพวกเขาชวนข้ามไปเวียงจันทน์ งานฉลองพระธาตุหลวงเวียงจันทน์มีทุกวันมาฆบูชา มีบิณฑบาตกลางคืน ชาวบ้านใส่แต่เงินล้วน ๆ คนลาวใส่อาหารก็คืออาหาร ใส่เงินก็คือใส่เงิน ไม่ได้มั่วไปหมดเหมือนกับบ้านเรา

ถ้าหากว่าใครไปหลวงพระบางตอนเช้า ๆ พระภิกษุสามเณรวัดโน้น วัดนี้ วัดนั้น จะเดินออกมา ๑๐ รูป ตรงนี้ ๕ รูป รวมเป็นแถวยาวเหยียด แล้วก็มาเดินรับบาตรจากนักท่องเที่ยว คนลาวเขาก็จะคุกเข่าบนสาดที่บ้านเราเรียกว่าเสื่อ แล้วก็จกข้าวเหนียวใส่บาตร พอถึงเวลาก็หิ้วปิ่นโตกับข้าวไปส่งที่วัด แปลว่าพระภิกษุสามเณรจะได้ไปแต่ข้าวเหนียวเท่านั้น แล้วก็รอญาติโยมเอาปิ่นโตไปถวายที่วัด ส่วนใหญ่แล้วเรียกว่าไป "จังหัน" ก็คือไปส่งอาหารเช้า

แต่คนไทยเราไปนี่ ทำเอาพระเณรประเทศลาวประสาทกลับหมดเลย พระเดินผ่านมาถวายน้ำ ๑ แพ็ค แล้วพระจะเอาไปอย่างไร ? ขนมปังอีกคนละแถว แล้วโดยเฉพาะคนลาวนั่งคุกเข่าใส่บาตร ส่วนบ้านเราไปยืนค้ำหัวพระเณรใส่บาตร..!

ปรากฏว่ากลางคืนเขาใส่แต่เงินกีบ ได้มาตั้งหลายหมื่นกีบ ดีใจมากเลย แต่พอแลกมาเป็นเงินไทยได้แค่ ๗๐๐ บาท..! ตอนนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละ ๔๑ กีบ ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าค่าเงินลาวตกไปมาก

เถรี
05-06-2022, 23:04
บรรดานักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละไปทำเขาเสียหาย ส่วนใหญ่ก็คือเอาวัฒนธรรมแปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้าไป ประเภทนุ่งกางเกงขาสั้นใส่บาตรอย่างนี้ คนลาวเขาเห็นก็สรรเสริญเจริญพรเราไป ๗ ชั่วโคตรเลย..! ของเขานี่ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงจะนุ่งซิ่น ถ้าเป็นผู้ชายก็ใส่กางเกงขายาว แถมมีผ้าขาวม้าคาดพุง พอถึงเวลาใส่บาตรก็ปลดมาพาดบ่า ก็คือแต่งตัวเรียบร้อยมาก เพราะว่ามีความเคารพในพระรัตนตรัย

แต่ของเรานี่ตามใจกู เคยเจอญาติโยมหลายท่านเมตตามาก รู้ว่าพระเณรไม่ค่อยได้เห็นอะไร มาวัดก็โชว์ให้ดูอย่างเต็มที่เลย จะขอบคุณก็ใช้ที่ จะยถาฯ สัพพีฯ ก็ไม่ใช่เรื่องอีก จึงได้แต่นั่งปลงอนิจจัง..!

การรู้กาละเทศะเป็นเรื่องของบุคคลผู้เจริญ ก็คือเจริญด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาถึงได้บอกว่าศิวิไลซ์..ความเจริญ ไม่ได้เจริญที่วัตถุ เจริญที่ใจ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรเหมาะ อะไรสมกับสถานการณ์

แต่สิ่งเหล่านี้หายหมด จะว่าไปแล้วก็คือไม่มีผู้ใหญ่ส่งต่อวัฒนธรรมส่วนนี้มาให้ บางทีเด็ก ๆ ต้องไปขวนขวายเองด้วยซ้ำ เพราะว่าพ่อแม่ไม่ใส่บาตร พ่อแม่ไม่เข้าวัด พ่อแม่ไม่ปฏิบัติธรรม แต่วิสัยเดิมของเด็กสร้างกุศลบารมีมามาก ถึงเวลาเห็นก็สะดุดตา สะดุดใจ อยากจะทำ ก็ต้องไปขวนขวาย ไปศึกษา ไปปฏิบัติกันเอง

หลายท่านที่มาที่นี่ก็เหมือนกัน เจอคนเขาบ่นเสียไม่มี "อายุแค่นี้เอง เข้าวัดแล้ว..!" จะให้อายุขนาดเขาไหม ? ถามว่า "โยม..ไม่ไปทำบุญที่วัดบ้างหรือ ?" โยมตอบ "ลูกยังเล็กเจ้าค่ะท่าน" ปรากฏว่าลูกโตจนหมาเลียตูดไม่ถึง ลองถามใหม่ "โยม..เมื่อไรจะเข้าวัด ?" โยมตอบ "โอ๊ย...หลานยังเล็กเจ้าค่ะ" ปรากฏว่าท้ายสุดเข้าวัดจนได้ เขาใส่รถแห่มา..! อยู่ในบ้านหลังสุดท้ายเหลี่ยม ๆ มาเชียว แต่มาตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว

เถรี
05-06-2022, 23:08
ระยะนี้ถ้าหากเห็นว่ากระผม/อาตมภาพซีด ๆ ขาว ๆ อย่าชมว่าผ่องนะ กำลังป่วยอยู่ เพราะว่าเป็นบุคคลที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เมื่อวานนี้วิ่งไปงาน กลับขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยและร้อนปานนั้น ก็สรงน้ำไม่ได้ เพราะว่ากำลังจะสั่น ก็ต้องมาร่วมกับพวกเราสวดพระพุทธมนต์ตอนเย็น จนกระทั่งงานทำบุญถวายหลวงปู่สายเสร็จ กลับกุฏิไป ยาเริ่มออกฤทธิ์ ค่อยสรงน้ำได้หน่อยหนึ่ง

เราจะเห็นว่ากิเลสหรือว่ามาร ไม่เคยปล่อยเราเลย ส่วนพวกเรานี่เขาปล่อยทุกครั้งเลย..! พอเขาบอกว่า "โอ๊ย..ตายแล้ว..ไม่ไหวแล้ว" เราก็เชื่อทุกที นั่งนานหน่อย "โอ๊ย..ไม่ไหวแล้ว แข้งขาจะเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตอยู่แล้ว" ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะนั่งไม่ถึง ๓ นาทีเอง แล้วเราก็เชื่อกิเลส เลิกปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าสอนมา ๒,๖๐๐ กว่าปีไม่เคยเชื่อ.."น้ำตาจิไหล..!"

ตอกแล้วตอกอีก ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ค่อยจะเข้า เปลือกหนามาก เปลือกคือกิเลส ซึ่งหนามาก ต้องช่วยกันขูด ช่วยกันขัด ช่วยกันเกลา ต้องอาศัยความขยันและอดทนเข้าสู้ คนอื่นทำได้เราต้องทำได้ แบบเดียวกับที่ทหารปฏิญาณตนอยู่ทุกวันว่า "ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน" ลองปฏิญาณกับตัวเองแบบนี้ดูบ้างไหม ?

ถ้าปฏิญาณตนกับตัวเองลักษณะนี้ได้ ก็จะเอาตัวรอดได้ เพราะว่าตอกย้ำกับตัวเองมาก ๆ จนเกิดความมั่นใจ ตรงนี้เขาเรียกว่า มายาคติ เป็นพื้นฐานของไสยเวทย์อาคม แค่ปฏิญาณตนนี่นะ ?..ใช่..!

เถรี
05-06-2022, 23:10
ไสยเวทย์อาคมทั้งหมดก็คือความมั่นใจในตนเอง เมื่อมั่นใจ จิตจะมีพลัง ต้องการจะให้เป็นไปทางด้านไหน ก็เป็นไปทางด้านนั้น ไม่อย่างนั้นแล้วไกรทองไปสู้กับชาละวันไม่ไหวหรอก ไกรทองก็มนุษย์ธรรมดา เต็มที่ก็สูงไม่เกิน ๒ เมตร แต่ชาละวันนี่เขาบอกว่ายาวตั้ง ๙ วา ซึ่งคือ ๑๘ เมตร..!

ไกรทองมองเห็นตะเข้ใหญ่.........รุกไล่โบกหางวางร่า
บนฝั่งทะลึ่งทะลั่งเป็นโกลา.........ก็รู้ว่ากุมภาชาละวัน
จ้องชนักยักคอหัวร่อคิก.............ถกผ้าขยิก ๆ ไม่มีพรั่น ฯลฯ ไม่ได้กลัวเลย มาเถอะ..จิ้งจกตัวแค่นั้นเอง..!

นั่นคือมายาคติ ที่สร้างมโนภาพขึ้นมา แล้วก่อให้เกิดความสำเร็จทางใจ ที่เรียกว่า มโนมยา ดังนั้น..พวกที่เล่นไสยเวทย์อาคม ถ้าเลี้ยวมาถูกทางปุ๊บ จะได้อภิญญากันทุกคน

แต่ไม่ดีตรงช่วงสุดท้าย เพราะว่าสภาพจิตเคยชินกับการปรุงแต่งสร้างภาพ ก่อให้เกิดจิตตานุภาพอย่างใหญ่หลวง ก็จะยึดติดกับการปรุงแต่งมากเป็นพิเศษ ถ้าปล่อยไม่ได้ ก็ติดอยู่แค่นั้น ไปไหนไม่รอด พระนิพพานไม่ต้องพูดถึง เก่งได้เฉพาะโลกียะ จะเข้าถึงโลกุตระได้ ต้องมาทางศีล สมาธิ ปัญญา ทางโน้นไปไม่ได้

เถรี
05-06-2022, 23:14
ไกรทองเข้าชิดติดชนัก..................จมน้ำสำลักไม่ยักหนี
ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีล์.................เชื่อดีต่อสู้ไม่รู้ลา ฯลฯ

ชาละวันยาว ๑๘ เมตร แถมมีเขี้ยวแก้ว เขาบอกว่าแม้แต่หิน ชาละวันยังขบกระจาย แต่ไกรทองรู้สึกเฉย ๆ เห็นเป็นจิ้งจกพลาสติก..! หอกยาวเกะกะ เอาเปรียบกันเกินไป ใช้มีดดีกว่า ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีล์..มึงบ้าชัด ๆ เลย เป็นเราเอาไหม ? มีหอกยาวยืดเลย แทงจากไกล ๆ ดีกว่า แต่นี่โยนทิ้ง ชักมีดสั้นโดดลงไปลุยกัน..!

นี่คือความมั่นใจ ความมั่นใจก่อให้เกิดความสำเร็จ แต่เราต้องเข้าใจว่านี่เป็นเบื้องต้น ถ้าจะเอามากกว่านั้น ก็ต้องค่อย ๆ ลด ค่อย ๆ ละ ค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ วาง เดินให้ถูกทางจริง ๆ ไม่อย่างนั้น..เผลอเมื่อไร พญามารจูงไปเที่ยวแล้ว "มาทางนี้ลูก.."หนุกหนาน" เฮฮามากเลย" เป็นมือปราบสัมภเวสีอยู่ ดูสิ..พักเดียวโดนจูงไปปราบพระเฉยเลย...!

