เถรี
17-03-2019, 21:11
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ มีญาติโยมที่ได้รับคำแนะนำในเรื่องของการปฏิบัติแล้วตั้งใจมากเกินไป หันกลับมาปฏิบัติแบบปล่อยวาง แล้วถามว่าเราจะได้อะไรจากการปฏิบัตินั้น ?
ขอให้ทุกคนทราบว่าในเรื่องของการปฏิบัตินั้น เราจะหวังผลอย่างไรก็ตาม หรือว่าอยากได้ผลการปฏิบัติอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องก่อนการลงมือปฏิบัติ คือเราจะคิดเราจะอยากอย่างไรก็ได้ทุกอย่าง แต่เมื่อตอนลงมือปฏิบัติ คือเริ่มเข้าสมาธิ นึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา เราต้องลืมเรื่องความอยากหรือสิ่งที่จะได้จากการปฏิบัติไปเสีย
พูดง่าย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลการปฏิบัติจะเกิดขึ้นอย่างไร จะเกิดขึ้นเมื่อไร...แล้วแต่ ก็คือไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้น เพราะว่าถ้าเราอยากได้ว่าปฏิบัติแล้วต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แปลว่าสภาพจิตของเรากำลังฟุ้งซ่าน หาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ ในเมื่อฟุ้งซ่านหาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ เราก็จะพลอยไม่ได้ผลในการปฏิบัติไปด้วย
จะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นพื้นฐานขั้นต้นของการปฏิบัติ แต่เราก็มักจะไม่ได้ศึกษากัน หรือว่าศึกษาตำราที่ไม่ได้เขียนถึงเอาไว้ จึงต้องเสียเวลามาสอบถาม เสียเวลาในการทำผิดทำพลาด ซึ่งถ้าช่วงเวลาที่เรายังทำผิดทำพลาดอยู่แล้วเกิดเสียชีวิตลงไป ก็เท่ากับว่าเราขาดทุน ไม่ได้ความดีในส่วนที่จะพึงได้ แต่ว่าในเรื่องของการศึกษาตำราก็ยังคงมีโทษ คือถ้าเราศึกษาเป็นแนวทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าศึกษาแล้วไปยึดมั่นถือมั่น ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ก็จะกลายเป็นโทษมากกว่าประโยชน์
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ มีญาติโยมที่ได้รับคำแนะนำในเรื่องของการปฏิบัติแล้วตั้งใจมากเกินไป หันกลับมาปฏิบัติแบบปล่อยวาง แล้วถามว่าเราจะได้อะไรจากการปฏิบัตินั้น ?
ขอให้ทุกคนทราบว่าในเรื่องของการปฏิบัตินั้น เราจะหวังผลอย่างไรก็ตาม หรือว่าอยากได้ผลการปฏิบัติอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องก่อนการลงมือปฏิบัติ คือเราจะคิดเราจะอยากอย่างไรก็ได้ทุกอย่าง แต่เมื่อตอนลงมือปฏิบัติ คือเริ่มเข้าสมาธิ นึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา เราต้องลืมเรื่องความอยากหรือสิ่งที่จะได้จากการปฏิบัติไปเสีย
พูดง่าย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลการปฏิบัติจะเกิดขึ้นอย่างไร จะเกิดขึ้นเมื่อไร...แล้วแต่ ก็คือไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้น เพราะว่าถ้าเราอยากได้ว่าปฏิบัติแล้วต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แปลว่าสภาพจิตของเรากำลังฟุ้งซ่าน หาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ ในเมื่อฟุ้งซ่านหาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ เราก็จะพลอยไม่ได้ผลในการปฏิบัติไปด้วย
จะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นพื้นฐานขั้นต้นของการปฏิบัติ แต่เราก็มักจะไม่ได้ศึกษากัน หรือว่าศึกษาตำราที่ไม่ได้เขียนถึงเอาไว้ จึงต้องเสียเวลามาสอบถาม เสียเวลาในการทำผิดทำพลาด ซึ่งถ้าช่วงเวลาที่เรายังทำผิดทำพลาดอยู่แล้วเกิดเสียชีวิตลงไป ก็เท่ากับว่าเราขาดทุน ไม่ได้ความดีในส่วนที่จะพึงได้ แต่ว่าในเรื่องของการศึกษาตำราก็ยังคงมีโทษ คือถ้าเราศึกษาเป็นแนวทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าศึกษาแล้วไปยึดมั่นถือมั่น ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ก็จะกลายเป็นโทษมากกว่าประโยชน์