PDA

View Full Version : เก็บตกงานสงกรานต์ วันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๐


เถรี
28-04-2017, 18:56
คำว่า สงกรานต์ เป็นภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า ยกผ่าน ก้าวผ่าน เปลี่ยนผ่าน ก็คือการที่พระอาทิตย์ยกย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ซึ่งเป็นช่วงที่บ้านเราจะร้อนที่สุด โบราณเขามีวิธีคลายร้อนด้วยการจัดเทศกาลสงกรานต์ขึ้นมา เรียกง่าย ๆ ว่าเอาน้ำมาดับร้อนกัน

ทางด้านประเทศอินเดียก็มีสงกรานต์ แต่แทนที่จะสาดน้ำแบบบ้านเรา บ้านเขาหาน้ำยาก เขาก็เอาสีมาสาดกัน อาตมาก็ยังแปลกใจว่า แล้วจะเอาน้ำที่ไหนไปล้าง ?

ถ้าท่านใดเคยไปอินเดีย เนปาล จะเห็นว่าบรรดาสีฝุ่นของเขานั้น เป็นสีที่สดใส แสบซ่าสุด ๆ แดงก็คือแดงจริง ๆ เขียวก็คือเขียวจริง ๆ ที่บอกว่าแดง ๆ ของบ้านเรานี่ยังแดงไม่จริง เป็นลูกเป็นหลานของสีแดงอินเดียไปเลย

คนอินเดียใช้สีแดงในการบูชาเทพเจ้า สีแดงนั้นคนไทยเรียกว่า ชาด คำว่าชาดมีอยู่ในภาษิตจีนว่า ใกล้ชาดเป็นแดง ใกล้หมึกเป็นดำ พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ใกล้คนดีก็เป็นคนดี ใกล้คนชั่วก็เป็นคนชั่ว อยู่ในลักษณะว่า คบคนพาล พาลหาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

ประเทศเรารับวัฒนธรรมส่วนใหญ่มาจากอินเดีย จากการเปิดเส้นทางค้าขายกันตั้งแต่โบราณ เพราะว่าคนอินเดียนิยมมาค้าขายที่สุวรรณภูมิ มีคำล่ำลือว่าสุวรรณภูมินั้นแผ่นดินเป็นทองคำ แม้กระทั่งในเรื่องของพระมหาชนก ซึ่งเป็นอดีตชาติของพระพุทธเจ้า ก็ลงเรือมาค้าขายที่สุวรรณภูมิ ก็แปลว่านานกว่า ๒๖๐๐ ปีแล้วที่อินเดียมีการติดต่อค้าขายกับสุวรรณภูมิ

เถรี
28-04-2017, 18:58
ช่วงวันสงกรานต์ปีนี้ รัฐบาลก็พยายามที่จะหาทางรักษาชีวิตของชาวบ้านเอาไว้ ด้วยการออกกฎไม่ให้นั่งท้ายรถกระบะออกมา แต่ชาวบ้านประท้วงบอกว่าอยากตาย เพราะฉะนั้นอย่าห้าม ท้ายสุดรัฐบาลทนไม่ไหว ต้องผ่อนผันให้ไปตายตามที่อยาก...!

เราจะเห็นได้ว่าสมัยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังทรงพระชนมชีพอยู่ พระองค์ท่านจะระมัดระวังมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทรงคิด สิ่งที่ทรงตรัส สิ่งที่ทรงกระทำ พระองค์ท่านตรัสว่า ฝรั่งบอกว่า The King can do no wrong ซึ่งความหมายแท้ ๆ ของฝรั่ง ก็คือ พระเจ้าแผ่นดินทำอะไรก็ไม่ผิด แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงแปลได้ลึกซึ้งกว่านั้น พระองค์ท่านแปลว่า พระเจ้าแผ่นดินห้ามทำอะไรผิด เพราะว่าสิ่งที่พระองค์ทำนั้นกระทบต่อคนทั้งประเทศ แต่รัฐบาลของเราทำอะไรโดยไม่ค่อยคิดถึงผลกระทบต่อส่วนรวม จึงต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่งอยู่เรื่อย

เถรี
28-04-2017, 19:02
ท่านใดที่ตั้งใจใส่บาตรวันสงกรานต์ ถ้าเอาข้าวปลาอาหารมาก็ให้ใส่บาตรไปเลย อย่าไปใส่ตอนพระสวดมนต์ ตอนพระสวดมนต์ให้เราตั้งใจ ตั้งสมาธิ ฟังพระสวดมนต์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา อย่าไปคลายสมาธิออกมา ด้วยความห่วงความกังวลว่าจะต้องใส่บาตร

การใส่บาตรเวลาสวดมนต์เป็นความเชื่อผิด ๆ ของคนเก่าคนแก่ เขาเชื่อว่าถ้าพระขึ้นพาหุงฯ เมื่อไรให้ใส่บาตร เพราะเขาเชื่อว่าพระชวนหุงข้าว..! ในเมื่อเป็นความเชื่อที่ผิด ๆ เราก็ควรที่จะแก้ไขให้ถูก

เถรี
29-04-2017, 08:55
สำหรับในช่วงสงกรานต์แล้ว ในสมัยโบราณก็จะมีการเตรียมอาหารเอาไว้สำหรับทำบุญใส่บาตร โดยเฉพาะในส่วนของขนม ขนมที่ทำยาก ก็คือ กาละแม

สมัยก่อนการกวนกาละแม เป็นเวลาที่ชายหนุ่มหญิงสาวพบกันได้ โดยที่พ่อแม่ไม่กีดกัน เพราะว่าการกวนกาละแมต้องใช้กะทิมาก ต้องผ่ามะพร้าว ขูดมะพร้าวเป็นร้อย ๆ ลูกเพื่อที่จะเอากะทิไปเคี่ยวกับข้าวเหนียว กวนจนกลายเป็นกาละแม สมัยนี้กินกันเป็นอย่างเดียว ไม่รู้ว่าเขาทำกันยากแค่ไหน ก็เป็นโอกาสที่หนุ่ม ๆ จะมาอาสาปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว คั้นกะทิ แล้วก็ใช้แรงงานในการกวนกาละแม โดยมีสาว ๆ คอยชี้นิ้วกำกับอยู่ใกล้ ๆ

ลักษณะแบบนั้นเขาบอกว่ามีกำลังใจทำงาน ถ้าถามว่ามีกำลังใจระดับไหน ? ไม่รู้เหมือนกัน กวนกันยันตายไปข้างหนึ่งก็คงจะได้กระมัง ?

เถรี
29-04-2017, 08:57
(มีโยมเอาดอกว่านนางคุ้มมาถวายพระ) ไปเอาว่านนางคุ้มมาหมดแล้วใครจะเฝ้าบ้านให้ ? ว่านนางคุ้มออกดอกเขาว่ากำลังขลัง เฝ้าบ้านได้ เล่นตัดมาไหว้พระจนเกลี้ยง..!

เถรี
29-04-2017, 09:00
นาน ๆ ญาติโยมจะได้เห็นพระวัดท่าขนุนอยู่กันเกือบจะครบหน้า นับเอาเองก็แล้วกันว่ามีเท่าไร ปกติแล้วก็ไปเรียนสักครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เขาขอไปเป็นเจ้าอาวาสก็ไปเป็นเจ้าอาวาส

ปกติช่วงออกพรรษา วัดต่างจังหวัดจะหาพระครบ ๙ รูปนี่ยากสุด ๆ จะมีให้ครบองค์สงฆ์สัก ๔ - ๕ รูปก็ยากแล้ว ส่วนใหญ่จะเหลือแต่เจ้าอาวาส หรือไม่ก็เจ้าอาวาสอยู่กับสามเณรไม่กี่รูป

แต่วัดท่าขนุนของเรานั้น ถ้าท่านจะปฏิบัติธรรมก็มีให้ ถ้าท่านจะเรียนหนังสือเจ้าอาวาสก็ส่ง ถามว่าส่งถึงระดับไหน ? มีปัญญาเรียนถึงไหนก็เรียนไปเถอะ ตอนนี้วัดท่าขนุนมีด็อกเตอร์ ทั้งพระทั้งแม่ชีแล้ว ๓ รูป ว่าที่ด็อกเตอร์อีก ๓ ส่วนปริญญาโทตอนนี้ กำลังเรียนอยู่ ๖ รวมเด็กวัดอีก ๑ ก็เป็น ๗

ลองไปถามดูมีวัดไหนที่เด็กวัดเรียนปริญญาโทบ้าง ? เด็กเลี้ยงหมาวัดท่าขนุนความรู้ต้องมากพอนะ ไม่อย่างนั้นสู้หมาไม่ได้ ก็เลยต้องเรียนเยอะหน่อย...!