วันโกนทีหนึ่ง พระทั้งวัดจะอายุเท่ากันทีหนึ่ง โกนหัวแล้วดูเหมือน ๆ กันหมด ตอนนี้ไม่ว่าจะหลวงตาหรือสามเณรก็ราคาเดียวกัน แต่โปรดระวังเอาไว้ โดยเฉพาะพระเณรของเรา ความที่อยู่ในอุดมเพศ อำนาจของศีล สมาธิ ปัญญา คุ้มตัวอยู่ ทำให้ดูดี แก่แค่ไหนก็ดูดี ก็เลยจะทำให้ท่านทั้งหลายที่เคยเป็นคู่เวรคู่กรรมกัน มาเมียง ๆ มอง ๆ วนอยู่ใกล้ ๆ

เจออย่างนี้ให้ตบให้ถนัดเลย..ตบตัวเองให้ได้สติ..! ไม่อย่างนั้นก็จะหลงตามเขาไป พอสึกออกไปปุ๊บ หมดราคาเลย ตอนห่มจีวรทำไมดูดี ? แต่พอสึกออกมาใส่กางเกงแล้วดูไม่ได้เลย

เถรี
05-06-2022, 23:16
หลังจากว่าที่ ดร.พระศิระ จิตฺตสุโภ เทศน์เสร็จ

วะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถาติ ถ้าลงด้วย ติ ศัพท์เขาให้เพิ่มทีฆะ..อิเป็นอี ก็คือให้ลงด้วย ตี..ติ

วะยะ..ความเสื่อม แปลเป็นไทยว่า วัย เราก็ไปคิดว่าอายุ อายุ แปลว่า ความเสื่อม วะยะธัมมา สังขารา สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา

เถรี
08-06-2022, 01:58
ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

ชีวิตนี้อย่าทิ้งว่าง มีอะไรก็ทำไปเรื่อย ๆ หมดไปครึ่งวันได้อะไรกันมาบ้าง ? วย..วัย วย แปลว่าความเสื่อม แต่ถ้าหากขาดสติ วยะอาจจะเปลี่ยนได้ ถ้าหากว่าใครเรียนบาลีใหญ่ เขาจะขึ้นด้วยประโยคว่า อตฺโถ อกฺขรสญฺญาโต..อักขระหรือตัวหนังสือนั้นมีประโยชน์คือช่วยป้องกันการลืม ก็คือจดเอาไว้ ถึงเวลาลืม เราก็ไปเปิดดูใหม่

มีพระบวชใหม่ไปขอกรรมฐานจากพระอาจารย์ พระอาจารย์ก็ให้ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ริมสระน้ำ ภาวนาว่า"ขย วย..ขย วย" หมายความว่า กิเลสสิ้นไป กิเลสสิ้นไป วย คือเสื่อมไป สิ้นไป ขย คือกิเลส แล้วขยะบ้านเราคืออะไร ? ขยะคือสิ่งสกปรก เหมือนกับกิเลสที่กินใจเรา ภาวนาไป ภาวนาไป

ด้วยความที่สติไม่ได้ตั้งมั่นอยู่กับอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออก แถมยังไม่สำรวมสายตาอีกต่างหาก ก็มองฟ้า มองดิน "ขย วย..ขย วย" ไปเรื่อย ปรากฏว่านกกระยางพุ่งลงไปจับปลาเสียงดัง "ต๋อม" ..ตกใจ..! ลืมคำภาวนา พยายามนึกควานหาอยู่ตั้งนาน ท้ายสุดได้คำภาวนามาใหม่ แต่กลายเป็น พก (ออกเสียง พะ-กะ) อุทก (ออกเสียง อุ-ทะ-กะ) พกคือนกกระยาง อุทกคือน้ำ

เถรี
08-06-2022, 02:00
คราวนี้เห็นหรือยังว่าโทษของการขาดสติคืออะไร ? แม้กระทั่งกรรมฐานที่ตนเองทำอยู่ ก็ไม่สามารถที่จะทรงตัวอยู่ได้ โดยเฉพาะถ้าสติหลุดไปจากอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออก หลุดไปจากปัจจุบัน ก็แปลว่าถ้าตอนนั้นเสียชีวิต เรามีสิทธิ์ลงอบายภูมิสูงมาก..!

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ก็เพราะว่าสภาพกำลังใจไม่มั่นคง ทำให้คติคือที่ไป ไม่แน่นอน ถ้าสุคติ..ที่ไปอันดี ส่วนใหญ่ก็คือเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม หรือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าทุคติ..ที่ไปอันยาก ทุ แปลว่า ยาก แปลว่า ชั่ว แปลว่า ที่ไปอันชั่วก็ได้ แปลว่า ที่ไปอันยากลำบากก็ได้ ก็มักจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราตั้งใจจะให้พ้นจากทุคติ ไปสู่สุคติ การที่จะมีที่ไปที่มั่นคง ก็ต้องเกาะ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก แต่คนเราก็มักจะเสียท่า เพราะว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นของยากสำหรับบุคคลที่หนาไปด้วยกิเลส

พวกเราลองนึกย้อนหลังไปดู สมัยก่อนแค่รักษาศีล ๕ ข้อก็แย่แล้ว หลุด ๆ ขาด ๆ อยู่ตลอด แต่สมัยนี้รักษาศีล ๘ ยังไม่หนักใจเลย แปลว่าเราก้าวหน้ามากแล้วนะ

เถรี
08-06-2022, 02:01
ในเมื่อพวกเราก้าวหน้ามากแล้ว ก็แปลว่าสิ่งที่ทำมาเริ่มเห็นผลแล้ว จึงเหลืออยู่อย่างเดียวก็คือ ตอกย้ำให้ผลนี้มั่นคงอยู่ ด้วยการซักซ้อมบ่อย ๆ เหมือนกับทหารเดินสวนสนาม ถึงเวลาก็ตบเท้าพรึ่บ ๆ ๆ แกว่งแขนพร้อมกัน ดีไม่ดีก็ร้องเพลงไปด้วย จนกระทั่งเป็นสัญชาตญาณว่า ต้องยกเท้าระดับนี้ ต้องเตะเท้าแรงแค่นี้ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ

สติของเราที่ไปในอานาปานสติก็เช่นกัน ถ้าสามารถทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียด คราวนี้สบาย..ไม่ต้องบังคับให้ภาวนา คือจะรู้ลมหายใจพร้อมกับคำภาวนาโดยอัตโนมัติ หลายคนทำได้ แต่รักษาไม่อยู่..น่าเสียดาย ก็คืออยู่เฉย ๆ ก็รู้ลมเอง อยู่เฉย ๆ ก็ภาวนาเอง เราแค่เอาสติตามดูไปเท่านั้น จ้องมองใกล้ ๆ ระวังวัวควายจะหาย เจ้าของเผลอทิ้งไกล คนขโมยวัว ขโมยควายหมดคอก

ถ้าหากว่าสติอยู่กับลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ เราก็เหมือนกับเศรษฐี วัวควายเต็มคอก ไม่เฝ้าให้ดีจะโดนขโมย การเฝ้าก็คือเอาสติระมัดระวังดูไว้ ในเมื่อสติระมัดระวังรู้เท่าทันอยู่ เราก็จะรักษาอารมณ์ให้อยู่กับเราได้นาน แต่อย่าประมาท เผลอเมื่อไรก็หลุดหายอีก

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกหลายทีแล้วว่า ส่วนใหญ่แล้วก็คือ วันนี้ภาวนาไปดีเหลือเกิน หน้าตาผ่องใสเป็นพ่อเทวดา แม่นางฟ้า บางคนก็ไปยันพรหมเลย รุ่งขึ้นกลายเป็นหมาอีกแล้ว..! รักษาสติไม่อยู่ กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ถล่มมา หงายท้องตึง..! จากพ่อเทวดา แม่นางฟ้า ก็กลายเป็นหมาขี้เรื้อน..! ไม่มีใครเหลียวแล

เถรี
08-06-2022, 02:03
ตรงจุดนี้ที่ถามอยู่ทุกบ่อยก็คือว่าเข็ดหรือยัง ? คนเราถ้าเข็ด จะต้องรู้จักระมัดระวังว่า เราเคยแพ้ท่าไหน ? กระบวนท่าไหน ? ฝ่ามือพิชิตมังกร ๑๘ ท่า แพ้ได้ทุกครั้ง ก็ต้องหาทางแก้ไข ทำอย่างไรเราจึงจะไม่แพ้อีก ?

ในเมื่อเราตั้งหน้าตั้งตาพยายามแก้ไข ก็จะต้องมีมั่ว ๆ ถูกได้สักครั้งหนึ่ง คราวนี้สำคัญตรงที่ว่า เราต้องจำให้ได้ว่ามั่วแบบไหน เมื่อเราจำได้แล้วก็ใช้วิธีเดิม ป้องกันรักษาอารมณ์ใจของเราไม่ให้กิเลสเข้ามาอีก คราวที่แล้วแพ้ตอนไหน ? แพ้ตอนเปิด Netflix..ก็เลิกดูแม่งงง..เลย..! แพ้ตอนไหน ? แพ้ตอนเปิดคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดู..ก่อนเปิดก็ต้องตั้งสติก่อนที่จะกดดู

อย่างเมื่อเช้ามืดที่บอกว่ารักษาอารมณ์ของเราให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยขยับตัว ไม่อย่างนั้นแล้วสิ่งที่เราภาวนาได้ ทำได้ จะหลุดหายหมด เมื่อตั้งสติรักษาอารมณ์ใจแนบแน่นอยู่กับจุดใดจุดหนึ่งของร่างกายก็ได้ หรืออยู่กับภาพพระของเราก็ได้ ก่อนขยับตัวก็เอาสติสมาธิจดจ่ออยู่ตรงจุดนั้น เท่านี้ก็ไม่หลุดไปไหนแล้ว จากนั้นก็เคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง

ใครทำถึงตรงนี้ใหม่ ๆ จะทำอะไรช้ามาก คัน..ยกมือจะเกา..กว่าจะถึง..หายคันพอดี จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ บางคนก็เดินช้ามาก จนกระทั่งทางสายพองยุบเอาไปสรุปว่า "ถ้าช้าแล้วถูก" อาตมาขอยืนยันว่าผิด

นักปฏิบัติที่ดี ยิ่งปฏิบัติไป สติ สมาธิ ปัญญา ยิ่งแหลมคม ยิ่งว่องไว ยิ่งทำอะไรมีแต่จะเร็วขึ้น แต่เป็นความเร็วที่ไม่ผิดพลาด เหมือนกับคนขับรถคล่องแล้ว เขาย่อมขับรถได้เร็วกว่าเรา

เถรี
10-06-2022, 01:22
หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่กินรี จนฺทิโย หลวงปู่กินรีก็บอกว่า "ท่านชา..ทำอะไรช้า ๆ เอาสติตามดูไปด้วย ตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ จะนุ่งสบง ทรงจีวร ครองผ้าอย่างไรก็ทำช้า ๆ เอาสติกำหนดตามไปด้วย" หลวงพ่อชาก็ทำตาม

แต่หลวงปู่กินรีนั่งลง ๒ นาที ฉันอิ่มแล้ว..! หลวงปู่กินรีบอกให้ทำโน่นทำนี่ช้า ๆ แต่ท่านเองเร็วเป็นจรวดเลย..! หลวงพ่อชาหงุดหงิดมาก เข้าไปกราบหลวงปู่ "ไหนบอกให้ทำอะไรช้า ๆ ทำไมหลวงพ่อทำเร็วมากเลย ?" หลวงปู่กินรีบอกว่า "คนขับรถเร็วแล้วปลอดภัยก็มี ในเมื่อเราเพิ่งจะหัดขับ ก็ต้องไปช้า ๆ ก่อน" ลืมไปว่าตัวเองเป็นเด็กเพิ่งหัดเดิน เห็นนักวิ่งโอลิมปิก ๙ วินาทีถึงที่หมายหนึ่งร้อยเมตร ก็จะเอาบ้าง เด็กหัดเดินนี่ครึ่งวันไปได้ ๑๐๐ เมตรก็ดีตายชักแล้ว..!

