View Full Version : ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๒
การปฏิบัติธรรมต้องมีไฟสม่ำเสมอ เพราะว่าการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี กำลังใจสูงสุด ปรมัตถบารมีต้องจริงจัง จริงใจ แน่วแน่ ไม่แปรผัน ทำอะไรไม่สำเร็จไม่เลิก แต่ถ้ารู้ว่าทำแบบโง่ ๆ ก็รีบเลิกเสียนะ
กำลังใจต้องจดจ่ออยู่กับภาระหน้าที่การงานของตน สมัยฝึกปฏิบัติกรรมฐานใหม่ ๆ อาตมาทำไม่เลือกเวลา ไม่เลือกว่ากลางวัน ไม่เลือกว่ากลางคืน บางทีอย่างช่วงธุดงค์ก็ปฏิบัติตั้งแต่ตีสาม ฉันอาหารมื้อเดียว ๑๕ นาที แล้วว่ายาวต่อไปถึงหนึ่งทุ่มค่อยเลิกไปพักผ่อน ตอนนั้นเดินจงกรมจนพื้นเป็นร่อง แต่ก่อนก็สงสัยว่าเดินจงกรมจนเท้าแตก เดินจนพื้นเป็นร่องนั้นเดินกันอย่างไร ? พอเดินได้สองเดือนพื้นเป็นร่องจริง ๆ เดินไปเดินมาพอจะขึ้นเดือนที่สามฝ่าเท้าเริ่มแตก เลือดออกซิบ ๆ
ลองให้คะแนนตัวเองว่าเราสอบได้หรือสอบตก ในเวลา ๒๔ ชั่วโมงเราสอบได้กี่ชั่วโมง..? เวลาที่จิตว่างจากกิเลส กับช่วงเวลาที่กิเลสท่วมทับจิต พอสมควรกันไหม..? คาดว่าถ้าให้คะแนนก็คงจะได้ดีกันหมดทุกคน ดีในที่นี้คือดีภาษาอังกฤษ เกรด A B C D..!
ไม่ว่าจะการปฏิบัติธรรม หรือการทำงานทางโลก ต้องทุ่มเทจริงจังเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อาจารย์ถ่ายทอดเก่งอย่างไร ลูกศิษย์ก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้าลูกศิษย์เอาไปถ่ายทอดต่อ หลานศิษย์ก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของลูกศิษย์ หลานศิษย์เอาไปถ่ายทอดต่อ เหลนศิษย์ก็ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ของหลานศิษย์ ได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ
อยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากเก่งเหมือนอาจารย์ ต้องทุ่มเท ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าถ้าพวกเราทุ่มเท ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เราจะได้แค่ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของอาจารย์
พระอนุรุทธหลังจากบรรลุมรรคผลแล้ว ตลอด ๕๕ พรรษาไม่เคยนอนหลังแตะพื้นเลย ท่านใช้วิธีนั่งหลับ
พระอานนท์เป็นบุคคลผู้อัศจรรย์ คนอื่น ๆ ท่านเป็นพระอรหันต์ หมดกิเลส พระอานนท์เป็นแค่พระโสดาบัน พระโสดาบันมี รัก โลภ โกรธ หลง เต็มตัว แต่ว่าเป็นบุคคลชั้นดี เพราะว่าอย่างไรก็ไม่ยอมละเมิดศีล พระอานนท์ท่านบอกว่า ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากมา แม้แต่กามสัญญาก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ใจที่จะไปประหวัดถึงเรื่องเพศแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี ประวัติของท่านในเถราปทาน ขุททกนิกาย ธรรมบทบอกเอาไว้ว่า
ปฐมยาม (หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม) มีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี เผื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงเรียกใช้ เมื่อเห็นว่าไม่มีการเรียกใช้ ก็เข้าที่ ขัดสมาธิคู้บัลลังก์ ก็คือนั่งภาวนา
มัชฌิมยาม (สามทุ่มถึงเที่ยงคืน) มีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี เผื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงเรียกใช้ เมื่อไม่มีก็เข้าสู่ที่ นั่งคู้บัลลังก์ นั่งสมาธิต่อ
ปัจฉิมยาม (เที่ยงคืนถึงตีสาม) มีมืออันถือคบไฟดวงใหญ่ เดินจงกรมรอบคันธกุฎี เผื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเรียกใช้ เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เรียกใช้ ก็เตรียมน้ำใช้ น้ำฉัน เตรียมไม้สีฟัน เตรียมบาตร เตรียมผ้าซับพระพักตร์ ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้เมื่อตื่นจากบรรทมแล้ว
พระอานนท์มีเวลานอนหรือไม่..? ท่านถวายการรับใช้พระพุทธเจ้าแบบนี้อยู่ ๒๕ ปีเต็ม ๆ..!