ถ้าใครไม่มีเงินเรียนหนังสือก็ลงทุนมาบวช เพราะว่าวัดนี้บวชฟรี ส่งเรียนจบแล้วจะสึกไปทำงานก็ไม่ได้ว่าอะไร นึกเสียว่ามาพักผ่อน ได้ทุนเรียนอีกต่างหาก กติกาดีเลิศขนาดนี้ถึงได้อยู่กันเยอะ

เถรี
29-04-2017, 09:20
(ขอศีล ๘ หรือครับ ?) ไม่ต้อง...ศีล ๕ ปกติเลย ไม่ใช่วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอย่าไปบังคับเขาถืออุโบสถ

ช่วงสงกรานต์ไม่ใช่วันพระใหญ่อย่างมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา เพราะฉะนั้น...ขอแค่ศีล ๕ ก็พอ ไม่ต้องศีลอุโบสถ แต่ว่าญาติโยมที่ตั้งใจรักษาศีล ๘ ไปแล้ว เราก็รักษาศีล ๘ ของเรา พระท่านให้ศีล ๕ มาก็รับ แต่ปฏิบัติเกินเอาไว้ก็แล้วกัน

ถามว่าศีลอุโบสถกับศีล ๘ ต่างกันตรงไหน ? ไม่ได้ต่างกันในเนื้อหา เพราะว่ารักษา ๘ ข้อเท่ากัน แต่ศีลอุโบสถรักษาแค่ ๑ วันกับ ๑ คืน ส่วนศีล ๘ รักษาไม่จำกัดวัน อยู่ที่เราพอใจว่าต้องการกี่วัน

เถรี
29-04-2017, 09:25
สงกรานต์เป็นประเพณีของทางด้านฮินดู-พราหมณ์ เข้าสู่เมืองไทยมาเนื่องจากว่าบรรดาพราหมณ์ต่าง ๆ ที่ติดเรือ ติดขบวนเกวียนมาค้าขาย มาถึงก็แสดงความรู้ความสามารถให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านเห็น ท่านก็เลี้ยงไว้เป็นที่ปรึกษาราชการ โดยเฉพาะเป็นที่ปรึกษาด้านพิธีกรรมต่าง ๆ นำเอาความเชื่อ ความเคยชินของตนเองเมื่อสมัยที่อยู่ประเทศอินเดียเป็นพันปีมาเผยแผ่ที่เมืองไทย ไทยเราก็ได้รับเอาวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ เข้ามามาก ไม่ว่าจะเป็นสงกรานต์ ลอยกระทง พิธีแรกนาขวัญ พิธีบรมราชาภิเษก พิธีโล้ชิงช้า เหล่านี้เป็นต้น

เมื่อมาถึงสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ท่านเห็นว่าพิธีพราหมณ์อย่างเดียวเกิดประโยชน์น้อย ก็เลยปรับด้วยการเอาพิธีพุทธเข้ามาร่วม ดังนั้นจึงมีการเจริญพระพุทธมนต์เช้า-เย็น มีการทำบุญใส่บาตรก่อนที่จะไปสาดน้ำสงกรานต์กัน นับว่าเป็นกุศโลบายอันยอดเยี่ยมของพระองค์ท่าน ที่ปรับเอาพิธีพราหมณ์กับพุทธให้เข้ากันได้ โดยไม่ขัดกัน

พอมาถึงปัจจุบัน พวกเราส่วนใหญ่ก็คิดว่าเป็นพิธีพุทธ หรือว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ขอบอกว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีไทยยุคหลัง ๆ นี้เอง ก่อนหน้านั้นก็ยังเป็นประเพณีของพราหมณ์ ของฮินดูอยู่

เถรี
29-04-2017, 09:32
คำว่า ฮินดู นั้นมาจากแม่น้ำสายหลัก ก็คือแม่น้ำสินธุ คราวนี้พอถึงเวลาฝรั่งไปถาม แขกก็บอกว่าสินธุ แต่คราวนี้แขกออกเสียง ธุ เป็น ดุ ก็เลยมีทั้งอังกฤษที่เขียนออกมาว่า ฮินดู ฮินธุ สินดู สินธุ มีกระทั่งอินดุส อินดัส คำเดียวกันหมด คนไทยเรียกง่าย ๆ ว่า ฮินดู

ขอให้รู้ว่าฮินดูก็คือพวกพราหมณ์ที่ถือศาสนาพราหมณ์นั่นเอง เพียงแต่ว่าคำทั้งหลายเหล่านี้กร่อนไป เปลี่ยนไป แปลงไปตามสภาพสังคม รากศัพท์จริง ๆ มาจากคำว่าสินธุ ก็คือเป็นอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ตั้งแต่ ๔,๐๐๐ กว่าปีมาแล้วนั่นเอง

เถรี
02-05-2017, 10:30
ตำราหมอดูที่สืบสายมาจากอาณาจักรพุกาม จะต้องใช้จุลศักราชถึงจะดูแม่น ถ้าหากว่าเป็นตำราไทยที่สืบสายมาจากอินเดียต้องใช้อะไร ? ก็ต้องใช้วัน เดือน ปีเกิดที่เป็นไปตามสุริยคติ ซึ่งก็คือนับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ เป็นวันเปลี่ยนปีเกิด ถ้าเกิดกลางคืนต้องดูว่าได้อรุณแล้วหรือไม่ ? สมมติว่าเกิดตี ๕ เมื่อคืนนี้ โบราณยังนับเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน โบราณจะนับ ๑๔ เมษายนก็ต่อเมื่อฟ้าสว่างได้อรุณแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยทำให้ตำราโหราศาสตร์นั้น จะแม่นก็ต่อเมื่อเราบอก วัน เดือน ปีเกิด ที่ถูกต้อง ยกเว้นพวกมาตรฐานโลกอย่างอาตมาก็คือเกิดตามวัน ตามเวลาของเขาไม่มีผิดพลาด

อาตมานี่แม่คลอดตอนประมาณบ่ายโมงครึ่งที่กลางนา แล้วก็ใส่หาบแบกกลับบ้านมา แสดงว่าคนโบราณเก่ง อาตมาก็เลยเป็นนายปันถก หรือนายปันถกะ แปลว่ากลางทาง แบบเดียวกับนางสาวอันตรา อันตราแปลว่าระหว่างกลาง อันตรา จะ ราชะคะหัง อันตรา จะ นาลันทัง แปลว่า ในระหว่างทางจากราชคฤห์ไปนาลันทา

เถรี
02-05-2017, 10:35
ต่างคนก็ต่างแก่กันหมด ทำไมต้องแก่ด้วย ? จะตายก็ไม่ว่า ให้หนุ่ม ๆ อยู่ไม่ได้หรือ ? แก่แล้วลำบากมาก

พระยายมราชท่านบอกว่า ความแก่เป็นอีเมล์เตือนภัยของท่าน เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นอีเมล์เตือนภัย ๑ ฉบับ ผมหงอกเป็นอีเมล์เตือนภัย ๑ ฉบับ ฟันร่วงเป็นอีเมล์เตือนภัย ๑ ฉบับ สมัยนี้รู้สึกว่าท่านจะส่งไลน์ตลอดเวลา แต่เราย้อมผม ใส่ฟันปลอม เลยไม่รู้สักทีว่าท่านเตือนมา

มีคนหัวหมอไปต่อว่าท่าน บอกว่าท่านทำงานเป็นพระยายมภาษาอะไร รู้อยู่ว่าฉันจะตายก็เตือนให้ฉันรู้ล่วงหน้าบ้างสิ ท่านบอกว่าท่านเตือนตลอดเวลา แต่แกโง่เอง ท่านก็บอกให้ฟังว่าเตือนอย่างไร ผมหงอก หูฝ้า ตาฟาง หลังค่อม ฟันหลุด เจ็บไข้ได้ป่วย ลูกคนนั้นตาย หลานคนนี้ตาย เพื่อนคนโน้นตาย แต่เอ็งไม่เคยคิดสักทีว่าตัวเองจะตาย