เพราะฉะนั้น..ระยะแรกก็เหมือนกับคนที่ทำอะไรเชื่องช้ามาก แต่พอสติรู้ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น ปัญญารู้ว่าจะประคับประคองอย่างไร ไม่ให้สติสมาธิหลุดจากเป้าหมายของตนเอง มีความคล่องตัว มีความชำนาญมากขึ้น ก็สามารถที่จะทำอะไรได้เร็วขึ้น

แต่ว่าทางสายพองยุบก็ยังบอกอีกว่า คัจฉันโต วา คัจฉามีติ ปะชานาติ ไม่ว่าจะเดินไปหรือว่าจะเดินมา ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ จะเหยียดแขน จะคู้แขน ก็รู้ตัวอยู่เสมอ ยกตัวอย่างหลวงปู่อัสสชิ ท่านเดินบิณฑบาตมีสติรู้รอบตลอดเวลา อุปติสสมาณพหรือว่าพระสารีบุตรเห็นแล้วชอบใจ เดินตาม พอหลวงปู่อัสสชิบิณฑบาตได้อาหารพอประมาณที่จะฉันอิ่ม ก็เดินออกนอกเมือง เจอสถานที่เหมาะสม ท่านก็ปูอาสนะ นั่งลงทำภัตกิจ..ก็คือฉันอาหาร

พระสารีบุตรก็รอจนกระทั่งท่านฉันเสร็จ ก็เอาน้ำใช้ น้ำฉัน เข้าไปถวาย ช่วยล้างบาตรให้ แล้วก็สอบถามว่า "ท่านผู้เจริญ อิริยาบถของท่านช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านมีผู้ใดเป็นศาสดาหรือ ?" พระอัสสชิบอกว่า "ศาสดาของเราคือพระสมณโคดม"

อุปติสสมาณพถามว่า "พระสมณโคดมสอนธรรมอันใดแก่ท่านผู้เจริญบ้าง ?" พระอัสสชิเป็นนักปฏิบัติ ไม่ใช่นักพูด ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าสอนเยอะ แต่ด้วยความที่ท่านยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ก็เลยจำได้แค่สั้น ๆ ก็คือคาถาเย ธัมมาฯ ที่พวกเราเคยได้ยินกัน

เถรี
10-06-2022, 01:26
เย ธัมมา เหตุ ปัพพะวา เตสัง เหตุง ตถาคะโต อาหะ เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ เอวัง วาที มหาสมโณ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดแต่เหตุ พระมหาสมณะรูปนั้นตรัสถึงเหตุ และความดับแห่งธรรมนั้น

พระสารีบุตรได้ฟัง เป็นพระโสดาบันเดี๋ยวนั้นเลย นั่นคืออุทยัพพยานุปัสสนาญาณ การเห็นซึ่งความเกิดและความดับ

ญาณ ๑๖ ที่ทางด้านสายพองยุบภูมิใจมากว่า ถ้าใครผ่านญาณ ๑๖ เป็นพระโสดาบันแน่นอน โห..มักน้อยจริง ๆ เลย ผ่านญาณ ๑๖ จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่เขาเป็นพระอรหันต์กัน..! แต่ญาณ ๑๖ ของสายพองยุบที่กระผม/อาตมภาพสัมผัสมา ของราคาเป็นล้าน โดนลดราคาเหลือแค่สลึงเดียว..! อย่างเช่นว่าเห็นพองยุบ พองยุบหายไป เขาว่าได้อุทยัพพยานุปัสสนาญาณแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อุทานในใจว่า "มึงบ้า..!" แค่เห็นเงาของเศษสตางค์หลังตู้เย็นเท่านั้น ก็บอกว่าได้เงินล้านแล้ว

การเห็นความเกิดและดับในอุทยัพพยานุปัสสนาญาณที่แท้จริงนั้น คือเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป ตลอดเวลา มีความเห็นแบบนี้อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนผัน เห็นว่าปกติเป็นเช่นนั้น เกิดขึ้นในเบื้องต้น..เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง..สลายไปในที่สุด ไม่ว่าจะคน สัตว์ วัตถุธาตุ สิ่งของอะไรก็ตามที่ประสาททั้ง ๕ สัมผัสถึง จะมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ใช่แค่เห็นพองยุบเกิดดับเท่านั้นก็ได้อุทยัพพยานุปัสสนาญาณแล้ว สอนแบบนี้พาคนเป็นมิจฉาทิฐิไปมากเลย..!

เถรี
10-06-2022, 01:27
กระผม/อาตมภาพเป็นพระธรรมทูตสายวิปัสสนารุ่นที่ ๑ และสอบได้ที่ ๑ ของรุ่นด้วย..! พอเรียนรู้เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เขียนตำราไว้ ๑ เล่ม จนบัดนี้ยังออกไม่ได้เลย เพราะว่าตำราเล่มนี้งัดสายพองยุบหงายท้องตึงหมด หลักการทุกอย่างดี แต่คนทำได้แค่สะเก็ดเท่านั้นเอง แล้วบอกว่าได้ภูเขาพระสุเมรุมา สิ่งที่เขาได้มานั่นแค่เศษฝุ่นติดใต้เท้าเท่านั้น..!

แล้วเรามาปฏิบัติพองยุบกันทำไม ? ก็เพราะเวลาที่เราเดิน ต้องการความพร้อมเพรียง เราก็เลยต้องมาเดินจงกรมแบบสติปัฏฐาน ๖ ระยะ แต่จะสังเกตว่าถ้าหากเป็นการนั่งภาวนา กระผม/อาตมภาพจะให้ทุกคนทำแบบที่ตัวเองเคยชิน ไม่ให้มานั่งพองยุบ เดี๋ยวจะหลงทางไปไกล

ในเรื่องการปฏิบัติธรรมของเรา เมื่อถึงเวลาปฏิบัติไปได้แล้ว ต้องเอาสติ สมาธิ และปัญญาที่ได้ ประคับประคองอารมณ์ที่เราทำได้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เมื่อประคับประคองรักษาบ่อย ๆ ก็จะทำได้นานขึ้น จากนาทีก็เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง

สภาพจิตยิ่งสงบระงับ ผ่องใสจากกิเลสมากเท่าไร ก็จะเกิดปัญญามองเห็นช่องทางได้มากเท่านั้น อันนี้บอกคำตอบให้ก่อนที่จะมีโจทย์มา ให้รู้ว่า ถ้าถึงเวลาเราต้องตอบในแนวนี้ แต่เชื่อเถิดว่า ถึงเวลาคำถามมา ก็โดนอัดหงายท้องอีกตามเคย..! รับมือไม่ทัน ไม่เป็นไร..ผิดเป็นครู ระดับพวกเรานี่ก็น่าจะเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณกันหมดแล้ว ผิดบ่อยเหลือเกิน...!

เถรี
12-06-2022, 00:58
ก่อนทำวัตรเย็น วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕


เมื่อครู่นี้ดูข่าว เจอประเทศอินเดียทดสอบขีปนาวุธจากเครื่องบินสู่อากาศยี่ห้อ "บรามัส" พอเห็นนักข่าวแปลมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นั่งหัวเราะดิ้นไปดิ้นมา เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียฟังค่อนข้างจะยาก แต่บังเอิญกระผม/อาตมภาพโชคดี ตั้งแต่เรียนในระดับประกาศนียบัตรปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก อาจารย์ส่วนมากจบมาจากอินเดียทั้งนั้น ก็เลยคุ้นกับสำเนียงนี้มา

ให้ท่านทั้งหลายลองเดาดูว่าขีปนาวุธบรามัสคืออะไร ? คาดว่าเดาไปอีกสามชาติก็ไม่น่าจะได้กระมัง นั่นคือพรหมมาสตร์ ศรพระราม จำได้ไหมว่าศรพระรามมีชื่ออะไรบ้าง ? ศรพรหมมาสตร์ พลายวาต อัคนิวาต จันทราทิตย์

ว่าแล้วจับจันทราทิตย์..................ทรงฤทธิ์พาดสายเงื้อง่า
น้าวหน่วงแผลงไปในเมฆา..................เสียงสนั่นลั่นฟ้าธาตรี
เกิดเป็นศศิธรสามดวง..................โชติช่วงจำรัสรัศมี
แสงสว่างพ่างพื้นธรณี..................ภูมีเร่งรีบเสด็จจร

พระรามยิงพลุส่องสว่างมาก่อนอเมริกาเป็นพันปีแล้ว อเมริกาที่ไหนจะเหนือกว่าอินเดียได้ ? ยิงศรจันทราทิตย์ขึ้นไปเป็นพระจันทร์ ๓ ดวง สมัยนี้อเมริกันยิงแฟลร์ขึ้นไปอยู่ได้ประมาณ ๓ นาที แต่ของพระรามอยู่ได้ทั้งคืน ไม่เรียกกลับก็ลอยอยู่อย่างนั้นแหละ..!

เถรี
12-06-2022, 01:00
เพราะอะไร ?..เพราะนิลนนท์พาหลงทาง ! ถึงได้มีสำนวนว่า "ถ้าใครเชื่อมัน ได้ออกลูกเป็นลิง" เป็นสำนวนที่ใช้กันสมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็ก ๆ อยู่ มาจากศึกกุมภกรรณ ตอนหอกโมกขศักดิ์ ไม่เคยอ่านใช่ไหม ? กุมภกรรณทดน้ำ ก็ไม่รู้อีกว่าทดไปทำไม ? กุมภกรรณแสดงทีเด็ดด้วยการลับหอกโมกขศักดิ์ เพื่อเอาไปรบกับพระราม แต่ไปเจอพระลักษณ์แทน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพศาสนาภิบาล หรือหลวงพ่อเจ้าคุณแย้ม (แย้ม กิตฺตินฺธโร) วัดไร่ขิง ย้ำนักย้ำหนา ทำตามหน้าที่ รักษาหน้าที่ อย่าทำเกินหน้าที่ รู้ไหมว่าใครที่อยู่วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์แล้วทำเกินหน้าที่ ? ก็คือองคต..ลิงหน้าแพะ

เริ่มตั้งแต่ท้าววิรุฬหกไปเฝ้าพระอิศวร ด้วยความที่เคารพพระอิศวรมาก ก็ขึ้นเขาไกรลาส กราบทีละขั้นบันได โอ้โห..ศรัทธาสุด ๆ ปรากฏว่าตุ๊กแกเห็นแล้วรำคาญตาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ เลยแซวเล่น กราบทีหนึ่งก็..ตั๊กแก..ตั๊กแก ท้าววิรุฬหกโมโห ถอดสังวาลย์ฟาดเปรี้ยงเข้าให้ ลืมไปว่าอาวุธตัวเองอานุภาพขนาดไหน ตุ๊กแกกลายเป็นฝุ่นยังไม่พอ เขาไกรลาสเอียงกระเท่เร่ไปเลย..!

