เถรี
30-07-2009, 05:26
ถาม : หลวงพ่อคะ พิธีโสฬสนี่สำคัญอย่างไรคะ?
ตอบ : สำคัญชนิดที่ว่าอาตมายังทำไม่เป็นเลย ถ้าท่านไม่อนุญาตก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
จริง ๆ แล้วเรื่องของพิธีของโสฬส สมัยก่อนถือว่าสูงสุด เป็นพิธีสำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น ครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีในสมัยก่อน ก็เห็นมีหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง (พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมราคาเป็นล้าน ๆ) มีหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนใหญ่แล้วท่านจะทำเป็นเครื่องคาดราชศาสตรา สำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน อย่างตะกรุดโสฬส เป็นต้น แต่พอมาสมัยหลวงปู่ศุขท่านทำเป็นอาวุธ คือ พระขรรค์โสฬส ทำขึ้นมาโดยใช้โลหะอาถรรพณ์ต่าง ๆ ตีขึ้นมาเป็นพระขรรค์แล้วทำพิธีปลุกเสกตามตำรา
อาตมาจริง ๆ ทำไม่เป็น ต้องอาศัยหลวงปู่ศุขท่านสงเคราะห์ให้ สมัยนั้นที่ท่านทำพระขรรค์โสฬส ท่านทำไม่กี่เล่ม โดยเฉพาะเล่มหนึ่งในจำนวนนั้นคืออาวุธคู่พระหัตถ์ของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ในเมื่อเป็นดังนั้น หลวงปู่ท่านก็สงเคราะห์ให้ อาตมาเคยได้คืบก็เอาศอก แรก ๆ ก็ไม่มีปัญญาสร้างตามวัสดุ ในเมื่อท่านอนุญาตว่าอย่างไรก็ได้ ก็เลยไปเรื่อย จะเอาวัตถุมงคลทุกอย่างเข้าพิธี ลักษณะเลยกลายเป็นผีถึงป่าช้า ไม่เผาก็ต้องฝัง ท้ายสุดก็เลยต้องมีกระทั่งน้ำมนต์ แต่ว่าน้ำมนต์นี่ได้ยินว่าจำหน่ายขวดละสิบบาท ที่เหลือทั้งหมดอาตมายึด ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรถึงจะได้ทำอีก หรืออาจจะได้ทำครั้งเดียวในชีวิต
เนื่องจากฤกษ์ปลุกพระขรรค์โสฬสต้องเป็นวันเสาร์หรือวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำเท่านั้น และถ้าตามฤกษ์ดั้งเดิม ท่านใช้เวลาเที่ยงตรง บังเอิญว่าฤกษ์วันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีนี้ตรงกับวันอาสาฬหบูชาพอดี อาตมาเองก็คิดไม่ถึง ก็เลยกลายเป็นฤกษ์พิลึกพิลั่นว่า ไม่รู้อีกนานเท่าไรวันอาสาฬหบูชาจะตรงกับฤกษ์โสฬสอย่างนี้อีก หรือว่าไม่รู้อีกนานเท่าไรที่ฤกษ์โสฬสจะไปตรงกับวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา ดังนั้น บางคนก็พูดว่าร้อยปีมีหนเดียว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้องไปเปิดปฏิทินร้อยปีดู
รอหน่อยนะจ๊ะ..ใครจะเอาของเข้าพิธี อาตมารับไม่อั้น เพราะอาตมาเองไม่เคยหวง ใครเอาวัตถุมงคลมาเข้าพิธีมากเท่าไร ก็เหนื่อยน้อยเท่านั้น สมัยอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีวิชาอะไรท่านไม่เคยหวง อาตมาเองก็มาเห็นประโยชน์เอาตอนหลัง อย่างเช่นการทำบายศรี ใครมาก็จับขึ้นครูทำ บายศรีวัดท่าขนุนก็เลยเสร็จเร็วขึ้นทุกงาน เพราะคนเป็นกันมากขึ้น ถ้าคนเป็นกันทั่ว เราก็จะเหนื่อยน้อย ดังนั้นวิชาไม่ควรจะหวง สมัยก่อนหวงวิชาแล้วตายไปกับตัวก็เยอะ บรรดาไม้ตายต่าง ๆ ก็จะตายฟรี ตายไปกับตัว ทำให้วิชาการรุ่นหลัง ๆ เสื่อมไปเรื่อย จนกว่าจะมีลูกศิษย์ประเภทอัจฉริยะ บัญญัติขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่ได้เท่ากับของเดิม
เทศน์หลังทำวัตรค่ำ บนศาลาวัดท่าขนุน