เถรี
02-05-2017, 10:39
ท่านใดมีหนังสือสวดมนต์วัดท่าขนุนเล่มเก่าที่หน้าปกเป็นพระพุทธรูป ด้านหลังเป็น ๖๐ ปี สมเด็จพระเทพ ฯ รุ่นนั้นเก็บให้ดี ๆ ของทางวัดหมดไปแล้ว ต่อไปจะเป็นของมีราคาแพง

ที่เห็นอยู่ข้าง ๆ นี้ ๒๕๐ เล่ม ทางชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต โดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ถวายให้เป็นสมบัติของวัดท่าขนุน ทั้ง ๆ ที่คือหนังสือสวดมนต์ของวัดท่าขนุนนั่นแหละ แต่ทางชมรมขอซื้อแล้วถวายเอาไว้กับวัด เพื่อให้ญาติโยมที่มาวัดได้มีหนังสือสวดมนต์ไว้ใช้กัน

เถรี
02-05-2017, 10:50
ข้าวปลูกเองหรือจ๊ะ ? ที่ดูว่าข้าวโยมปลูกเอง เพราะว่าเม็ดสั้น ๆ (ซื้อมาเจ้าค่ะ) ซื้อในหมู่บ้านใช่ไหม ? หมู่บ้านก็คือปลูกเองนั่นแหละ โบราณเรียกว่าข้าวเม็ดมะเขือ เม็ดข้าวสั้น ๆ

สมัยอาตมาเด็ก ๆ ถ้าไม่หาข้าวเม็ดมะเขือก็หาหญ้าตีนตุ๊กแกเอามาเลี้ยงนกเขา หญ้าตีนตุ๊กแก จริง ๆ แล้วเป็นอาหารได้ เพียงแต่ว่าต้องค่อย ๆ เอามาสี เอามาฝัด ถึงจะได้จำนวนมากพอ เพราะว่าหญ้าตีนตุ๊กแก ๗ - ๘ เม็ด ถึงจะเท่ากับข้าวสารเม็ดหนึ่ง เอามาขยี้ เป่าเปลือกทิ้งแล้วก็เอาเม็ดไปให้นกเขากิน ซึ่งเวลานกเจอเข้าก็จะมีความสุขมาก กินไปก็คูไป

ถ้าหากว่าเป็นนกปรอด ไม่ว่าจะเป็นนกปรอดสวนหรือปรอดหัวจุก สมัยนี้เรียกกันง่าย ๆ ว่านกกรงหัวจุก พวกนั้นต้องหาไข่มดแดงหรือปลวกให้กิน ถ้าถามว่าไม่รู้หรือว่าบาป ? รู้ แต่ตอนเด็ก ๆ อาตมาคิดว่าเลี้ยงนกตัวหนึ่ง อย่างน้อย ๆ ก็ต้องได้บุญบ้าง

มารู้ทีหลังว่า การเลี้ยงสัตว์ถ้าไม่เคยทำความดีอื่นเลย จะเกิดเป็นเวมาณิกเปรต ก็คือเป็นเปรตที่มีสมบัติเหมือนเทวดานางฟ้า แต่ว่าออกจากวิมานไม่ได้ รอบวิมานมีจักรกรดหมุนติ้วอยู่ โผล่ไปเมื่อไรก็หัวขาด เท่ากับโดนกักขังเหมือนกัน

เถรี
02-05-2017, 10:55
วันสงกรานต์คือวันที่ ๑๓ มหาสงกรานต์คือวันที่ ๑๔ วันสังขารล่องคือวันที่ ๑๕ บางคนเรียกวันสังขารล่อง ว่าวันเนาว์ เนาว์ก็คือคงอยู่ อยู่ตัวแล้ว บางคนไม่เข้าใจภาษาเขาไปเรียกว่าวันเน่า เสียหายไปเลย

เมื่อพระเทศน์เสร็จก็มีการเจริญพุทธมนต์ตามปกติ ซึ่งพระเณรเรียกกันง่าย ๆ ว่าบทถวายพรพระ บทถวายพรพระประกอบไปด้วยการแสดงความนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ นะโม ฯ

ตามมาด้วยบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ

บทแห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ๘ ประการขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่า พาหุงฯ ๘ บท

แล้วก็ต่อด้วยมหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่า ชัยมงคลคาถา เป็นการแสดงออกซึ่งความกรุณาอันยิ่งใหญ่

นาโถ พระผู้เป็นที่พึ่ง
มหากรุณิโก ประกอบด้วยความกรุณาอันยิ่งใหญ่
หิตายะ ก่อประโยชน์ให้
สัพพะปาณินัง สรรพชีวิตทั้งหลาย

ก็คือการสรรเสริญคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นต้นมา

แล้วก็ลงท้ายด้วย ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง ก็คือ สรรพมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน คราวนี้เราฟังแล้วแปลไม่ออก ฟังเอาขลัง ๆ อย่างเดียว ถ้าหากว่าจะแปลออก จะเกิดความซาบซึ้งในทั้งอรรถรส ทั้งภาษาและก็ในคุณพระรัตนตรัยอีกด้วย

เถรี
02-05-2017, 10:56
รับสายสิญจน์ไปแล้ว พระใหม่อย่าลืม จะรับของจะอะไรให้ลอดใต้สายสิญจน์เสมอ เพราะว่าสายสิญจน์ถ้าไม่โยงมาจากพระพุทธรูป ก็โยงมาจากผู้ตาย การรับข้ามสายสิญจน์ก็คือรับข้ามเศียรพระพุทธรูป หรือรับข้ามหัวผู้ตาย ถือว่าเสียมารยาท พระใหม่ที่ยังไม่รู้ก็ปฏิบัติเสียให้ถูกต้องด้วย

เถรี
03-05-2017, 16:10
ปีที่แล้วเป็นสัปตศก ปีนี้เป็นอัฐศก อาตมาก็เลยสงสัยว่าสัปตเป็นภาษาสันสกฤต แต่อัฐเป็นภาษาบาลี ตกลงว่าเขาใช้ภาษาอะไรกันแน่ ?

วันนี้ถ้านับเป็นการตามแบบโบราณ เรียกว่า วันสังขารล่อง (๑๕ เมษายน) สังขารในที่นี้คือร่างกายของเรา เขาเชื่อกันว่าวันนี้เป็นวันที่ทำบุญแล้วจะถึงตรงคนตายเลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปขายตรงกันตอนไหน ?

ฉะนั้น...โบราณก็เลยนิยมทำบุญกันในวันนี้ ถ้าเป็นทางด้านเหนือเรียกว่า วันสังขารล่อง หรือวันพญาวัน เรื่องพวกนี้ช่วยกันจำ ๆ บ้าง เดี๋ยวอาตมาตายแล้วไม่มีใครมาคอยบอกอีก

เถรี
03-05-2017, 16:11
(มีโยมมาถวายอาหาร) กองไว้ตรงนั้นแหละ ที่นี่เขาไม่เสียเวลามารับหรอก วางลงก็พอ มาถึงวัดก็เป็นของวัดแล้ว ไม่ต้องประเคนหรอก แถวยาวตั้งกิโลหนึ่งจะให้ค่อย ๆ มารับ

ทำบุญเราได้บุญตั้งแต่คิดจะทำแล้ว ไม่ใช่ว่าพระท่านต้องรับกับมือถึงจะได้บุญ หรือพระท่านต้องฉันของเราถึงจะได้บุญ เราได้บุญตั้งแต่คิดจะทำแล้ว

เถรี
03-05-2017, 16:12
สมัยก่อนอาตมาอยู่ดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่วัดเทพศิรินทราวาส ๔ ปี เวลาญาติโยมถวายสังฆทาน หลวงปู่ท่านก็จะให้พร ก็ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านป่วยหนัก เสียงหายหมด ท่านก็ยังอุตส่าห์เมตตาให้พร อาตมาขออนุญาตบันทึกเสียงท่านเพื่อเปิดให้พรแทน โดยให้หลวงปู่นั่งเฉย ๆ ท่านไม่ยอม

