เถรี
18-01-2017, 09:52
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เราเคยมีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพวกเรา ก็คือ ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้ปัญญาในการกวดขันตัวเอง ถ้าถามว่าปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีศีล เมื่อเรารักษาศีลตามสภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ตาม สภาพจิตที่ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ศีลบกพร่อง ก็จะกลายเป็นสมาธิ
บุคคลที่สภาพจิตเป็นสมาธิ ย่อมมีความสงบสงัดจากกิเลสชั่วคราว ปัญญาก็จะเกิด ทำให้เราเห็นวิธีการว่า ทำอย่างไรที่จะรักษาอารมณ์ภาวนาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ไม่ใช่เลิกภาวนาก็เลิกไปด้วย อย่างเช่นว่าลุกจากที่นั่งไปไม่กี่นาทีก็หายหมดแล้ว
เมื่อเรารักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เท่ากับเป็นพื้นฐานในการสร้างสมาธิ สมาธิของเราเมื่อทรงตัว สภาพจิตสงบสงัดจากกิเลส ปัญญาก็จะเกิด ก็ต้องพิจารณาว่าตอนนี้เรามีความดีหรือความชั่วอยู่ในใจ ? ถ้าไม่รู้ว่าหน้าตาความชั่วเป็นอย่างไร ก็มาดูว่านิวรณ์ ๕ กินใจเราได้หรือไม่ ?
สภาพจิตของเราตอนนี้ฟุ้งซ่านไปในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านไปในความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทผู้อื่นหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านในความหงุดหงิดรำคาญใจบ้างหรือไม่ ? มีความง่วงเหงาหาวนอนชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติบ้างหรือไม่ ? มีความลังเลสงสัยว่าผลการปฏิบัตินี้จะให้เกิดผลจริงหรือไม่ ? ถ้าสภาพจิตของเรามีนิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ข้างใน ก็แปลว่าสภาพจิตของเราแย่แล้ว โดนข้าศึกยึดเมืองไปแล้ว ก็ต้องหาทางขับไล่ข้าศึกออกไป
วิธีขับไล่ที่ดีที่สุดคือรีบมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจของเราไป ถ้าลมหายใจทรงตัวเมื่อไร นิวรณ์ก็จะสลายตัวไปชั่วคราว ไม่สามารถที่จะเกาะกินใจของเราได้ หลังจากนั้นเราก็ทบทวนว่าตั้งแต่เช้ามาจนบัดนี้ เรามีสิกขาบทไหนบริสุทธิ์บริบูรณ์บ้าง ? มีศีลสิกขาบทไหนบกพร่องบ้าง ?
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพวกเรา ก็คือ ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้ปัญญาในการกวดขันตัวเอง ถ้าถามว่าปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีศีล เมื่อเรารักษาศีลตามสภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ตาม สภาพจิตที่ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ศีลบกพร่อง ก็จะกลายเป็นสมาธิ
บุคคลที่สภาพจิตเป็นสมาธิ ย่อมมีความสงบสงัดจากกิเลสชั่วคราว ปัญญาก็จะเกิด ทำให้เราเห็นวิธีการว่า ทำอย่างไรที่จะรักษาอารมณ์ภาวนาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ไม่ใช่เลิกภาวนาก็เลิกไปด้วย อย่างเช่นว่าลุกจากที่นั่งไปไม่กี่นาทีก็หายหมดแล้ว
เมื่อเรารักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เท่ากับเป็นพื้นฐานในการสร้างสมาธิ สมาธิของเราเมื่อทรงตัว สภาพจิตสงบสงัดจากกิเลส ปัญญาก็จะเกิด ก็ต้องพิจารณาว่าตอนนี้เรามีความดีหรือความชั่วอยู่ในใจ ? ถ้าไม่รู้ว่าหน้าตาความชั่วเป็นอย่างไร ก็มาดูว่านิวรณ์ ๕ กินใจเราได้หรือไม่ ?
สภาพจิตของเราตอนนี้ฟุ้งซ่านไปในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านไปในความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทผู้อื่นหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านในความหงุดหงิดรำคาญใจบ้างหรือไม่ ? มีความง่วงเหงาหาวนอนชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติบ้างหรือไม่ ? มีความลังเลสงสัยว่าผลการปฏิบัตินี้จะให้เกิดผลจริงหรือไม่ ? ถ้าสภาพจิตของเรามีนิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ข้างใน ก็แปลว่าสภาพจิตของเราแย่แล้ว โดนข้าศึกยึดเมืองไปแล้ว ก็ต้องหาทางขับไล่ข้าศึกออกไป
วิธีขับไล่ที่ดีที่สุดคือรีบมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจของเราไป ถ้าลมหายใจทรงตัวเมื่อไร นิวรณ์ก็จะสลายตัวไปชั่วคราว ไม่สามารถที่จะเกาะกินใจของเราได้ หลังจากนั้นเราก็ทบทวนว่าตั้งแต่เช้ามาจนบัดนี้ เรามีสิกขาบทไหนบริสุทธิ์บริบูรณ์บ้าง ? มีศีลสิกขาบทไหนบกพร่องบ้าง ?