จึงต้องประกาศหาบุคคลผู้มีฝีมือมาดันเขาไกรลาสให้กลับไปตรงตามเดิม เรื่องก็เลยมั่วไปหมด เหตุที่มั่วไปหมดเพราะว่าสุดยอดฝีมือประเภทลิงอย่างพาลีก็มา สุดยอดฝีมือประเภทยักษ์อย่างทศกัณฐ์ก็มา พอดันจนกระทั่งเขาไกรลาสตรงขึ้นมาได้ พระอิศวรก็ประกาศประทานพรให้ว่าต้องการอะไรให้ทศกัณฐ์ขอได้เลย ทศกัณฐ์สุดยอดมาก ขอพระอุมาเทวี..! ถ้าเป็นสมัยนี้สมมติว่าพระเจ้าอยู่หัวประทานพรให้ ก็ขอพระราชินี..ควรตายไหมเล่า..!?

เถรี
12-06-2022, 01:04
พระอิศวรก็ถือว่าสุดยอดกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ "มึงกล้าขอ กูก็กล้าให้..!" ปรากฏว่าทศกัณฐ์บุญไม่ถึง อุ้มพระอุมาไป ก็ร้อนรุ่มเหมือนอย่างกับอุ้มถ่านไฟไว้ทั้งกอง ต้องเทินหัวไป ค่อยยังชั่วหน่อย เหาะไปได้ไม่เท่าไร ก็นึกขึ้นมาได้ว่า แล้วกูจะเอาไปทำอะไรได้วะ ? ก็เลยเอามาถวายคืน บอกว่า "ขอเปลี่ยนเถอะ รายนี้ไม่ไหว ไฟแรงสูงเกินไป ร้อนเป็นบ้าเลย" เล่าแบบนี้..เดี๋ยวตูโดนตบปากจนได้...!

พระอิศวรก็เลยประทานนางมณโฑให้ไป ทศกัณฐ์พอได้ก็ดีอกดีใจ พรวดพราดจะกลับกรุงลงกา ด้วยความเสร่อ เฟอะฟะ ลืมดูเส้นทางการบิน โฉบเข้าไปในเขตยูเครนพอดี...! ใช่หรือเปล่า ?..ไม่ใช่นะ หลุดเข้าไปในเขตเมืองขีดขินของพญาพาลีเข้าพอดี พาลีพอเห็นเข้าก็ยัวะ ตูไม่ได้เปิดน่านฟ้าให้สักหน่อย ทะลึ่งบินมา ว่าแล้วก็เหาะขึ้นไปไล่ต่อยไล่ตี

ปรากฏว่าพญาพาลีได้รับพรจากพระอิศวรมา ว่าถ้าสู้กับใครขอให้กำลังของฝ่ายนั้นลดลงครึ่งหนึ่ง แล้วครึ่งหนึ่งที่ลดลงให้มาอยู่กับพาลี ก็บรรลัยน่ะสิ หายไปครึ่งหนึ่งก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แล้วครึ่งนั้นดันไปเพิ่มให้อีกฝ่ายด้วย ทศกัณฐ์ก็น่วม พาลีก็เลยแย่งนางมณโฑไป ก็คงไม่ได้แย่งไปกราบไหว้บูชาหรอก เพราะเผลอพักเดียวก็ตั้งท้อง..!

คราวนี้ทศกัณฐ์กินไม่ได้นอนไม่หลับ กลับไปฟ้องพระอิศวร พระอิศวรทรงมีเทวบัญชาให้พาลีคืนนางมณโฑให้ พาลีก็ "บรรลัยแล้วกู ท้องแล้วด้วย จะทำอย่างไรดีวะ ?" ก็เลยปรึกษาอาจารย์ ซึ่งก็คือฤๅษีโคบุตร ฤๅษีโคบุตรบอกว่า "ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก" ว่าแล้วฤาษีโคบุตรก็จัดแจงผ่าเอาลูกในท้องของนางมณโฑไปยัดในท้องแม่แพะแทน แล้วก็เป่าพ่วงเดียว นางมณโฑกลับสาวพริ้งเหมือนเดิม เกาหลีสู้ไม่ได้ ยันฮีก็ถอยไปเลย..! แล้วก็เอานางมณโฑไปคืนให้กับทศกัณฐ์

เถรี
12-06-2022, 01:06
ด้วยความที่องคตอยู่ในท้องแพะ ก็เลยคลอดออกมาเป็นลิงหน้าแพะ ถ้าหากว่าใครเห็นหัวโขน จะเห็นว่าหัวโขนขององคตต่างจากคนอื่นเขา แต่ถ้าหากว่าเป็นมัจฉานุต้องดูเครื่องทรง เพราะว่าเป็นลิงแต่มีหางเป็นปลา

เรื่องนี้สุดยอดมาก ลูกเมียใครไฉไลฟันดะ ไม่ได้เลือกเพศเลือกอะไรเลย อย่างทศกัณฑ์นี้ไปมีลูกกับนางนาคคือมังกรกัณฐ์ ไปมีลูกกับนางช้างก็คือทศคีรีวัน ทศคีรีธร หน้ามืดไม่เลือกเวลาจริง ๆ เลยนะ..!

องคตโตขึ้นมา ก็ฝึกวิทยายุทธจากพาลี ถึงเวลาก็ยกทัพกับพระรามไปรบกับทศกัณฐ์ จองถนนกันกระจาย เสียเวลาสร้างถนนนานมาก เพราะว่าต้องสร้างถนนจากฝั่งอินเดียข้ามไปเกาะลงกา ทุกวันนี้ภาพถ่ายดาวเทียมยืนยันได้ ถนนสายนั้นยังมีอยู่ แต่นักวิชาการเขาบอกว่าน่าจะเป็นแนวปะการังเก่า

มัวแต่สร้างถนนอยู่..ช้า พระรามก็เลยตั้งองคดเป็นทูตให้ไปสื่อสาร แจ้งให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดามาเสียแต่โดยดี อันนี้ยังไม่ได้เล่าถึงว่าทศกัณฐ์เอานางสีดาไปตอนไหน ถ้าเล่าไปแล้วเรื่องยาวมาก

ปรากฏว่าองคตทำเกินหน้าที่ เขาให้ไปเป็นทูต ดันไปถล่มปราสาททศกัณฐ์เสีย แถมยังฆ่าทหารทศกัณฐ์ไปเสียบานเลย โดยไม่ได้คิดว่าถ้าอีกฝ่ายหนึ่งโกรธขึ้นมาแล้วก็ฆ่านางสีดาคืน แล้วจะทำอย่างไร ?

เพราะฉะนั้น..จำไว้ว่าทำอะไรอย่าทำเกินหน้าที่ เหาะเลยลงกานั้นไม่ดี ทำเกินหน้าที่เมื่อไร "โบ้" ก็ต้องลาออก ไม่อย่างนั้นประยุทธ์อยู่ไม่ได้..! นี่พูดถึงบริษัทเมืองสารขัณฑ์นะ บริษัทนี้เขามีผู้จัดการชื่อประยุทธ์ ในเมื่อ "โบ้" ทำเกินหน้าที่ "โบ้" ก็เลยต้องลาออก ไม่อย่างนั้นจะพาประยุทธ์เจ๊งไปด้วย

เถรี
15-06-2022, 22:52
พูดถึงทุนการศึกษานักเรียนซึ่งจะมอบให้ในวันวิสาขบูชาทุกปี

ทั้งหมดปีนี้ให้ทุนการศึกษา ๑ ล้าน ๕ แสนกว่าบาท ก็คือ
ทุนประถมศึกษา ๕๑๕ ทุน ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท
ทุนมัธยมศึกษา ๑๐๕ ทุน ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท
ทุนอุดมศึกษา ๘ ทุน ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท
อุดมศึกษานี่ถ้าใครได้ก็คือส่งจนจบ จะได้ทุกปี ปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท ดีกว่ากู้ กยศ. เพราะไม่มีดอก ให้ฟรี ไม่มีข้อผูกมัด อยากย้ายมาอยู่ทองผาภูมิเลยไหม ?

พวกในตลาดพาลูกพาหลานมาใส่บาตร บอกเด็กว่า "ไป ๆ ไปใส่บาตรหลวงตา ต่อไปโตขึ้นจะได้ทุนการศึกษา" พ่อแม่ปลูกฝังให้นำหน้าด้วยความโลภ ไม่ได้ตั้งใจทำบุญหรอก

เถรี
15-06-2022, 22:54
พรุ่งนี้ประมาณ ๖ โมงเย็นน่าจะตามประทีปได้ ไม่ต้องไปบรรยายว่า "จุดตามประทีป" นะ คำว่า ตาม หมายถึง จุดไฟอยู่แล้ว ตามประทีปก็คือจุดไฟ

หนุ่มกรุงเทพฯ ไปจีบสาวอีสาน กว่าจะตะกายไปถึงบ้านสาวก็เล่นเอาค่ำแล้ว ไปถึงก็ตะโกนเรียก ว่าที่พ่อตาก็โผล่ออกมา มืดก็มืด พ่อตาก็เลยหันไปตะโกน "อีหนู ผู้ชายที่ไหนมาไม่รู้ ? เอากระบองมาให้พ่อหน่อยซิ" ไอ้หนุ่มเผ่นอ้าวเลย ไม่รู้ว่าทางอีสานคำว่า กระบองคือคบไฟ กระบองภาคกลางกับกระบองทางอีสานคนละอย่างกัน

ราชาศัพท์ พระแกล อีสานใช้ว่า บ่องเยี่ยม บ่องก็คือช่อง เยี่ยมก็โผล่หน้าเข้าไปได้ ภาคกลางเรียก หน้าต่าง หลาย ๆ ภาษาก็สนุกนะ แต่พอไปถึงภาษาอังกฤษก็บ้าไปเลย อินเดียยิงขีปนาวุธจากเครื่องบินสู่อากาศชื่อ บรามัส ซึ่งจริง ๆ แล้วคือขีปนาวุธพรหมมาสตร์ ศรพระราม

เถรี
15-06-2022, 22:56
คนอินเดียเรียกช้างว่า เอราวัณ แต่อังกฤษอ่านว่า เอล-อิแฟ็นท์ (elephant)

ถ้าหากว่าไปเที่ยวเนปาล เขาก็จะแนะนำให้ไปเมืองโพคารา หนาวอย่าบอกใครเลย เพราะว่าอยู่ติดกับหิมาลัย ตรงนั้นทิวทัศน์จะสวยมาก เราก็เรียกโพคารา ตามเขาไปตลอด แต่จริง ๆ แล้วอินเดียเขาเรียก โปกขะระ..สระโบกขรณี แต่คนไทยดันไปอ่านว่าโพคาราตามฝรั่ง

คนไทยไปซื้อปลาที่อินเดีย ด้วยความที่เขาสอนกันต่อ ๆ มาว่า อย่าไปกินปลาในแม่น้ำ เพราะว่าปลาพวกนั้นกินศพ คนอินเดียจำได้ว่าคนไทยไม่กินปลาแม่น้ำ พอถึงเวลาคนไทยถามว่า "ปลาแม่น้ำหรือเปล่า ?" เขาก็ตอบว่า "โน ๆ ๆ โปกขะระ มัจฉะรี"..ปลาในสระ

โน เป็นภาษาบาลีแปลว่า ไม่ โนไม่ใช่ภาษาอังกฤษ นะ ก็ไม่ โน ก็ไม่ แปลว่าไม่ เหมือนกันทั้งสองคำ

เถรี
15-06-2022, 22:57
ถือว่าวันนี้เป็นวันปล่อยผี ผ่อนคลายให้หน่อย ปฏิบัติธรรมแล้วเครียดมาก เครียดเหลือเกิน วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง ปฏิบัติตั้ง ๒ ชั่วโมง..น่าตีให้ตาย..!