ท่านบอกว่า เปิดเทปไม่ชื่นใจเหมือนเสียงตัวจริง มีโยมอยู่ท่านหนึ่งมา หลวงปู่ท่านให้พรไป ๓ บทติดกัน อาตมาก็สงสัย ปกติก็เห็นท่านให้บทสั้น ๆ บทเดียว พอโยมกลับไปก็กราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมให้พรคนนั้นยาวมาก ท่านบอกว่าคนนั้นมีนิสัยพ่อค้า มาทำบุญแล้วถ้าให้พรสั้น ๆ เขาจะรู้สึกว่าขาดทุน..! สันดานคนอย่างนี้ก็มีด้วย

เถรี
03-05-2017, 16:19
ใคร ๆ บอกว่าหลวงปู่มหาอำพันเป็นพระสุกขวิปัสสโก คำว่าสุกขวิปัสสโกก็คือ บรรลุมรรคผลโดยไม่มีความสามารถพิเศษ แต่อาตมาเห็นแล้วหลวงปู่ก็พอ ๆ กับพระอภิญญานั่นแหละ ตอนหลังถึงได้เข้าใจว่า พระสุกขวิปัสสโกนั้นเป็นวิสัยเดิมที่ปฏิบัติมา อย่างเช่นว่าเป็นเด็กเรียนอักษรศาสตร์มา จะให้มีความสามารถมากมายเหมือนพวกจบพลศึกษามาย่อมเป็นไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแต่ว่าท่านจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น

เพราะว่าในเรื่องของฤทธิ์นั้น ส่วนของอภิญญา ๕ เป็นแค่วิกุพพนาฤทธิ์ ๑ ใน ๑๐ อย่างเท่านั้น ยังมีอธิษฐานฤทธิ์ ฌานฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ซึ่งสามารถแสดงออกได้ใกล้เคียงกับผู้ที่ปฏิบัติอยู่ในกสิณ ๑๐ เหมือนกัน ถึงเวลาลูกศิษย์ทำอะไรอยู่ที่ไหน หลวงปู่ท่านสามารถบอกได้ เล่าให้อาตมาฟังแล้วก็บอกให้ไปแอบดูว่าเป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่ ? อาตมาพิสูจน์ดูแล้วเป็นตามที่หลวงปู่บอกทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ท่านก็นอนอยู่ที่กุฏิเฉย ๆ นั่นแหละ เพราะว่าป่วยไปไหนไม่ได้ แต่ใคร ทำอะไร ที่ไหน ท่านบอกถูกหมด

เถรี
03-05-2017, 16:21
การรู้เห็นต่าง ๆ เป็นของแถมในการปฏิบัติธรรม และเป็นของแถมที่บุคคลซึ่งขาดสติก็จะเสียมากกว่าดี เพราะว่าเรามักจะมั่นใจว่าเราเห็น เราถึงเชื่อ ในเมื่อเราเห็น เราถึงเชื่อ เราก็จะไม่ฟังใครเวลาเขาเตือน แล้วการรู้เห็นก็ยังมีการปรุงแต่งหลอกลวงกันได้

เราจะเห็นว่าหลวงพ่อท่านนั้นให้หวยมาถูก ๓ งวดติดกัน ให้หวยมาถูก ๗ งวดติดกัน งวดต่อไปเจ๊ง...เรียบร้อย ก็เพราะว่าทันทีที่สภาพจิตของตนเองไม่ผ่องใส แทนที่จะปฏิบัติเพื่อความสงบ ก็กลายเป็นปฏิบัติเพื่อไปดูหวย การรู้เห็นต่าง ๆ ก็หายไป เพราะว่าเวลาจิตสงบเหมือนกับน้ำที่นิ่ง สามารถสะท้อนให้เห็นเงาของสิ่งต่าง ๆ รอบข้างอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากว่าน้ำกระเพื่อม ไม่นิ่ง สิ่งทั้งหลายที่เรารู้เห็นก็ไม่สามารถที่จะรู้เห็นได้อีก

เป็นเรื่องที่พาให้พระเสียมามากต่อมากแล้ว เพราะว่าตอนแรกก็ปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ แต่พอถึงเวลาเห็นโน่น เห็นนี่ ก็ เที่ยวบอกชาวบ้านเขา มีคนเลื่อมใสศรัทธา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไหลมาเทมาก็โดนกิเลสท่วมทับใจ

รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น ก็เริ่มทำสิ่งที่นอกธรรมนอกวินัย เมื่อทำสิ่งที่นอกพระธรรมวินัย ความรู้ความสามารถพิเศษที่มีอยู่สูญหายไป เพราะว่ากำลังใจของตนเองไม่สะอาดแล้ว ก็กลายเป็นว่า เราเสียพระที่ควรจะเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปอย่างน่าเสียดาย

เถรี
03-05-2017, 17:37
คนทองผาภูมิเขาว่าอาตมาทำไมไม่โฆษณาว่าวัตถุมงคลดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ คนจะได้เลื่อมใสศรัทธา อาตมาบอกไปว่าไม่โฆษณาก็ไม่มีจะแจกแล้ว นี่จะไปโฆษณาให้ตัวเองเดือดร้อนทำไม ?

บางรายก็ถามว่าเมื่อไรพระอาจารย์จะพาไปทัวร์วัดนั้น ไปไหว้พระวัดนี้ อาตมาบอกว่าอาตมาสร้างพระไว้ในวัดตั้งหลายองค์ อยากจะไหว้ก็มา เรื่องอะไรต้องเสียเงินไปไหว้พระวัดอื่นไกล ๆ เป็นเรื่องที่แปลกดีเหมือนกัน คนต่างจังหวัดตะเกียกตะกายมาเที่ยวทองผาภูมิ แต่คนทองผาภูมิกลับตะกายไปเที่ยวที่อื่น

ประมาณเดือนหนึ่งสองครั้ง จะมีการจัดทัวร์เพื่อไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ๓ วัน ๕ วัน ซึ่งเรื่องพวกนี้ ถึงเวลาแล้วพระจะรู้ เพราะว่าพอไปบิณฑบาตแล้วโยมหายไป แทนที่จะใส่บาตรก็กลายเป็นปิดบ้าน ถ้าเห็นปิดบ้านสักสองรายสามรายติดกัน ก็เป็นอันทราบว่าโยมไปเที่ยวกัน ซึ่งความจริงการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าช่วยให้มีเงินทองหมุนเวียน เศรษฐกิจจะได้สะพัดขึ้น แต่ว่าอันตราย ยิ่งเดินทางไกลมากเท่าไร โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็มีมากเท่านั้น

ถ้าวัตถุประสงค์ของเราแค่ตั้งใจไปไหว้พระ อาตมายืนยันว่าถ้าไหว้พระจริง ๆ พระที่บ้านเราก็ได้ ตั้งใจไหว้ ตั้งใจนึกถึงจริง ๆ ก็ถึงได้ทุกองค์

เถรี
03-05-2017, 17:38
แต่โดยปกติแล้วพวกเราความเลื่อมใสศรัทธายังมีน้อย เรามานึกดูว่าปัจจุบันนี้การเข้าเฝ้าเจ้าพระยามหากษัตริย์ต้องผ่านขั้นตอนมากมายมหาศาล แจ้งความจำนงไปแล้วยังไม่รู้ว่าจะได้เข้าเฝ้าหรือไม่ ? แต่เรามีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ทุกเวลา

โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุนนี่ไม่ได้ปิดประตูโบสถ์ใส่หน้า ไม่ได้ปิดประตูศาลาใส่หน้า ถึงเวลาสามารถเข้าไปไหว้ได้เพราะว่าเปิดทุกวัน สรุปว่าโอกาสในการเฝ้าพระพุทธเจ้ามีมาก แต่พวกเรากลับไม่ค่อยจะเฝ้าพระพุทธเจ้ากัน

เถรี
03-05-2017, 17:41
วันก่อนช่างที่มาทำงานถามว่า "อาจารย์...วัตถุมงคลหมดหรือยัง ?" บอกว่าจัดงานยังไม่ถึงครึ่งเลย หมดไปแล้ว วัตถุมงคลวัดท่าขนุนนี่เป็นที่อเน็จอนาถมาก ขนาดเจ้าอาวาสยังต้องรอโยมถวายถึงจะมี

