View Full Version : ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๒
(หลังจากกรรมฐานเช้ามืดและทำวัตรเช้า) หลายท่านรักษากำลังใจได้ดี แต่ไม่ดีจริง เพราะว่าไม่สามารถที่จะสวดมนต์ได้ สวดแล้วสมาธิจะหลุด ต้องพยายามหัดปรับกำลังใจขึ้นลงให้มีความคล่องตัว เข้าออกได้ตามที่เราต้องการ
ให้พยายามประคองอารมณ์เอาไว้ ดูว่าจะอยู่กับเราได้นานเท่าไร ซักซ้อมบ่อย ๆ ระยะเวลาที่ประคองไว้ได้ก็จะนานขึ้น..นานขึ้น ได้เป็นวัน ได้เป็นอาทิตย์ ได้เป็นเดือน สภาพจิตยิ่งสงบเท่าไร โอกาสที่เราจะชนะกิเลสก็มีมากเท่านั้น ยกเว้นอย่างเดียวว่าไปติดอยู่แค่ความสงบ แล้วไม่คิดจะดิ้นรนทำอย่างอื่น
พระพุทธเจ้าแบ่งคนเป็น ๔ ประเภท
ประเภทที่ ๑ อุคฆฏิตัญญู ฟังหัวข้อธรรมก็บรรลุเลย กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพยากะตา ธัมมา เราฟังแล้วได้แค่ ธัมมา คำเดียว แต่พรหมเทวดาท่านจะรู้ว่า ธรรมที่เป็นกุศลประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ธรรมที่เป็นอกุศลประกอบด้วยอะไรบ้าง ธรรมที่เป็นกลางประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ท่านฟังแล้วเข้าใจ น้อมใจว่าเราจะปฏิบัติตาม ก็บรรลุเลย
ประเภทที่ ๒ วิปจิตัญญู อธิบายขยายข้อความ ถึงจะเข้าใจ
ประเภทที่ ๓ เนยยะ ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน
ประเภทที่ ๔ ปทปรมะ ฉลาดเกินไป ไม่ยอมรับความคิดคนอื่น พูดอะไรเถียงทุกเรื่อง ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว เติมเท่าไรก็เติมไม่ลง อะไร ๆ ก็ของตัวเองดีที่สุด กลายเป็นอัตตวาทุปาทาน..การยึดมั่นในวาทะและตัวตน
แต่ทหารเขาไม่ได้แบ่งแบบนั้น ทหารเขาแบ่งเป็นประเภท
ฉลาดแล้วขยัน..ส่งไปอยู่แนวหน้า ให้ทำงาน
พวกฉลาดแล้วขี้เกียจ..ให้อยู่แนวหลัง คอยวางแผนให้พวกฉลาดแล้วขยันไปทำ
พวกโง่แล้วขี้เกียจ..ให้เอาไปไว้กับพวกฉลาดแล้วขยัน เขาลากจนไปด้วยกันได้
ส่วนพวกโง่แล้วขยัน..บอกว่าให้ยิงทิ้งให้หมด มีแต่จะทำให้หน่วยงานพังเสียหาย
เพราะฉะนั้น..พวกเรากรุณาอย่าเป็นประเภทสุดท้าย ไม่ใช่ว่าไม่ให้ทำอะไรเลย แต่ทำอะไรต้องดูกาลเทศะ กาละคือเวลาที่เหมาะสม เทศะคือสถานที่ที่เหมาะสม
ทำอะไรดูกาละเทศะ พูดอะไรดูกาละเทศะ คิดทุกอย่างที่จะพูดจะทำ แต่อย่าทำทุกอย่างที่เราคิดไว้ ดูความเหมาะสมด้วย ปัญญาไม่ถึงก็ถาม ถ้าปัญญาถึง ตรองดีแล้วว่าใช่แน่ ก็ทำเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วคนไทยเราไม่มีความกล้า ปราศจากภาวะผู้นำ โดยเฉพาะขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยจะถาม
ถ้าขาดความมั่นใจในตนเอง ขอให้รู้ว่าเราขาดสมาธิอย่างมาก อิสลามกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าเรียกร้องทุกอย่าง เพราะว่าสมาธิเขาดีกว่าเรา ที่วัดท่าขนุนนี่ทำวัตรวันละ ๓ รอบ แต่อิสลามละหมาดวันละ ๕ รอบ แค่นี้เขาก็กินเราขาดแล้ว เมื่อสมาธิดี มีความมั่นใจในตัวเอง ความกล้าก็จะเกิด พอพวกเขากล้า เขาก็เรียกร้องเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ส่วนพวกเราสมาธิก็สู้ไม่ได้ สามัคคีก็สู้ไม่ได้ แพ้เขาตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น คนอิสลามสุมหัวรวมกัน ปรึกษาหารือว่าจะทำอย่างไร พอผู้นำบอกอย่างไร ทุกคนทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้น..ถึงแม้คนของเขาเพิ่งฆ่าคนตาย วิ่งเข้ามา พวกเขาก็จะยืนยันว่าคนนี้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เคยไปไหน ทั้งหมู่บ้านพูดเหมือนกันหมด พยานบุคคลเขาจึงเหนือกว่า
อาตมาตีกับพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก ซาบซึ้งดี พอถึงเวลาเขาไปทั้งหมู่บ้าน ไปยืนยันว่าคนของเขาไม่ผิด อาตมากับน้องสองคนไปรุมรังแกพวกเขาสามสิบกว่าคนนั่นเอง..!