สมัยกระผม/อาตมาภาพปฏิบัติธรรมแบบทุ่มเทวันละ ๒๒ ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ก็คือถ้าร่างกายไม่ไหวก็นอน ๒ ชั่วโมง ไม่เลือกเวลา ทำไปเรื่อย เดินจงกรมภาวนา นั่งภาวนา หมดสภาพหมดแรงเมื่อไร ก็หัวไถพื้นลงไปนอนเลย ไม่เลือกที่หรอก สองชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาว่ากันต่อ

ขยันเกินจนโดนผีหลอก คือภาวนาจนหมดสภาพก็นอน พระนอนก็ว่ากันตามแบบสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา เท้าซ้ายเหลื่อมเท้าขวาในลักษณะก้าวเดิน พร้อมที่จะลุก เพิ่งจะภาวนา พุท ไม่ทันจะ โธ มีเสียงเดินมา ตึกไหวทั้งหลังเลย..ยวบ..ยวบ.. อื้อหือ..ตัวอะไรใหญ่ขนาดนั้นนะ..!

อาตมาตั้งท่าแล้ว เล็งเอาไว้ยวบที่สาม มาอยู่ในรัศมีตีนกูแล้ว พลิกตัวกลับ..เตะเลย..! ใหญ่ก็ใหญ่ละวะ เดาสิว่าอะไร ? ลูกแมวตัวนิดเดียว..! ประมาณว่าคลอดใหม่ ๆ ได้สักสามวัน อาตมาหมุนตัวกลับ...เตะ ลูกแมวโดดข้าม นิ่มนวลมากเลย หันกลับมายิ้มหวานให้ แล้วเดินทะลุประตูหายไป แมวยิ้มให้ด้วย..!

เถรี
15-06-2022, 23:02
เป็นพวกเราจะทำอย่างไร ? สงสัยออกประตูไม่ทัน ตะกายข้างฝาพยายามหนีไปใช่ไหม ? แต่อาตมาโดนจนชิน ไม่ค่อยรู้สึกรู้สาหรอก ก็บอกแล้วว่า ใหญ่ก็ใหญ่ ขอเตะไว้ก่อน ด้วยความที่ตีกันมาตั้ง ๓ ปี ซ้อมมวยกันทุกวัน เพราะฉะนั้น...เรื่องหนีไม่มีหรอก ในเมื่อมาก็ขอเตะก่อนก็แล้วกัน

ตอนหลังพอตีกันจนคุ้น ๆ ก็วานให้ช่วยปลุกหน่อยนะ ๐๒.๕๕ น. จะตื่น ถึงเวลา ๐๒.๕๕ น.พวกก็เรียก อาตมาก็ "ยังง่วง ยังไม่ตื่นนะ ขออีกหน่อยเถอะ" เรื่องจริงเลย เหนื่อยขึ้นมานี่งอแงเลยนะ ไม่ไหวเหมือนกัน

ขออีกหน่อยหนึ่ง พวกก็ให้เยอะเลย ไม่ใช่แค่หน่อยหนึ่ง กระบองฟาดเปรี้ยงลงมา..! ดาวขึ้นว่อนเลย โห..กูให้ปลุกเฉย ๆ ไม่ได้ให้ตี..! โหดเป็นบ้าเลย

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า นักปฏิบัติธรรมที่ดี ต้องมีครูบาอาจารย์ที่คนทั่วไปมองไม่เห็นตัวมาช่วยสอน ถึงจะใช้ได้

เถรี
16-06-2022, 08:36
อาตมาปฏิบัติธรรมอยู่ระยะหนึ่ง อสุภกรรมฐาน ๑๐ ไปถึงอัฏฐิกอสุภะ..พิจารณากระดูก ก็พอดีมีลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงถวายโครงกระดูกมา ๓ โครง เห็นโครงหนึ่งเล็กหน่อย ก็เลยหิ้วขึ้นไปไว้ที่ห้องนอน ตอนที่บอกพวกเราว่ากระดูกทีละท่อน ทีละข้อ ทีละชิ้น เป็นอย่างไรนั่น ก็เพราะว่าดูจนจำได้ทุกชิ้นแล้ว

วันดีคืนดีมีสาวแต่งชุดไทยเขียว ๆ เหลือบทอง นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ข้างที่นั่ง ก็ตกใจ "อีหนู..มาอย่างไรวะ ?" เขาบอกว่าเป็นเจ้าของกระดูก อาตมาไล่ไปไกล ๆ เลย เดี๋ยวหมอปลาเห็น..! ตอนนั้นหมอปลายังไม่เกิด แต่ด้วยความที่กลัวอาบัติ เลยไล่ไปไกล ๆ

บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้พอได้ส่วนกุศลไป ก็กตัญญู ช่วยเฝ้า แบบนี้นี่เขาตั้งใจทำงาน ไม่ใช่อย่างพระโกณฑธานเถระ

พระโกณฑธานเถระในอดีตชาติเคยสร้างกรรมเอาไว้ มาเกิดในปัจจุบันก็เลยมีรูปผู้หญิงเดินตามอยู่ตลอด โดนทั้งเวิร์คพอยท์ ทั้งช่องไหนต่อช่องไหน ลงข่าวนินทาว่าร้ายไปทั้งสื่อโซเชียล...! แต่พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ใช่คนประเภทที่ฟังอย่างเดียว พระมหากษัตริย์ท่านฉลาด ไปแอบดูเอง แล้วก็เห็นจริง ๆ ว่าท่านเดินเข้ากุฏิไปองค์เดียว แต่พอถึงเวลาแล้วมีผู้หญิงอยู่ข้างในด้วย

เถรี
16-06-2022, 08:42
พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เข้าใจแล้วว่านี่เกิดจากแรงกรรม "นิมนต์พระคุณเจ้าไปอยู่ในราชอุทยานหลวงเถิด เดี๋ยวกระผมจะถวายภัตตาหารเอง" คือถ้าอยู่ข้างนอกก็เป็นขี้ปากชาวบ้านไม่จบ พระโกณฑธานเองก็หนักใจมานานแล้ว ในเมื่อมีผู้อาสามาแก้ปัญหาให้ก็ดีใจ เข้าไปปฏิบัติธรรมในอุทยานหลวง บรรลุเป็นพระอรหันต์ กรรมตามไม่ทัน รูปผู้หญิงนั้นก็สลายไป

เพราะในอดีตท่านไปแกล้งพระภิกษุ ๒ องค์ที่รักกันมาก ตอนนั้นท่านเป็นรุกขเทวดา เห็นพระภิกษุทั้งสองรักกันมากก็หมั่นไส้ ถึงเวลารูปหนึ่งขอตัวไปปัสสาวะ ตัวเองก็ปลอมเป็นผู้หญิง ทำเป็นผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ผมเผ้าเป็นกระเซิง เดินออกมาจากทางด้านนั้น ก็ทำให้พระอีกท่านระแวงว่าเพื่อนพระจะเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว ไม่สามารถจะรักษาคุณความดีของพระสงฆ์เอาไว้ได้แล้ว ก็เลยทำให้คนรักก็คือสหายรักแตกกัน มาชาตินี้กรรมก็เลยตามมา ไปไหนก็มีแต่รูปผู้หญิงตามหลังไป

เถรี
16-06-2022, 08:44
มีอยู่ครั้งหนึ่ง โน่น..ที่เกริงกระเวีย สักห้าโมงเย็น เกือบหกโมงแล้ว เริ่มมืดแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินไปที่พัก เป็นกระต๊อบอยู่กลางป่า ผ่านต้นยางใหญ่ที่ขึ้นอยู่เป็นกระจุก ๓ - ๔ ต้น อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้ผ้าขาวรุ่มร่าม ๆ คลุมหัว วิ่งกางแขนออกมา ตอนเย็น ๆ นะ มืด ๆ แล้วด้วย ก็เลยหันไปถามว่า "เล่นอะไรวะ ?" เขาถามกลับมาว่า "ท่านไม่กลัวหรือ ? เห็นในหนังเขาทำอย่างนี้แล้วคนกลัวกัน" หนอย..ผีทันสมัยด้วย มีดูหนัง..! ตอนนั้นหนังเรื่องดารายัณกำลังดัง

อาตมาก็ถามไปว่า "มีธุระอะไร ?" เขาบอกว่า "เห็นท่านปฏิบัติมาหลายวันแล้ว ก็เลยจะขออนุโมทนาส่วนบุญส่วนกุศลด้วย" จึงบอกไปว่า "เออ..รับ ๆ ไป ตูจะรีบไปสวดมนต์" ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยเพราะว่าได้เวลาสวดมนต์แล้ว กลับไปกางกลดอะไรเสร็จเรียบร้อยหมด เข้าไปกราบพระ สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน

คลายสมาธิออกมาจะนอน "อ้าว..อีห่..!" ดันมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ใกล้ปลายตีน "ไปไกล ๆ เลย เดี๋ยวคนเห็น กูจะซวยไปด้วย..!" เขายืนยันว่า "ท่านเห็นคนเดียว" อาตมาบอก "เห็นคนเดียวก็ไม่ได้ ออกไปห่าง ๆ หน่อย"

เถรี
16-06-2022, 08:46
เรื่องพวกนี้เราต้องระวังเอง จะไปให้คนอื่นระวังแทนเราไม่ได้ ก็แบบเดียวกับที่พระมหากัสสปะไล่ลาชเทวธิดา "อัปเปหิ..เธอจงไป" ลาชเทวธิดาถวายข้าวตอกพระมหากัสสปะ ๑ ขัน แล้วโดนงูกัดตาย ไปเป็นนางฟ้าอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานทองคำสูงตั้งสามโยชน์ ซึ่งเท่ากับ ๔๘ กิโลเมตร..! แต่อย่าลืมว่าเทวดานางฟ้าอัตภาพร่างกายขนาดต่ำสุด ๓ คาวุตนะ

๔ คาวุตเป็น ๑ โยชน์
๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร
ดังนั้น...๓ คาวุตก็เป็น ๑๒ กิโลเมตร เพราะฉะนั้น...ตัวสูง ๑๒ กิโลเมตรแล้วบ้านสูง ๓ โยชน์ก็น่าจะพอเหมาะกัน

ลาชเทวธิดาดูว่าตัวเองได้สมบัติมาจากใคร ? ก็ได้มาจากพระคุณเจ้าพระมหากัสสปะสงเคราะห์รับบิณฑบาต พอถึงเวลาพระคุณเจ้าออกบิณฑบาต ตัวเองก็เลยไปช่วยทำความสะอาดถ้ำ ปัดกวาดเช็ดถู ตั้งน้ำใช้ น้ำฉัน ปูอาสนะไว้อย่างดี พระมหากัสสปะกลับมา อ้าว..วันนี้ไม่ต้องกวาดเอง สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย ก็เลยถามว่าใคร ? ลาชเทวธิดาก็โผล่มาบอกว่า "ดิฉันลาชเทวธิดาผู้เป็นอุปัฏฐากเจ้าค่ะ" พระมหากัสสปะบอกว่า ไม่มีอุปัฏฐากชื่อนี้ ไปห่าง ๆ เลย..!