วัตถุมงคล วัตถุประสงค์แรกแต่ดั้งเดิมเลย ก็คือ สร้างขึ้นเพื่อให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ลำดับต่อไป ก็คือ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะพึงมีพึงเกิดกับบุคคลที่ใช้วัตถุมงคลนั้น ๆ แต่ว่าส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าวัตถุประสงค์อันดับแรกกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืม มาถึงก็เลือกวัตถุประสงค์อื่น ๆ แทน

ต้องการมหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน โชคลาภ เมตตา ค้าขาย สารพัด มาถามอาตมาบอกว่าอย่างไหนเหนียว ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ แล้วโชคลาภล่ะ ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ ค้าขายล่ะ ? ก็ผ้ายันต์นี่แหละ ถามว่าได้ทุกอย่างเลยหรือ ? ก็บารมีพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า อัปปมาโณ หาประมาณไม่ได้ ไม่ได้ทุกอย่างแล้วจะได้อะไร

ความจริงคุณของพระพุทธเจ้ามีอยู่ในทุกอณูของอากาศ เพียงแต่ว่าเราสามารถรับได้หรือไม่เท่านั้น ถ้าจิตประกอบไปด้วยศรัทธาเลื่อมใสมาก สามารถรับได้จริง ๆ ไม่ต้องมีวัตถุมงคลก็ได้ เพียงแต่ว่าถ้าท่านยังทำไม่ได้ ก็อาศัยวัตถุมงคลเป็นเครื่องรับแทน แต่เมื่อรับมาแล้วส่งต่อ เราเองมีเครื่องรับที่ดีเท่าไรที่จะไปรับช่วงมา ?

เถรี
03-05-2017, 17:47
เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่น่าสงสารมาก ประชากรอดตายไปมากต่อมากด้วยกัน แต่รัฐบาลไม่สนใจในความเดือดร้อนของชาวบ้านเพราะว่าตัวเองไม่ได้อด พวกเขาพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารแบบบ้าคลั่ง เพราะว่าเกาหลีใต้ไม่ได้คิดจะรบด้วย

เกาหลีเหนือสร้างเขื่อนใหญ่ เกาหลีใต้ต้องสร้างเขื่อนที่ใหญ่ยิ่งกว่า ถามว่าทำไม ? เผื่อว่าเกาหลีเหนือปล่อยน้ำมาท่วม เกาหลีใต้ก็เปิดเขื่อนรับ ทำให้ทรัพยากรโลกสูญหายไปมากต่อมาก สูญเสียไปมากต่อมาก เนื่องจากมีผู้นำที่สิ้นสติ ซึ่งความจริงแล้ว ถ้าจะจัดการแบบบินลาเดนก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าสหรัฐจะทำก็ต่อเมื่อมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับตัวเองเท่านั้น ถ้าไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องจะไม่ทำ

ในความคิดของอาตมา สหรัฐเอาเรือบรรทุกเครื่องบินรบไปจ่อเกาหลีเหนือเอาไว้ จริง ๆ แล้วก็คือจ่อคอหอยประเทศจีนไว้ โดยเฉพาะเกาหลีเหนือส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากจีน ถ้าช้างสารชนกันเมื่อไร หญ้าแพรกก็แหลกไปครึ่งโลก เพราะฉะนั้น...ให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาภาวนา กำหนดภาพพระครอบตัวเอาไว้ทุกวัน อยู่ที่ไหนก็จะได้ปลอดภัย มีวัตถุมงคลอะไรที่เรามั่นใจ ให้นำติดตัวเอาไว้ ภาวนาหรืออาราธนาไว้ทุกวัน

เถรี
04-05-2017, 15:20
เมื่อเช้าทิดน็อตถามอาตมาว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีอะไรที่แขวนแล้วใจเย็นบ้าง ? อาตมาบอกว่า "นั่นเป็นที่สันดานของเอ็ง...! ไม่ได้เป็นที่วัตถุมงคล ก่อนหน้านั้นข้าก็ใจร้อนยิ่งกว่าเอ็งอีก แค่คนมองหน้าก็ตามไปเตะถึงบ้านแล้ว" แต่ว่ามาถึงยุคนี้ นาน ๆ ได้ลงมือทีหนึ่ง พอบวชมาแล้วชีวิตขาดรสชาติไปเยอะ ล่าสุดที่เตะโยมสลบคาตีน ยังไม่รู้เลยว่าโยมเป็นคนที่ไหน

เพราะว่ามีการบวชพระ ปรากฏว่าคืนนั้นโยมไปฉลองแล้วเมาเดินมา เอาก้อนหินขว้างหมาในวัด หมาจึงเห่าเอะอะโวยวายไปทั้งวัด อาตมาเห็นเข้าก็ย่องไปจะจัดการ ไม่รู้ว่าเมาอย่างไร ? เมาแล้วดันรู้ตัว วิ่งหนีไปซะก่อน พอตอนช่วงเช้า กำลังดูญาติโยมแห่นาคเข้าโบสถ์อยู่ เห็นไอ้เจ้านี่เดินดุ่ย ๆ มา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าตาผ่องใสมาเชียว ก็เลยบอกกับพระในวัดว่าให้รอก่อน

แล้วก็เดินไปต้อนรับตามภาษาเจ้าของบ้านที่ดี ผัวะ...! ปูเสื่อให้เลย ปรากฏว่าเตะเสร็จ มีเสียงถามว่า "หลวงพ่อทำอะไรครับ ?" หันขวับไป ตำรวจ ๒ คน นึกว่าไม่มีใครแล้ว หันไปเจอตำรวจเข้าก็เลยบอก "เออ...มาก็ดีแล้ว ช่วยเอามันไปทิ้งไกล ๆ วัดหน่อย" ตำรวจก็เมตตาเหลือเกิน ถามว่า "ต้องใส่กุญแจมือไหมครับ ?" คนสลบแล้วยังจะใส่กุญแจมืออีก

เถรี
04-05-2017, 15:22
สมัยก่อนเรื่องอำนาจของเจ้าอาวาสที่มีตามกฏหมาย ทำให้เกิดการลงโทษแต่พอสมควรภายในวัด เรียกว่าอาญาวัด เป็นเรื่องที่ชาวบ้านกลัวมากกว่ากฎหมายอีก เพราะว่าส่วนใหญ่หลวงพ่อเจ้าอาวาสก็มักจะเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ มาถึงรุ่นตัวเอง ไปถึงรุ่นลูกของตน บางทีสามสี่ชั่วคน ท่านเป็นอาจารย์มาหมด ก็เลยเกรงใจ

โดยเฉพาะถ้าไปเจออย่างหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก ถ้าวัดมีงาน ไม่ต้องไปตีกัน หลวงปู่ทาถือไม้พลองเดินตรวจวัด เจอจิ๊กโก๋ตีกันเมื่อไร ท่านโดดใส่ฟาดทั้ง ๒ ฝ่ายเลย จนกระทั่งเขาเรียกกันว่าหลวงพ่อเสือ

วัดพะเนียงแตกได้มาก็จากสิ่งที่ท่านทำนั่นแหละ ไปดูพลุ เขาจุดพลุกัน จุดพะเนียง จุดตะไล แล้วก็ตีกัน ท่านก็เลยเอามือไปปิดกระบอกพลุ ที่กำลังพุ่งอยู่สูงเป็นวา ๆ จนกระทั่งไฟพุ่งขึ้นไม่ได้ก็เลยระเบิดตูม..! เขาก็เลยเรียกหลวงพ่อพะเนียงแตก เรียกไปเรียกมากลายเป็นวัดพะเนียงแตก

เรื่องอาญาวัดสมัยก่อนศักดิ์สิทธิ์มาก สมัยนี้ศักดิ์สิทธิ์เฉพาะที่วัดท่าขนุนแห่งเดียว เพราะเจ้าอาวาสวัดอื่นไม่เตะโยมแล้ว