ส่วนคนไทยของเรา เวลาเกิดอะไรขึ้น ยืนดูห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ถ่ายคลิปไว้ก่อน ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ก็แยกย้ายกันไป เห็นหรือยังว่าข้อบกพร่องอยู่ตรงไหน ?
วันก่อนฟังอิสลามพูด วิเคราะห์ได้ถึงแก่นมาก เขาบอกว่าที่มาประชุมวันนี้ เพื่อที่จะบอกพี่น้องอิสลามทุกคนว่า โลกยุคปัจจุบันนี้ไม่ใช่โลกของอิสลามเหมือนเมื่อก่อนนี้แล้ว สมัยก่อนความรู้ทุกอย่างเกิดจากโลกอาหรับ แม้กระทั่งคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาการที่ทางโลกตะวันตกยกย่องอย่างมาก ตัวเลขอารบิกก็มาจากอาหรับ ดาราศาสตร์ก็อาหรับ ภูมิศาสตร์ก็อาหรับ แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีอะไรที่คนอิสลามคิดขึ้นมาแล้วเป็นประโยชน์แก่โลกเหมือนสมัยก่อน ในเมื่อโลกยุคนี้ไม่ใช่ยุคของอิสลามแล้ว เราจะทำอย่างไรถึงจะยืนหยัดอยู่ได้ ? แล้วเขาก็บอกมาเป็นข้อ ๆ
ส่วนพวกเรา ศาสนาพุทธ ๒,๖๐๐ กว่าปี มีการวิเคราะห์วิจัยแบบนี้บ้างไหม ? ของเขาเอาพวกที่จบด็อกเตอร์ ๗๐๐ คนประชุมรวมกัน เปลี่ยนยุทธศาสตร์ทุกอาทิตย์ เราไล่เขาไม่ทันหรอก เพราะว่าเราไม่มีความสามัคคีเหมือนเขา พวกเรารักตัวเองมากกว่าส่วนรวม ส่วนใหญ่กล้าคิด กล้าแค้น แต่ไม่กล้าทำ...ก็จบกันแค่นั้น
ถ้าเป็นนักปฏิบัติจริง ๆ ตั้งใจตื่นเวลาไหนก็จะทำได้ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน ถ้าตั้งใจตื่นก็จะตื่นได้ตรงเวลา เพราะว่าเราสั่งตัวเราเองได้
พระพุทธเจ้าท่านสอนศีล สมาธิ ปัญญา แต่จริง ๆ แล้วก็คือ ปัญญา ศีล สมาธิ แปลว่าทุกอย่างต้องขึ้นด้วยปัญญา ต้องรู้คิด รู้พิจารณา
นักปฏิบัติในปัจจุบันโอกาสที่จะพินิจพิจารณาวิปัสสนามีน้อยมาก พวกเราถนัดแต่จับลมหายใจเข้าออก แทนที่จะสะเทินน้ำสะเทินบก ก็ได้แต่น้ำหรือบกอย่างเดียว จึงแย่ตรงที่ถ้าเราเป็นปลาในน้ำ แล้วเต่ามาเล่าว่าบนบกมีอะไร ปลาจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร เพราะฉะนั้น..ควรที่จะทำตัวให้สะเทินน้ำสะเทินบกให้ได้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ ๒๕๖๓ ณ วัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเลและนาทาม)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.