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งกว่านั้นอีก
ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปาตญฺจ เช้าขึ้นมาเสด็จออกบิณฑบาต
สายณฺเห ธมฺมเทสนํ ตอนเย็นแสดงธรรมโปรดญาติโยม เช้ากับเย็นอย่าคิดว่าห่างกันหลายชั่วโมง พระองค์เสด็จบิณฑบาตบางทีไปตั้งครึ่งโลก..! อยู่ชมพูทวีปเสด็จมาโปรดที่เชียงแสน เป็นต้น
ปโทเส ภิกฺขุโอวาทํ ค่ำลงมาให้โอวาทภิกษุ ภิกษุณี สามเณร สามเณรี นางสิกขมานา แก้ไขปัญหาการปกครองคณะสงฆ์ ตำหนิบุคคลที่กระทำผิดพลาด ออกกฎป้องกันไม่ให้กระทำผิดพลาดอีก
อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหนํ ครึ่งคืนไปแล้วแก้ปัญหาให้พรหม เทวดา ครึ่งคืนนี้คือเที่ยงคืน สมมติว่าแก้ปัญหาสัก ๒ ชั่วโมง
ปจฺจูเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ ใกล้รุ่งตรวจดูอุปนิสัยสัตว์โลกเพื่อเตรียมจะไปโปรดในวันพรุ่งนี้ สมมติว่าใกล้รุ่งคือตีห้า ก็แปลว่าจากตีสองถึงตีห้า ได้บรรทมคืนละ ๓ ชั่วโมง ในขณะที่พวกเรานอน ๖ ชั่วโมง ได้ ๘ ชั่วโมงก็ยิ่งดี ถ้าวันไหนวันหยุดขอตื่นสักบ่ายสองโมง..! นี่คือสิ่งที่พวกเราทำกัน
ดังนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพระท่านบรรลุอรหันต์ ทำไมพระพุทธเจ้าท่านบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทำไมพวกเรายังอยู่แค่นี้
ที่เตือนพวกเราก็เพราะว่า พวกเราทุ่มเท เอาเวลาที่คนอื่นไปเที่ยวมาปฏิบัติธรรม ดังนั้น..ต้องทำให้คุ้มกับที่ตั้งใจมาแล้ว
เจโตปริยญาณ ที่สำคัญที่สุดคือดูใจตัวเอง ดูว่าใจเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ขับไล่ความชั่วนั้นออกไป ระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามา ดูว่าใจเรามีความดีหรือไม่ ถ้าไม่มีก็สร้างความดีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
แต่พวกเราเอาไปใช้ผิดกันหมด ปฏิบัติธรรมไม่ต้องไปหวังฤทธิ์ ถึงเวลาแล้วจะได้เอง ซื้อรถต้องได้ล้อมาอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นรถจะวิ่งไม่ได้ เรามีหน้าที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินซื้อรถ อย่าไปหวังว่าจะต้องได้ล้อรถมา ถ้าใจเราสงบถึงระดับ ของเก่าจะมาเอง เพราะว่าพวกเราเคยทำกันมาไว้มากแล้ว
แล้วอย่าถามว่าถ้าไม่เคยทำมาทางนี้ล่ะ..? คนไหนที่อยากได้ ต้องเคยทำมาแล้ว เกิดมาจนนับชาติไม่ถ้วน ถ้าใจนิ่งได้ระดับ ความสามารถเดิม ๆ จะกลับมาเอง ถึงเวลานั้นแล้วจะเบื่อ ว่าทำไมโลกมนุษย์นี้มีแต่คนเพ้อเจ้อ..!
หลายคนกลัวว่าคิดอะไรแล้วหลวงพ่อจะรู้ ทำชั่วอะไรแล้วหลวงพ่อจะรู้ จำไว้ว่าพระท่านไม่ได้ดูว่าเราทำชั่วอะไรมา เพราะว่านั่นเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่พระท่านดูว่าจะช่วยเราให้พ้นความชั่วได้อย่างไร
สรุปก็คือ อยากจะชั่วโยมก็ทำไป ถ้าอาตมายังมีแรงอยู่ ก็จะพยายามช่วยให้ดี แต่คำว่า ช่วย ในที่นี้ก็คือ ช่วยบอก บอกแล้วถ้าไม่เอา ก็เป็นเรื่องของโยม ฟังดูเหมือนกับใจจืดใจดำ แต่ในเมื่อบอกแล้วไม่เอา ส่งข้าวให้แล้วไม่กิน จะให้ทำอย่างไร ?
แค่ตัวกูของกูก็แย่แล้ว นี่ยังลูกกู เมียกู ผัวกู พ่อกู แม่กู หนักเข้าไปเรื่อย ๆ
ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่รวมเป็นตัวตนนี้ เป็นภาระที่หนักยิ่งหนอ
ภาราหะโร จะ ปุคคะโล บุคคลก็ได้แต่แบกภาระอันหนักนี้ไป และไม่ได้แบกแค่ ๕ ถ้ามีครอบครัว มีผัว มีเมีย ก็แบกไปอีก ๕ เป็น ๑๐ มีลูกก็แบกเพิ่มไปอีกทีละ ๕
พยายามกันหน่อย ไม่ใช่เป็นกรวดแล้วก็เป็นกรวดไปตลอดชีวิต เพิ่มความร้อนหน่อย เปลี่ยนจากกรวดให้เป็นเพชรบ้าง เป็นเพชรไม่ได้ อย่างน้อยก็เปลี่ยนซิลิกาในกรวดให้เป็นแก้วหุงก็ยังดี
อบ คือ ทำให้เข้าเนื้อ รม คือ ทำให้จับผิว แปลว่า ถ้าอบรมแล้วต้องดีทั้งในทั้งนอก
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ ๒๕๖๓ ณ วัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเลและนาทาม)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.