เถรี
04-05-2017, 15:25
(โยมวัยรุ่นใส่กางเกงขาสั้นเสมอหูมาวัด) หนูเอ๊ย...ทำไมลำบากยากจนอย่างนั้นละลูก ใส่กางเกงที่ผ้ายาว ๆ หน่อยได้ไหม มาวัดให้รู้บ้างว่าเป็นวัด รู้อยู่ว่าจะมาวัดแล้วแต่งตัวแบบนี้ เขาเรียกว่าไม่มีมารยาท

อาตมาเป็นคนแปลก เห็นเขาแต่งเนื้อแต่งตัวโชว์มาแต่ไกลจะรู้สึกเขาไม่มีราคา ถ้าหากว่าใครปก ๆ ปิด ๆ มา เออ...ค่อยน่าสนใจ ประเภทโชว์ขามาแต่ไกล อาตมาเห็นแล้วก็นึกว่าน่องไก่มีราคากว่าเยอะเลย

ญาติโยมมาวัดนี้หลายรายก็โกรธไม่มาอีกเลย หาว่าเจ้าอาวาสประจาน สมัยนี้ถ้าประจานต้องถ่ายคลิปลงยูทูบ บังเอิญอาตมาไม่ได้ถ่ายคลิป เพียงแต่ไม่อยากให้ทำอะไรที่ผิด ๆ พลาด ๆ

อาตมาเป็นพระ มีหน้าที่ตักเตือนสั่งสอนญาติโยมเขา ถ้ามาแล้วมัวแต่เกรงใจไม่กล้าพูด เขาก็จะทำผิดไปเรื่อย รุ่นตัวเองทำผิด ถ้าหากว่าไม่สั่งไม่สอน ลูกหลานก็ทำผิดต่อ ๆ กันไป เพราะเห็นพ่อแม่ทำอย่างนั้นก็คิดว่าถูกต้องแล้ว

อาตมาเห็นงานศพบางงาน ลูกสาวผู้ตายต้องเดินถือกระถางธูป รูปภาพนำหน้าขบวน ใส่กางเกงมาสั้นกว่ากางเกงในอีก ถ้าหากว่าขาเรียว ๆ สวย ๆ แบบน้องพลอยก็ว่าไปอย่างหนึ่ง นี่ประเภทออกจากบ้านวันตรุษจีนไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านหรือเปล่า...!

เถรี
04-05-2017, 15:31
พ่อแม่ของเรา ถ้าเรายังไม่ให้เกียรติ แล้วคนอื่นที่ไหนจะให้เกียรติ ดังนั้น...ในเรื่องของการกระทำที่เป็นไปโดยถูกต้องตามกาลเทศะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นพี่น้องชาวมอญ ชาวพม่า จะเดินเข้าเขตวัดนี่ถอดรองเท้าแล้ว

อาตมาเจอข้าราชการหลายรายใส่รองเท้าเดินเข้าโบสถ์ ใส่รองเท้าเดินเข้าศาลา ขออภัย...อย่ามาทำที่วัดนี้ โดนด่าแน่นอน คุณจะยิ่งใหญ่ขนาดเป็นอธิบดี รัฐมนตรีอย่างไรก็ตาม ให้รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปู่ย่าตาทวดเราทำไว้บ้าง

เรามีหน้าที่ชี้ทางออกบอกทางถูกให้แก่ญาติโยมเขา เพราะฉะนั้น...อย่าเกรงใจ เกรงใจในทางที่ผิด กลัวโยมจะไม่เข้าวัด อาตมากลัวโยมจะเข้าวัดมากกว่า มามากแล้วเหนื่อย เพราะฉะนั้น...ด่าได้ด่า บ่นได้บ่น..!

อาตมาไปเทศน์ที่โรงเรียนนาคประสิทธิ์ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม นักเรียน ๔,๐๐๐ กว่าเกือบ ๕,๐๐๐ คน ครูบาอาจารย์เกือบ ๓๐๐ คน พอเข้าไปสู่ห้องประชุม สิ่งแรกที่ขอเลยก็คือขอให้ครูบาอาจารย์ทุกคนถอดรองเท้าก่อน ใส่รองเท้าเข้าห้องประชุมไม่ใช่ของแปลก แต่พระไม่สามารถจะแสดงธรรมให้บุคคลที่ใส่รองเท้าฟังได้ เพราะถือว่าไม่เคารพในธรรม เป็นศีลที่ห้ามเอาไว้เลย

บาลีท่านว่า น ปาทุกาฯ น อุปาหนาฯ ปาทุกา คือ รองเท้าทั่วไป อุปาหนา คือ รองเท้าพื้นหนา ลักษณะเหมือนเกี๊ยะ น แปลว่าไม่ เพราะฉะนั้น...ใครที่เปลี่ยนชื่อกรุณาเถอะ พวก ณภัทร ณเดช ณพล อย่าให้มี ณภัทร แปลว่า ไม่เจริญ ณเดช แปลว่า ไม่มีอำนาจ ณพล แปลว่า ไม่มีกำลัง คิดว่าเพราะนักเพราะหนา แต่แปลบาลีไม่ออก น กับ ณ เขาใช้แทนความหมายกันได้

เถรี
04-05-2017, 15:33
บาลีก็คือ น เหมือนกับ โน แปลว่าไม่เหมือนกัน แปลภาษาอังกฤษที่ว่า NO ก็ไปจากบาลี ภาษาอังกฤษเอาไปจากบาลีมากต่อมากด้วยกัน อย่างคำว่า ไฟ fire นี่ตรง ๆ เลย เอราวัณ ที่แปลว่าช้างก็ใช่ แต่ว่าฝรั่งออกเสียงไม่ถูก กลายเป็น Elephant

เถรี
04-05-2017, 15:37
ญาติโยมที่นำข้าวปลาอาหารมา ใส่บาตรให้เรียบร้อยก่อน เดี๋ยวถึงเวลาจะได้ฟังพระเทศน์ แล้วก็ฟังพระเจริญพระพุทธมนต์อย่างต่อเนื่อง

อย่าเอานิสัยแบบวัดอื่น ๆ ถึงเวลาแล้วห่วงหน้าพะวงหลัง พระสวดก็อยากจะฟัง อยากจะใส่บาตรก็อยาก กลายเป็นผุดลุกผุดนั่งอยู่ ต้องบอกว่าหาความสงบทางใจไม่ได้

เถรี
04-05-2017, 15:40
แรก ๆ โยมก็รับเรื่องการตรงเวลาของที่นี่ไม่ได้นะ แต่พอมาระยะหลังเริ่มชินแล้ว ทำอะไรไม่ตรงเวลารู้สึกว่าหงุดหงิด...ใช่ไหม ? ถ้าเป็นวัดอื่นก็ปล่อย ๆ ท่านเถอะ เราเคยชินกับการตรงเวลาที่นี่ก็รักษาความดีของเราเอาไว้ ที่อื่นเขายังจำเป็นต้องเกรงใจคนอยู่ ถ้าจะไม่ตรงเวลาบ้างก็แล้วแต่สภาพของวัดวาอารามเขา พยายามเข้าใจคนอื่นว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น

ต้องรอโยมคนนี้เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องรอโยมคนนั้นเพราะเป็นกำนัน รอโยมคนโน้นเพราะเป็น นายก อบต. ถ้าไม่รอเดี๋ยวเขาไม่เข้าวัด ถ้าเป็นอาตมานะหรือ ? ขนาดผู้ว่าฯ มาไม่ทันก็โดนทิ้งเหมือนกัน

เถรี
04-05-2017, 15:43
งานอุ้มพระสรงน้ำของวัดท่าขนุนจัดอยู่ใน Unseen Thailand ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปีหนึ่งมีครั้งเดียว ต้องบอกว่าไม่เหมือนที่ไหนในประเทศไทย ดังนั้น...ท่านทั้งหลายที่เคยไปมาแล้วก็คงจะรู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร ท่านที่ไม่เคยมาก็จะได้ถ่ายรูป ถ่ายคลิปออกไปให้คนที่ไม่เคยมาเขาได้ดูว่า Unseen Thailand วัดท่าขนุนอีกอย่างหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกงานสงกรานต์วัดท่าขนุน
วันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