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ตอบ : สำคัญชนิดที่ว่าอาตมายังทำไม่เป็นเลย ถ้าท่านไม่อนุญาตก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
จริง ๆ แล้วเรื่องของพิธีของโสฬส สมัยก่อนถือว่าสูงสุด เป็นพิธีสำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น ครูบาอาจารย์ที่ทำพิธีในสมัยก่อน ก็เห็นมีหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง (พระปิดตาของหลวงปู่เอี่ยมราคาเป็นล้าน ๆ) มีหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ส่วนใหญ่แล้วท่านจะทำเป็นเครื่องคาดราชศาสตรา สำหรับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน อย่างตะกรุดโสฬส เป็นต้น แต่พอมาสมัยหลวงปู่ศุขท่านทำเป็นอาวุธ คือ พระขรรค์โสฬส ทำขึ้นมาโดยใช้โลหะอาถรรพณ์ต่าง ๆ ตีขึ้นมาเป็นพระขรรค์แล้วทำพิธีปลุกเสกตามตำรา
อาตมาจริง ๆ ทำไม่เป็น ต้องอาศัยหลวงปู่ศุขท่านสงเคราะห์ให้ สมัยนั้นที่ท่านทำพระขรรค์โสฬส ท่านทำไม่กี่เล่ม โดยเฉพาะเล่มหนึ่งในจำนวนนั้นคืออาวุธคู่พระหัตถ์ของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
ในเมื่อเป็นดังนั้น หลวงปู่ท่านก็สงเคราะห์ให้ อาตมาเคยได้คืบก็เอาศอก แรก ๆ ก็ไม่มีปัญญาสร้างตามวัสดุ ในเมื่อท่านอนุญาตว่าอย่างไรก็ได้ ก็เลยไปเรื่อย จะเอาวัตถุมงคลทุกอย่างเข้าพิธี ลักษณะเลยกลายเป็นผีถึงป่าช้า ไม่เผาก็ต้องฝัง ท้ายสุดก็เลยต้องมีกระทั่งน้ำมนต์ แต่ว่าน้ำมนต์นี่ได้ยินว่าจำหน่ายขวดละสิบบาท ที่เหลือทั้งหมดอาตมายึด ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรถึงจะได้ทำอีก หรืออาจจะได้ทำครั้งเดียวในชีวิต
เนื่องจากฤกษ์ปลุกพระขรรค์โสฬสต้องเป็นวันเสาร์หรือวันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำเท่านั้น และถ้าตามฤกษ์ดั้งเดิม ท่านใช้เวลาเที่ยงตรง บังเอิญว่าฤกษ์วันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีนี้ตรงกับวันอาสาฬหบูชาพอดี อาตมาเองก็คิดไม่ถึง ก็เลยกลายเป็นฤกษ์พิลึกพิลั่นว่า ไม่รู้อีกนานเท่าไรวันอาสาฬหบูชาจะตรงกับฤกษ์โสฬสอย่างนี้อีก หรือว่าไม่รู้อีกนานเท่าไรที่ฤกษ์โสฬสจะไปตรงกับวันอาสาฬหบูชา ที่เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา ดังนั้น บางคนก็พูดว่าร้อยปีมีหนเดียว จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้องไปเปิดปฏิทินร้อยปีดู
รอหน่อยนะจ๊ะ..ใครจะเอาของเข้าพิธี อาตมารับไม่อั้น เพราะอาตมาเองไม่เคยหวง ใครเอาวัตถุมงคลมาเข้าพิธีมากเท่าไร ก็เหนื่อยน้อยเท่านั้น สมัยอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีวิชาอะไรท่านไม่เคยหวง อาตมาเองก็มาเห็นประโยชน์เอาตอนหลัง อย่างเช่นการทำบายศรี ใครมาก็จับขึ้นครูทำ บายศรีวัดท่าขนุนก็เลยเสร็จเร็วขึ้นทุกงาน เพราะคนเป็นกันมากขึ้น ถ้าคนเป็นกันทั่ว เราก็จะเหนื่อยน้อย ดังนั้นวิชาไม่ควรจะหวง สมัยก่อนหวงวิชาแล้วตายไปกับตัวก็เยอะ บรรดาไม้ตายต่าง ๆ ก็จะตายฟรี ตายไปกับตัว ทำให้วิชาการรุ่นหลัง ๆ เสื่อมไปเรื่อย จนกว่าจะมีลูกศิษย์ประเภทอัจฉริยะ บัญญัติขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่ได้เท่ากับของเดิม
เทศน์หลังทำวัตรค่ำ บนศาลาวัดท่าขนุน
๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