เถรี
16-06-2022, 08:48
พระที่รักษาศีลตัวเองจะทำแบบนั้น พระมหากัสสปะเป็นพระอรหันต์นะ พระอรหันต์ส่วนใหญ่ได้รับสติวินัย คือได้รับอนุญาตจากพระพุทธเจ้าว่า กระทำสิ่งหนึ่งประการใดไม่อาบัติ คือปราศจากโทษ เพราะเป็นผู้มีสติสมบูรณ์แล้ว ย่อมไม่ทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์

แต่พระมหากัสสปะบอกว่าท่านต้องเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกศิษย์และพระภิกษุสามเณรรุ่นหลัง ต่อให้เป็นพระอรหันต์แล้ว ยังต้องเคร่งครัดต่อหลักการปฏิบัติคือ ศีล สมาธิ ปัญญา คราวนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมต้องไล่ลาชเทวธิดาขนาดนั้น

เป็นสมัยนี้มีงอน "อุตส่าห์ขับรถมาจากกรุงเทพฯ ไกลจะตายชัก มาถึงพระอาจารย์บอก กราบเสร็จให้กลับได้เลย..!" ก็อาตมาถามว่า "มาทำอะไร ?" ก็บอกเองว่า "มากราบพระอาจารย์" ดังนั้นกราบเสร็จแล้วก็กลับไปสิวะ ตรงไปตรงมาออก...!

เถรี
17-06-2022, 23:58
ก่อนทำบุญวันวิสาขบูชา เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมในระดับไหนก็ตาม พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงปัญญาประกอบท้ายไว้เสมอ โดยเฉพาะหลักใหญ่ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าจะทำเรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก เรื่องทางโลก หรือว่าเรื่องทางธรรม เราต้องรู้จักใช้ปัญญาคิดและตรองด้วย

กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ตรงนี้ กระจกคั่นอยู่ทั้งบาน โยมมาถึงก็ถือพวงมาลัยมานั่งมองหน้ากัน ถ้าสามารถส่งทะลุมาได้ ก็จะรับเหมือนกัน แล้วท้ายที่สุดก็ถามว่า "จะให้ผมทำอย่างไรครับ ?" ก็ตอบว่า "ก็ให้มึงเอาหัวแม่ตีนคิดดู...! ว่ามึงควรที่จะทำอย่างไร ?"

ของบางอย่างถ้าหากว่าไม่ใช้วาจาแรง ๆ คนก็จะไม่จำ แล้วพอไม่จำ ต่อไปก็จะพลาดอีก ดังนั้น...เมื่อถึงเวลาใช้วาจาแรง บางคนก็ไปนินทาลับหลัง เขาบอกว่า "เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุอย่างกับหมา..!" จะว่าไปแล้วก็ภูมิใจเหมือนกัน เพราะแสดงว่าที่เคยด่าไป อย่างน้อยก็ได้ผล เขาจำกันได้ว่าเจ้าอาวาสดุเหมือนหมา..!

เถรี
18-06-2022, 00:00
การที่จะทำสิ่งหนึ่งประการใด อย่าหาตัวประกัน ก็คืออย่าถามคนอื่น เราต้องตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจของเราเอง ผิดก็คือผิด เก็บไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าจะได้ทำถูก ถ้าทำถูกก็จดจำเอาไว้ว่า คราวหน้าเราต้องตัดสินใจในลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่ไปเที่ยวถามคนอื่นว่า "ผมควรทำอย่างไรครับ ?"

โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล ถ้าเราขาดการตัดสินใจที่เด็ดขาด โอกาสเข้าถึงมรรคผลจะไม่มีเลย แม้แต่พระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น การตัดสินใจจะทำ หรือไม่ทำ จะเอาหรือไม่เอา อยู่ที่ตัวเอง

บางท่านอาจจะสงสัยว่าสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเทศน์ครั้งเดียวเป็นพระอรหันต์กันมากมาย แต่สมัยนี้ฟังเทศน์กันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วไม่ได้อะไร เหตุก็เป็นเพราะว่าเราตัดสินใจไม่เป็น ดังนั้น...เมื่อฟังแล้วเข้าใจว่าหลักธรรมตรงไหนเป็นประโยชน์ และเราทำได้ ให้ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่าเราจะทำ และจะรักษากฎเกณฑ์กติกานี้ด้วยชีวิต ถ้าในลักษณะอย่างนี้ มรรคผลก็จะเข้าถึงท่านโดยง่าย

เรื่องที่สำคัญที่สุดในการปฏิบัติธรรมก็คือ ถ้าได้..เราเอา ตัดสินใจว่าเราจะทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าท่านทั้งหลายสามารถรักษากำลังใจที่เด็ดขาดแน่นอนแบบนี้เอาไว้ ต่อให้มรรคผลระดับสุดท้าย คือความเป็นพระอรหันต์ ก็ไม่ใช่ของยาก

เถรี
18-06-2022, 00:02
หลังตามผางประทีปวันวิสาขบูชา เย็นวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

การตามประทีปของวัดท่าขนุน เริ่มมาจากพระครูน้อย (พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) ที่ตอนนี้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว ประเทศพม่า ได้ยินเรื่องที่พระอนุรุทธเถระมีทิพจักขุญาณเป็นเลิศ นอกจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครมีทิพจักขุญาณเหนือไปกว่าพระอนุรุทธอีก ซึ่งเกิดจากการที่ชาติหนึ่ง ท่านได้ตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาต่อพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

พระครูน้อยจึงอยากจะทำอะไรที่เป็นพุทธบูชาขึ้นมาบ้าง ก็เลยคิดเองทำเองด้วยวิธีที่โง่มาก..! ก็คือไปซื้อยาชูกำลังมา ๕๐๐ ขวด จัดแจงเทใส่ขวดใหญ่แช่ตู้เย็นไว้ แล้วเอาขวดยาชูกำลังมาเจาะฝา ใช้จีวรเก่าฟั่นเป็นไส้ เทน้ำมันก๊าดลงไปจนเต็มขวด แล้วก็เอามาจุดไฟถวายเป็นพุทธบูชา

แล้วเกิดผล ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกคือ ทำยากฉิบหายเลย..! ประการที่สองคือ พระเณรนอนไม่หลับไปหลายวัน เพราะว่ายาชูกำลัง ๕๐๐ ขวดที่เทใส่ขวดใหญ่เก็บไว้ในตู้เย็น คนโน้นก็ดื่ม คนนี้ก็ดื่ม ทำเอาตาค้างไปตาม ๆ กัน..!

เถรี
18-06-2022, 00:03
กระผม/อาตมภาพดูจากท่าทีของท่านแล้ว งานต่อไปคงทำอีกแน่นอน และถ้าทำแบบนี้ก็คงจะมีประโยชน์น้อย แต่มีโทษมากกว่า จึงโทรไปหาโยมติ๊ก (คุณถาวภักดิ์ ตียาภรณ์) ที่เชียงใหม่ ถามโยมติ๊กว่าทางเชียงใหม่ที่เขาทำประทีปกันนั้น ช่วยหาซื้อให้หน่อยได้ไหม ? โยมติ๊กถามว่าจะเอาสักกี่ดวง ? กระผม/อาตมภาพบอกไปว่า ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ดวง

โยมติ๊กก็ซื้อแล้วส่งทางขนส่งมาให้ สมัยโน้นยังไม่มีพวก FedEx ไม่มี Kerry ไม่มี Jet ปรากฏว่ามาถึงแล้วใช้งานไม่ได้ดั่งใจ เพราะว่าผางประทีปจากทางเหนือนั้น เขาทำใส่มาในตลับเล็ก ๆ ประมาณเหรียญ ๑๐ บาท หนาสักประมาณเกือบ ๑ เซนติเมตร จุดได้ประมาณ ๑๐ นาที ไส้ก็จะล้มดับหมดแล้ว

พูดง่าย ๆ ก็คือ สวย ๑๐ นาที..! หลังจากนั้นแล้วก็ดับ จึงต้องมาคิดหาวิธีกันใหม่ ท้ายสุดก็สรุปได้ว่า เราต้องหล่อผางประทีปกันเอง อันดับแรกเลยก็ศึกษาดูว่า ที่ใดสามารถที่จะปั้นถ้วยให้เราใส่เทียนได้บ้าง ก็ไปเจอที่เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จึงไปขอให้เขาช่วยปั้นให้ ใบละ ๕ บาท สั่งมาครั้งแรก ๕๐๐ ใบ

เถรี
18-06-2022, 00:04
ลองผิดลองถูกอยู่หลายงาน สรุปได้ว่าผางประทีปของเรากว่าจะเป็นตัวเป็นตนได้ อันดับแรกเลยก็ไส้ล้มเหมือนกัน ในเมื่อไส้ล้มก็ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรไม่ให้ไส้ล้ม ก็มีผู้เสนอลวดดอกไม้ไหว เอามาพันไส้ก่อนแล้วค่อยดัดเป็นตีนกา คือเป็นขาตั้งสามแฉก

คราวนี้อยู่ได้ แต่ว่าผางประทีปนั้นจะอยู่ได้ราว ๆ ชั่วโมงกว่าเท่านั้น แล้วก็ดับ ทำอย่างไรเราจะทำให้อยู่ได้นานขึ้น ? ก็มีผู้เสนอว่า ให้เขาปั้นถ้วยรุ่นใหม่ใหญ่กว่าเดิม จะได้อยู่ได้นานขึ้น

ได้ผลจริง ๆ อยู่ได้นานมาก อยู่ได้ประมาณ ๖ ชั่วโมง..! แต่ก็เปลืองเทียนมากเป็นพิเศษ แล้วก็มีคนติว่า ผางประทีปที่เราหล่อนั้น หน้าไม่สวย..หน้าแตก..! ก็ต้องไปศึกษากันอีกว่า ทำอย่างไรที่จะหล่อเทียนแล้วหน้าไม่แตก ?