ตัวเล็ก
23-07-2017, 11:09
พระอาจารย์กล่าวถึงการเล่นน้ำในปัจจุบัน "การลวนลามผู้หญิง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีบางส่วนที่ผู้หญิงลวนลามผู้ชายเหมือนก้น ก็เลยกลายเป็นขนมผสมน้ำยาพอ ๆ กัน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือการที่ใช้น้ำใส่ถุงแล้วขว้างปาใส่กันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะถ้าผิดจังหวะกระทบเข้ากับใบหน้าหรือดวงตา อาจจะถึงขนาดบาดเจ็บสาหัสได้ แล้วถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์รถอาจจะล้ม เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตาย หรือถ้าขับรถใหญ่ อยู่ ๆ โดนน้ำสาดเต็มกระจกแถมยังเป็นน้ำผสมแป้ง คนขับมองทางไม่เห็น ก็อาจจะเกิดชนคันอื่นหรือตกถนนไป

ในเรื่องของการเล่นสงกรานต์ ควรที่จะเล่นอย่างมีสติ เอาแค่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างพม่า จะทำเวทีสงกรานต์ในชุมชน สร้างเป็นเวทีเหมือนเวทีหมอลำของบ้านเรา ถึงเวลาใครจะเล่นสงกรานต์ ก็ขึ้นไปบนเวทีสาดกันบนนั้น ใครอยู่ข้างล่างเขาจะไม่สาด เพราะรู้ว่าเขาไม่เล่นด้วย"

ตัวเล็ก
23-07-2017, 11:10
ดังนั้น...พวกพม่าพอถึงเวลาก็นั่งรถกระบะมากัน ๒๐-๓๐ คน แล้วขึ้นไปบนเวทีก็แปลว่าสาดกันได้ แต่ถ้าหากว่าหยุดดูเฉย ๆ หรือถ้าว่าลงจากรถแต่อยู่ข้างล่าง ไม่ได้ขึ้นเวที เขาจะไม่สาดน้ำ นั่นเป็นการแบ่งสันปันส่วนกันอย่างชัดเจนที่สุด ว่าใครต้องการเล่นสนุกด้วย ใครที่ยังมีกิจธุระไม่ต้องการที่จะเปียก ส่วนบ้านเรานี่ไม่สนใจเลย ถึงเวลาใครขับรถผ่านไปผ่านมา ก็ไล่สาดไล่ฉีดกันอย่างเดียว จนกระทั่งบางทีก็หกคะมำคว่ำคะเมน ได้รับบาดเจ็บไปตาม ๆ กัน

ประเพณีที่ดีงามของเราจึงกลายเป็นประเพณีที่ป่าเถื่อนไป เราควรที่จะแสดงออกซึ่งประเพณีที่ถูกต้องงดงาม เพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นกัน แล้วเขาจะได้มาท่องเที่ยวบ้านเรา และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง

เรื่องของการประแป้ง ถ้าเป็นไปได้ขอให้เลิกเสีย เพราะว่านอกจากความสนุกสนานแล้วไม่ได้อะไรเลย แถมยังไปลวนลามลูกสาวชาวบ้านเขา ถ้าหากว่าอีกฝ่ายหนึ่งโกรธ หรือว่าพ่อแม่ พี่น้องเขาโกรธ คนรักของเขาโกรธ ก็อาจจะมีการตามมาลงไม้ลงมือ จากสงกรานต์น้ำก็จะกลายเป็นสงกรานต์เลือด ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สนุก เรื่องพวกนี้เราควรที่จะมีจิตสำนึกและทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อที่บรรดาลูกหลานของเรา จะได้สืบทอดประเพณีอันดีงามต่อไป

ตัวเล็ก
24-07-2017, 09:35
วัดท่าขนุนแห่งนี้เป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนประจำตำบลท่าขนุน ตัวอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ๗๗ จังหวัด ๘๗๘ อำเภอทั่วประเทศ มีประธานสภาเป็นพระอยู่รูปเดียว เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้จึงจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวกันให้ชัดเจน ถ้าเรามัวแต่เกรงใจกัน ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะทำผิด ๆ ต่อกันไปเรื่อย ๆ แล้วประเพณีที่ดีงามของเราก็จะเสื่อมทรามลงไป เหลือเวลาอีกประมาณ ๑๕ นาทีจะเป็นการอุ้มพระสรงน้ำตามประเพณีของชาวท่าขนุน

การอุ้มพระสรงน้ำ ได้รับการบรรจุเข้าเป็น Unseen Thailand โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ้าหากว่าได้รับการบรรจุเป็น Unseen Thailand ก็รับรองได้ว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งความจริงชาวท่าขนุนของเราทำอย่างนี้สืบเนื่องกันมานานแล้ว แต่เพิ่งจะได้รับการบรรจุเข้า Unseen Thailand เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

ของวัดท่าขนุนเราได้รับการบรรจุเข้าเป็น Unseen Thailand อยู่ ๒ อย่าง คือ การตามประทีป ๒๐,๐๐๐ ดวงในวันมาฆบูชา, วิสาขบูชา, อาสาฬหบูชา, วันลอยกระทง และพิธีอุ้มพระสรงน้ำ ส่วนอีกพิธีกรรมหนึ่งที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ คือ การตักบาตรเทโวของวัดท่าขนุน

เนื่องจากว่าวัดท่าขนุนของเรามีภูเขาอยู่ในวัด ถึงเวลาพระภิกษุสามเณรจำนวนมากเดินลงจากเขามารับบาตร ประชาชนทั้งอำเภอพร้อมใจกันมาใส่บาตร เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามมาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงแนะนำให้เป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะมีขึ้นทุกวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นวันออกพรรษา วันถัดไปจะเป็นวันตักบาตรเทโว

วัดท่าขนุนของเรายังได้รับการแนะนำจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็น ๑ ใน ๙ วัดที่จะเดินทางไปไหว้พระในจังหวัดกาญจนบุรี โดยอำเภอสังขละบุรีมี ๑ วัด คือ วัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่ออุตตะมะ อำเภอทองผาภูมิมี ๑ วัด ก็คือวัดท่าขนุนแห่งนี้

ส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ในอำเภอเมืองอำเภอท่าม่วงและอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ก็เป็นที่น่ายินดีว่า การเดินทางไหว้พระในจังหวัดกาญจนบุรีตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำไว้ วัดท่าขนุนของเราเป็น ๑ ใน ๙ วัดนั้น

ตัวเล็ก
24-07-2017, 09:50
ฉะนั้น...ในสิ่งที่เราทั้งหลายทำ เมื่อออกมาเป็นภาพที่งดงาม นักท่องเที่ยวมาเห็นแล้วเกิดความประทับใจ ก็จะแนะนำบอกกันต่อ ๆ ไป เมื่อคนมาท่องเที่ยว ก็ต้องมีที่พัก มีอาหาร ซื้อของที่ระลึก แล้วก็มีการเติมน้ำมัน มีการเติมแก๊ส สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่นำรายได้มาสู่ท้องถิ่นของเรา เป็นสิ่งที่ขายได้ แม้ว่าจะจับต้องไม่ได้ เขาเรียกว่าเป็นมูลค่าทางวัฒนธรรม สิ่งที่ดีงามเหล่านี้มีซุกซ่อนอยู่แทบทุกมุมของประเทศ เพียงแต่ว่าที่ไหนจะติดตลาด ได้รับการแนะนำแล้วคนไปกันมาก ๆ

อาตมาเองกำลังสร้างหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ คือมีพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปนาก และพระพุทธรูปเนื้อเงิน เพื่อให้มีพระสำคัญของอำเภอทองผาภูมิ หรือของจังหวัดกาญจนบุรี เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่าจังหวัดกาญจนบุรีของเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศเลย

พระพุทธรูปบางองค์อย่างหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน หรือว่าหลวงพ่อ ภปร. ที่ในหลวงพระราชทานให้อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่ว ในเมื่อไม่มี เราก็ต้องสร้างให้มีขึ้นมา อาตมาจึงได้ลงทุนสร้าง ตอนนี้ก็ได้หลวงพ่อเงินแล้ว ๑ องค์ หล่อขึ้นมาจากเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม ประดิษฐานอยู่ในมณฑปที่ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย

ปีหน้าช่วงประมาณวันมาฆบูชาจะหล่อพระพุทธรูปนาก หรือหลวงพ่อนาก ซึ่งจะใช้เนื้อนากประมาณ ๑๖๐ กิโลกรัม แล้วปี ๒๕๖๒ จะหล่อหลวงพ่อทองคำ เพื่อฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ใช้ทองคำ ๑๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้อาตมามีอยู่ ๑๐๓ กิโลกรัมแล้ว มีเวลาอีก ๒ ปีกับทองคำแค่ ๓๗ กิโลกรัม เป็นเรื่องเล็ก...หาได้ไม่ยาก

ตัวเล็ก
24-07-2017, 09:53
เมื่อหล่อเสร็จแล้วอาตมาตั้งใจว่า จะให้มีการแห่สมโภชประจำปี ซึ่งตอนนี้ดูเอาไว้ว่าเราจะแห่ช่วงไหน ก็มีช่วงลอยกระทง ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง ทางด้านวัดท่าขนุนมีกิจกรรมในวันลอยกระทงน้อย นอกจากทำบุญใส่บาตรแล้วก็วางผางประทีป ถ้าหากว่าในช่วงว่างเรามาแห่หลวงพ่อทองคำอวดชาวบ้าน อวดคนต่างจังหวัดและอวดชาวโลกเขา ให้รู้ว่าเรามีพระพุทธรูปสำคัญราคาแพงขนาดนี้อยู่ที่ทองผาภูมิของเรา ถึงเวลาคนจะมาไหว้พระขอพร ถ้าหากว่ามามากเท่าไร ก็สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นของเรามากเท่านั้น

เรื่องนี้อาตมาได้ปรึกษากับท่านนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ คือท่านประเทศ บุญยงค์แล้ว ว่าถ้าหากถึงเวลาแล้ว ขอให้ทางเทศบาลจัดขบวนแห่ ทางวัดท่าขนุนจะเสี่ยงดวงเอาหลวงพ่อทองคำมาให้แห่ คำว่าเสี่ยงดวงคือเผื่อมีคนปล้น เราก็จะแห่ของเราอย่างนี้ทุกปี ให้คนรู้ว่าถึงเทศกาลนี้จะมีการแห่หลวงพ่อทองคำ คาดว่าไม่เกิน ๓ ปีก็จะติดตลาด และกลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง

ทางด้านหน้าวัดที่อาตมาทำไว้​ ญาติโยมจอดรถกันเต็มไปหมด ความจริงอาตมาตั้งใจทำเป็นตลาดชุมชน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเขา ให้มาจองตู้ขายสินค้ากันฟรี ๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนของเราความอดทนไม่พอ พอผ่านไป ๑ อาทิตย์ ๒ อาทิตย์ ขายได้น้อยก็เลิก ซึ่งความจริง ๑-๒ อาทิตย์เป็นช่วงที่คนเริ่มรู้ว่าตรงนี้มีตลาด พอรู้ว่าตรงนี้มีตลาด แวะมาอีกครั้ง โยมก็เลิกขายไปแล้ว แล้วเขาจะซื้ออะไร ?

โยมจะเห็นว่ามีร้านค้ากระจิ๊บกระจ้อยอยู่แค่ ๒-๓ ร้าน ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความอดทนพอ ปัจจุบันก็รับเละอยู่แค่นี้แหละ ไม่ว่าใครไปใครมา แวะไหว้พระ แวะถ่ายรูป แวะเข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วก็ซื้อน้ำ ซื้อของที่ระลึก ฉะนั้น...เราจะเห็นว่า การกระทำทุกอย่างต้องอาศัยความอดทน จะใจร้อนใจเร็วไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำมาหากิน ต้องรอให้ลูกค้ามีมากพอ แล้วจะติดตลาดไปเอง อาตมาเองถ้ายังมีเรี่ยวมีแรงอยู่ ก็จะพยายามสรรสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจของคนทองผาภูมิดีขึ้น นี่เป็นปณิธานอย่างหนึ่ง อาตมาขอข้าวคนทองผาภูมิกินมา ๒๓ ปีแล้ว ก็อยากจะทดแทนด้วยการสร้างงาน สร้างเงินให้คนทองผาภูมิมีรายได้ ด้วยการทำวัดท่าขนุนของเราให้เป็นแหล่งเที่ยว

ตัวเล็ก
24-07-2017, 09:55
สิ่งสำคัญอีกอย่างอยู่ทางด้านหลังอาตมานี้เอง ก็คือทางรถไฟสายมรณะ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นสร้างทางรถไฟจากหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ผ่านเมืองกาญจน์ตรงไปยังอำเภอตันบวยเซียตของประเทศพม่า ค่ายใหญ่ในการสร้างทางรถไฟสายมรณะค่ายหนึ่งอยู่ที่นี่ เป็นค่ายเชลยศึกวัดท่าขนุน ทางรถไฟยังอยู่ด้านหลังนี่

หลายคนสงสัยว่าอาตมาสร้างพระติดถนน ทำไมไม่เลื่อนไปข้างหลังซึ่งมีที่ว่าง อาตมายืนยันว่าไม่มีที่ว่าง เพราะว่าข้างหลังเป็นทางรถไฟสายมรณะ ถ้าหากว่าการก่อสร้างอีกเล็กน้อยภายในวัดเสร็จแล้ว อาตมาจะเปิดทางรถไฟออกมา จะซื้อราง ซื้อหัวรถจักรเก่า ๆ มาตั้งเอาไว้ให้เห็นว่า สมัยก่อนช่วงสงครามโลกมีทางรถไฟอยู่ตรงนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากว่ามีทางรถไฟ นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะฝรั่งก็จะมีมากขึ้นไปอีก

ตัวเล็ก
24-07-2017, 09:57
อีกงานหนึ่งที่อาตมาตั้งใจไว้ก็คือ ทำบันไดขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทหน้าวัด เมื่อถึงเวลา บริเวณนี้จะเป็นแหล่งเที่ยวใหญ่ มีหลวงพ่อโตทึ่นั่งอยู่เหนือศีรษะทุกคน เป็นที่ให้มาไหว้พระขอพร มีรอยพระพุทธบาทให้ปีนขึ้นไปผจญภัย มีทางรถไฟสายมรณะอยู่ข้างหลังให้มาศึกษาประวัติศาสตร์กัน และที่สำคัญมี หลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน ให้ไปไหว้พระขอพรอยู่ข้างในวัด มีสังขารศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่สาย ที่มรณภาพมา ๒๔ ปีแล้วไม่เน่าไม่เปื่อย อยู่เป็นมิ่งขวัญกำลังใจให้กับลูกหลานทุกคน

เมื่อถึงเวลานั้น ตรงจุดนี้จะเป็นจุดทำเงินให้กับชาวบ้านจุดหนึ่งของอำเภอทองผาภูมิ ถึงเวลาแล้วอาจจะมีการเปลี่ยนคำขวัญ จาก "ตลาดอีต่อง โบอ่องเจดีย์ ราชินีปูไทย เพลินใจแควน้อย เกินร้อยภูผา งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ" อาจจะต้องมีการต่อเติมวัดท่าขนุนไปด้วย แต่ถึงไม่เติมก็ไม่เป็นไร เพราะว่าท่าขนุนเป็นเมืองหน้าด่านมาแต่โบราณ มีความสำคัญเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ ก่อนหน้านี้ที่นี่คือเมืองท่าขนุน เพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็นอำเภอทองผาภูมิ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ นี่เอง เปลี่ยนจากเมืองท่าขนุนมาเป็นอำเภอทองผาภูมิ

ในส่วนของชื่อวัดท่าขนุน คือชื่อบ้านนามเมืองเก่าแก่โบร่ำโบราณมา มีความขลังมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง อดีตเจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่พุก หลวงปู่สายล้วนแล้วแต่เป็นที่เคารพนับถือของญาติโยมจำนวนมากต่อมากด้วยกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง ต่อให้ไม่ต้องโฆษณาก็ดัง

ลำดับต่อไปพวกเราเริ่มไปอุ้มพระสรงน้ำกันได้แล้วจ้ะ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกงานสงกรานต์วัดท่าขนุน (ภาคบ่าย)
วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๐
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)