ได้ความว่าต้องเติมน้ำมันพืชลงไปด้วย โดยอัตราส่วน ๑ : ๑๐ ถ้าหากว่าใช้เทียนหนึ่งพันกิโลกรัม ก็เติมน้ำมันพืชลงไปหนึ่งร้อยกิโลกรัม เปลืองหนักเข้าไปอีก..! แต่ออกมาแล้วสวย

จึงค่อย ๆ ขยายจำนวนขึ้นเป็น ๓,๐๐๐ ดวง ๕,๐๐๐ ดวง ๘,๐๐๐ ดวง ๑๐,๐๐๐ ดวง ๑๒,๐๐๐ ดวง ๑๕,๐๐๐ ดวง ปัจจุบันนี้แต่ละงานอยู่ที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ - ๑๘,๐๐๐ ดวง

เถรี
18-06-2022, 00:06
สมัยที่ยังอยู่บ้านวิริยบารมีหรือบ้านเติมบุญ จะมีญาติโยมหลายท่านที่เคยไปช่วยฟั่นไส้ผางประทีปมาแล้ว ทำให้เรารู้ว่าฟั่นแน่นไปไฟก็ดับ เพราะว่าน้ำเทียนผ่านไม่ได้

กว่าจะหาจุดลงตัวได้แต่ละอย่าง ก็ต้องลองผิดลองถูกกันนานมาก แต่เป็นที่น่าชื่นใจว่า หลังจากทดสอบแล้ว ปีที่ ๔ เราก็ได้รับการบรรจุเป็น Unseen Thailand จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีที่อื่นเห็นแล้วประทับใจมาก ขอมาศึกษางาน แล้วก็เหี่ยวกลับไป..!

อันดับแรก ก็เพราะว่าผางประทีปรุ่นนี้ถ้วยละ ๗ บาท หนึ่งหมื่นถ้วยก็เจ็ดหมื่นบาท..! แล้วใช้ได้ประมาณ ๒ - ๓ งาน ความร้อนที่สูงมาก ก็จะทำให้ถ้วยกรอบ โดนกระทบแรงหน่อยก็แตกแล้ว ก็แปลว่าถ้าเราตามประทีปปีละ ๔ ครั้งตามที่ตั้งใจไว้ หนึ่งปีก็ต้องเปลี่ยนถ้วยประทีปกันใหม่ทั้งหมด

อันดับที่สอง คือการซื้อเศษเทียนมาเพื่อหล่อผางประทีป เราต้องใช้เทียนขี้ผึ้งครั้งละประมาณหนึ่งตันครึ่ง..! ซื้อเศษเทียนมาในราคากิโลกรัมละ ๓๓ บาท ซื้อครั้งละ ๑,๕๐๐ กิโลกรัม เป็นเงิน ๓๘,๕๐๐ บาท

สรุปก็คือคนที่มาดูงานชื่นชมกับความสวย แต่ให้ไปทำเองก็ไม่เอาแล้ว จ่ายไม่ไหว..!

เถรี
18-06-2022, 00:06
ลงทุนผางประทีปปีละ ๗๐,๐๐๐ บาท ลงทุนขี้ผึ้งสำหรับหล่อผางประทีปงานละประมาณ ๓๕,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาท ก็แปลว่าความสวยที่เห็นนั้นก็คือ มาเผาเงินให้ญาติโยมได้ดูกัน..!

แต่ว่าถ้าคิดถึงในเรื่องของพุทธบูชาแล้วคุ้มค่ามาก อาตมาคงไม่คุ้มหรอก แต่ญาติโยมทั้งหลายนั้นคุ้ม คุ้มตรงที่ว่าถ้าเกิดใหม่เราก็จะมีทิพจักขุญาณอย่างพระอนุรุทธเถระ

เถรี
19-06-2022, 00:29
พวกเรามีความดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ "ไม่ค่อยจะจำ" จึงต้องด่ากันสาดเสียเทเสีย จะได้ซึมเข้าไปบ้าง ประเภทที่กลับไปแอบร้องไห้ได้ยิ่งดี แบบนั้นจะจำได้นานมาก..!

อาตมาเลยกลายเป็นคนปากร้ายไปโดยปริยาย แต่ก็ต้องทนทำหน้าที่ต่อไปเพราะว่าเป็นครู ในเมื่อเป็นครู มีหน้าที่สอน ถ้าสอนแล้วพวกเราเอาดีไม่ได้ก็ขายหน้าครู บอกว่าเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์เล็ก พระอาจารย์เล็กต้องเอาปีบคลุมหัวเดินเลย..กูไม่รู้จักมัน..!

ลูกศิษย์ต้องสามารถเชิดชูครูบาอาจารย์ได้ สร้างเกียรติคุณให้แก่ครูบาอาจารย์ได้ ถึงจะเรียกว่าลูกศิษย์ที่ดี พอถึงเวลาเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง" รับรองว่าไม่ทำให้หลวงพ่อขายหน้า ลองไปนึกถึงขุนช้างขุนแผนสิ รู้จักแสนตรีเพชรกล้าไหม ? แม่ทัพหัวเมืองเหนือซึ่งสมัยก่อนเรียกว่า หัวเมืองลาว แต่จริง ๆ แล้วก็คือล้านนา เชียงใหม่

เวลาจะรบกันก็ต้องบอกชื่อเสียงเรียงนามกันก่อน จะได้รู้ว่าเราฆ่าใคร หรือว่าใครฆ่าเรา..! บางทีชื่อเสียงเกียรติคุณส่วนตัว หรือว่าชื่อเสียงของครูบาอาจารย์ก็ข่มอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว

เถรี
19-06-2022, 00:31
เมื่อพลายงามถาม แสนตรีเพชรกล้าก็บอกว่า "ตัวเราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า" ยืดเต็มที่เลยนะ คำว่า แสน นี่เป็นยศทางทหารของภาคเหนือ ถ้าภาคกลางของเราก็จะคุ้นกับ หัวพัน หัวหมื่น ท่านขุน คุณหลวง คุณพระ ท่านเจ้าคุณ ถ้าหากใครอ่านจินตนิยายเรื่องขุนศึก ก็จะมีพันฤทธิ์ พันเดช หมื่นศึกสะท้าน

สมัยที่กระผม/อาตมภาพ แท็กทีมไปรังแกชาวบ้าน ก็มี หลวงเลิศเลอรบ หลวงจบไกรแดน หลวงแสนพลพ่าย โอ๊ย..มันส์ ตอนรังแกชาวบ้านนั้นสนุก แต่ตอนนี้มานั่งโอย...โอย..เพราะว่ากรรมปาณาติบาตตามมาทวง..!

แสนตรีเพชรกล้าอวดครูให้พลายงามฟังว่า

พระครูผู้บอกวิทยา...........ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง........ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง

ครูบาอาจารย์ของแสนตรีเพชรกล้าคือท่านอาจารย์ศรีแก้วฟ้า แห่งถ้ำวัวแดง

เถรี
19-06-2022, 00:39
พอบอกคนอื่นแล้วก็ต้องถามกลับ

เจ้าหนุ่มน้อยนี่หรือชื่อพลายงาม.......ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง.........รูปร่างดังผู้หญิงพริ้งพรายตา
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก.........จะเปรียบหลานพาลจะเด็กกว่าหลานข้า (ลดราคาอีกฝ่ายหนึ่งจนหมดค่าเลย)
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา...................กลับไปบอกบิดามารอนราญ (เอ็งนั้นเด็กเกินไป..ให้ไปเรียกพ่อมาจะดีกว่า)

พลายงามก็ตอบว่า

ครานั้นพลายงามทรามคะนอง.........ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์...............เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ (อย่าเพิ่งดูถูกกัน)
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า...............อันตัวเราถึงจะเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ.............อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่แล้วไม่แพ้
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา...................... จะขอลองวิชากับตาแก่ (โดนถอนหงอกไปเรียบร้อยแล้ว)
ให้มันปรากฏชื่อเลื่องลือแท้...............จะย่อยยับพับแน่ดอกกระมัง (แพ้ไปขายหน้าเขานะ ผมนี่เด็กใหม่ มีแต่เสมอตัวกับกำไร ของปู่ถ้าหากว่าแพ้ผมเมื่อไร ก็ขาดทุนยับเยิน ประมาณนั้น)

ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า...........โกรธาตาแดงดั่งแสงครั่ง (โกรธ..จำไว้นะว่าอย่าโกรธ โกรธเมื่อไรขาดสติ ขาดสติเมื่อไร วิชาการต่าง ๆ ที่ศึกษาเอาไว้ ก็จะคิดไม่ทัน ไม่สามารถที่จะงัดขึ้นมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ )
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง............มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม (อุตส่าห์เตือนแล้ว ยังรั้นอีก)
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก.............มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม.............................รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน (ตรงนี้น่าสงสัย ใช้ง้าวเป็นอาวุธ แต่เขาบอกว่ากระบวนทวน กระบวนทวนในที่นี้ก็คือสวนเข้าหา ไม่ใช่ใช้เพลงทวน เหมือนอย่างกับเราทวนน้ำ ก็คือรำง้าวสวนเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม ภาษาไทยดิ้นได้ กรุณาอย่าแปลผิด)

พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวหมดเล่ม จำไว้ว่าอ่านแล้วอย่าจำแบบอาตมา อ่านใหม่แล้วจะไม่สนุก เพราะจำได้หมดแล้ว

เถรี
19-06-2022, 00:40
วันนั้นเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยคุยกันต่อหน้าดร.พระครูโรจน์ ท่านบอก "ไอ้ห่...มันนั่งท่องให้กูฟัง ๑๕ นาทีติดต่อกัน มึงลองคิดดูซิ เป็นเล่มเลยนะมึง ไม่รู้ว่ามันเอาห้วที่ไหนมาจำ..!"

ถ้ารู้ว่าอาตมาสมองชำรุดมาแล้วนี่ ทุกคนจะตกใจ เพราะว่าตอนเด็กตายไปเกือบสองชั่วโมง สมองขาดออกซิเจน ชำรุดไปมาก ป่วยเป็นโรคลมชักอยู่หลายปี กว่าที่จะหายเป็นปกติ นี่ถ้าไม่ได้สมองชำรุดเสียก่อน ป่านนี้คงอยู่แถว ๆ ดาวพฤหัสบดีแล้ว ไม่มาอยู่แถวนี้หรอก...!

ทางโน้นวิทยาการเขาก้าวหน้ากว่าเราเยอะมาก โลกเราเคยส่งยานอวกาศไป อยากจะสำรวจดู ปรากฏว่ายานอวกาศโดนชาวพฤหัสบดีสอยทิ้งหมด โดยที่ชาวโลกไม่รู้ด้วย..! สมมุติว่าอเมริกาส่งยานไป ทางด้านโน้นเขาก็จะเล็งให้ตรงเป๊ะกับอเมริกาที่ส่องกล้องดูอยู่ แล้วก็ยิงตูมทิ้งไปเลย..! ให้พอดีกับจังหวะที่บังกันอยู่ ก็คือตัวยานอวกาศจะบังหน้ากล้องที่ส่องดู ก็จะเห็นเหมือนกับยานอวกาศอยู่ ๆ ก็ระเบิดไปเฉย ๆ แต่ถ้าหากว่ายิงเฉียง ๆ นี่เราจะเห็นแล้วว่ามีแสง มีสีอะไร ตรงเข้ามาใส่ยาน เขาโคตรเก่งเลย..!

เถรี
19-06-2022, 23:20
สังคมบ้านเราวิปริตผิดเพี้ยนมากเลย ก็คือเคารพคนมีเงิน สมัยก่อนเขาเคารพกันที่คุณธรรมความดี ผู้ใหญ่จะทำอะไรก็ตาม ต้องคิดแล้วคิดอีก จะเสียหายถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลหรือเปล่า ? เพราะฉะนั้น..จึงไม่มีใครที่จะกล้าทำอะไรที่เป็นการล่วงละเมิดสถาบัน เพราะคิดถึงลูก ถึงหลาน ถึงเหลน สมัยนี้ไม่ค่อยจะคิดกันเพราะไม่มีสมอง..!

การศึกษาเด็กรุ่นใหม่ของเรารั้งท้ายของโลกไปแล้ว ไม่ใช่แค่รั้งท้ายอาเซียน ในขณะเดียวกันประเทศในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก กระผม/อาตมภาพไปดูมาแล้ว บ้านเขาเรียนยากกว่าเรา เกิดในสิงคโปร์ต้องรู้อย่างน้อย ๒ ภาษา ก็คือถ้าคุณใช้ภาษายาวี คุณต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ถ้าใช้ภาษาจีน ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ถ้าใช้ภาษาอังกฤษ ต้องเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม

กระผม/อาตมภาพไปเที่ยวสิงคโปร์ เดินตามเด็กอนุบาล ฟังครูเขาบรรยายให้เด็กฟัง "นี่เป็นชั่วโมงการศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ เรามาเรียนรู้ศาสนาอื่น ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเปลี่ยนแปลงศาสนาของตัวเองไปนับถือแบบเขา แต่ให้รู้ว่าทำไมเขาถึงได้นับถือศาสนานี้ มีหลักการและเหตุผลอะไรที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นในชีวิตของเขา หลักการของทุกศาสนาเป็นสากล ถ้าทำให้คนหนึ่งคนใดดีขึ้นมาได้ เราก็ควรที่จะเอามาปรับใช้ด้วย" นั่นเขาสอนเด็กอนุบาล..! แล้วบรรยายเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ เลย อนุบาลนะนั่น ส่วนบ้านเราจบปริญญาตรีแล้วเจอฝรั่งยังวิ่งหนีเลย..!

วัดท่าขนุนอบรมมัคคุเทศก์น้อยภาคภาษาอังกฤษไปแล้ว ปัจจุบันมีมัคคุเทศก์แปดภาษา ภาษาไทย อังกฤษ ลาว พม่า มอญ ม้ง เย้า กะเหรี่ยง เพราะฉะนั้น...วัดท่าขนุนมีมัคคุเทศก์นานาชาติ ใครมาสามารถพูดด้วยได้หมด

เถรี
19-06-2022, 23:23
บ้านเราเมืองเราเสียดายตรงที่ว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ทำเพื่อพวกพ้องและตนเอง แม้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะแสดงการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ ชนิดไม่มีใครทำได้ให้ดู ก็หาคนเลียนแบบและทำตามน้อยมาก เพราะว่าติดสบาย

เกษตรทฤษฎีใหม่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ระยะแรกเราต้องเหนื่อยก่อน หลังจากนั้นจะเกิดความมั่นคงอย่างยิ่ง อย่างเช่นตอนนี้ข้าวของแพงทุกอย่าง แต่ถ้าเราทำเกษตรทฤษฎีใหม่แบบที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ วางแนวเอาไว้ เราจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีในไร่ในสวนของเราเองหมด สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่เป็นหนี้ใคร ถึงไม่มีเงินก็อยู่ได้

ประเทศรัสเซียเอาไปใช้งาน ปัจจุบันนี้อเมริกาคว่ำบาตรมาหลายยกแล้ว ไม่เห็นรัสเซียจะเดือดร้อนอะไรเลย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวยกย่องว่า ถ้าไม่ได้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เขาคงอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ บอกว่าถ้าคุณทำให้ประชาชนท้องอิ่มได้ เขาก็จะสนับสนุนคุณเอง ประธานาธิบดีปูตินสงสัยว่า "แล้วจะทำอย่างไร ?" ท่านบอกว่า "วิจัยว่าพื้นที่น้ำแข็งแบบนี้ ปลูกพืชผลทางการเกษตรแบบไหนถึงจะได้ผลดีที่สุด ? พื้นที่ภูเขาแบบนี้ ปลูกพืชผลการเกษตรแบบไหนได้ผลดีที่สุด ? พื้นที่ราบแบบนี้ ปลูกพืชผลการเกษตรแบบไหนได้ผลดีที่สุด ? เน้นพืชอาหาร โดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวบาร์เลย์"

ประธานาธิบดีปูตินทำตาม เห็นผลตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังไม่สวรรคต ปัจจุบันนี้คนอื่นมีปัญญาคว่ำบาตรรัสเซียไปเถอะ คว่ำจนบาตรแตก พ่อเจ้าพระคุณก็ไม่สะเทือน..กูไม่เดือดร้อนอะไร..กูมีกิน..!

เถรี
19-06-2022, 23:26
สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นเรื่องตลกมาก อเมริกาพยายามที่จะสร้างภาพให้รัสเซียเป็นผู้ร้าย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองนั่นแหละเป็นผู้ร้าย ก็คือไปยุยูเครนให้เข้านาโต จะได้ไปตั้งขีปนาวุธจ่อคอหอยรัสเซีย ปรากฏว่ารัสเซียเตือนแล้วเตือนอีกเป็นสิบรอบก็ไม่ฟัง รัสเซียก็เลยยกพวกไปลุย ไม่น่าเชื่อว่าประชากรเกินครึ่งโลกเชียร์ผู้ร้ายอย่างรัสเซีย..! เพราะว่าเดี๋ยวนี้คนฉลาดขึ้น เห็นว่าผู้ร้ายที่แท้จริงไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นอเมริกาต่างหาก..!

ผลกระทบมาถึงบ้านเราแน่นอน ถ้ารัฐบาลยังมัวแต่เล่นการเมืองอยู่ ที่ได้บอกไปแล้วว่าหากะโหลกกะลา ถ้วยถังกะละมังแตกอะไรก็ได้ ปลูกโน่นนี่นั่นไว้บ้าง ถึงเวลาถ้าหากว่าของแพง เราก็กินของเราเอง เหลือมากก็แจกเพื่อนบ้านไป

ดูแปลงสาธิตการเกษตรวัดท่าขนุนสิ อนุญาตให้ชาวบ้านทุกคนไปเก็บกินได้ ทำให้เขาดูว่ามีประโยชน์อย่างไร ส่วนดูแล้วคุณจะทำตามหรือเปล่า ? หรือไม่ทำ ก็เรื่องของคุณ เราได้ทำแล้ว เหมือนการปฏิบัติธรรมตรงที่เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน ถ้าวางกำลังใจแบบนี้ได้ การปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าทุกคน

เถรี
19-06-2022, 23:27
แปลงสาธิตการเกษตรโคกหนองนาวัดท่าขนุนก็ดี แปลงผักสวนครัวรั้วกินได้ก็ดี แปลงสาธิตเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยศาสตร์พระราชาก็ตาม วัดท่าขนุนกินเองเกือบหมด ไม่ขาย..อยากได้ให้ไปเก็บเอง เอ็งไม่เก็บข้าก็เก็บกินเอง ทำแล้วใครฉลาดรู้จักดู ก็เลียนแบบไป ใครจะเลียนแบบหรือไม่เลียนแบบเรื่องของเขา เราได้ทำแล้ว เข้าใจอารมณ์นี้แล้วหรือยัง ?

เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดอย่างไร หรือไม่เกิด เป็นเรื่องของมัน จำเคล็ดลับตรงนี้ให้ดี ๆ ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วอยากก้าวหน้า ตอนทำต้องทิ้งความอยากให้ได้ เรามีหน้าที่ภาวนา จะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็น ก็ช่างหัวมัน

เดี๋ยวหลังทำวัตรเย็นแล้ว ต้องไปเวียนเทียนกัน อย่าลืมว่าทุกสิ่งที่เราทำ ให้ตั้งใจว่าเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อานิสงส์ถ้าพึงมีพึงได้ ขอให้ส่งผลให้ตัวเราเข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น

หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตอบปัญหาที่คนถามว่า "ถ้าหากว่าเอาแต่พระนิพพานอย่างเดียว แล้วเราจน ก็ลำบากสิครับ" หลวงพ่อท่านบอกว่า "พระนิพพานเหมือนกับยอดเขาสูงสุด ก่อนที่คุณจะขึ้นถึงยอดเขาสูงสุด ทุกอย่างข้างทางมีอะไร เราก็เจอ เราก็ได้มาหมดแล้ว"

สรุปว่าเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้จนนะ..เอ๊ะ..เรื่องเดียวกันหรือเปล่า ?

เถรี
20-06-2022, 23:08
ช่วงงานสวดพระคาถาเงินล้าน เช้าวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

ต้องรู้เวลา ถ้าหากว่ารู้ว่าเราช้า ก็ต้องเผื่อเวลาไว้ ไม่ใช่ว่าถึงเวลาก็ปล่อยเลยตามเลย มาเมื่อไรก็ได้ พวกมาเมื่อไรก็ได้ ถึงเวลาจะได้อะไรก็เมื่อไรก็ได้เหมือนกัน..! ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเมื่อไร..!

ลำดับต่อไป ก่อนทำความดีทั้งปวง ก็ต้องเริ่มด้วยความดีพื้นฐาน คือศีล แต่ด้วยความที่วันนี้ศีลของเราเมื่อเลิกปฏิบัติธรรมแล้ว พวกเราส่วนใหญ่ก็จะเหลือแค่ศีล ๕ ดังนั้น...ให้รับศีล ๕ แล้วเลิกปฏิบัติธรรมเมื่อไร ก็ไปใช้ศีล ๕ เป็นเครื่องนำชีวิตของเราตามเดิม

เถรี
20-06-2022, 23:10
อุตส่าห์มีท่านผู้เจริญนำพระกรุเก่ามาให้ ๔ องค์ ปลอมล้วน ๆ..! จะเล่นพระกรุเนื้อดิน ต้องศึกษาว่าแต่ละกรุมีลักษณะเด่นของเนื้อเป็นอย่างไร หลังจากนั้นก็ดูพิมพ์ทรง ถ้าเนื้อใช่ พิมพ์ใช่ มีโอกาสใช่ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าสมัยนี้มีขี้โกง สร้างพิมพ์ด้วยการใช้คอมพิวเตอร์สแกน และเอาเนื้อเก่าขององค์ชำรุด มาบดแล้วพิมพ์ขึ้นมาใหม่

เพราะฉะนั้น..เนื้อใช่ พิมพ์ใช่ ยังมีโอกาสใช่แค่ประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องดูองค์ประกอบอื่นด้วย ถ้าดูเองไม่เป็น อย่าเที่ยวไปหามาให้อาตมา จะเสียเงินเยอะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพระกรุจะมีราคาค่อนข้างแพง เราอย่าไปเห็นแก่ของถูก อย่าไปฟังนิทานว่าเขาเก็บมา ๗ ชั่วโคตรแล้ว ลักษณะอย่างนั้นภาษานักเล่นพระเขาเรียกว่า "โดน" หรือไม่ก็เรียกว่า "ตกควาย" ก็คือเขาไม่ได้ตกปลา แต่เขาตกได้ควายทั้งตัว..!


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมวิสาขบูชา ๒๕๖๕ ณ วัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ - วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล และ นาทาม)