เถรี
18-02-2015, 12:41
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม ถ้าเผลอสติไปคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่ใช่ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา เมื่อรู้ตัวก็ให้รีบดึงกลับมาอยู่ที่ลมหายใจและคำภาวนาเสียใหม่
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๘ มีผู้สอบถามปัญหาว่า ถ้าตั้งใจจะเป็นพระอนาคามีปฏิสัมภิทาญาณ จะต้องปฏิบัติกสิณทั้ง ๑๐ กองแล้วทำให้ได้อรูปฌาน ๔ จากนั้นเป็นการละสังโยชน์ ๕ ใช่หรือไม่ ? อาตมาก็สงสัยว่าทำไมถึงไปอาลัยอาวรณ์อยู่ที่พระอนาคามี ในเมื่อทำต่อไปอีกนิดเดียวก็เป็นพระอรหันต์แล้ว ?
ในส่วนของการจะเป็นบุคคลที่ทรงปฏิสัมภิทาญาณนั้น อันดับแรกต้องฝึกกสิณกองใดกองหนึ่งในจำนวนทั้ง ๙ กอง ซึ่งเว้นอากาสกสิณ เหตุที่ต้องเว้นอากาสกสิณเพราะว่า อากาสกสิณมีสภาพว่างเปล่าเหมือนอรูปฌาน จะทำให้เกิดการสับสนปนเปกัน เมื่อถึงเวลาจะฝึกในอรูปฌาน ไม่รู้ว่าจะเพิกภาพที่ไหนทิ้งได้ จึงต้องเว้นเอาไว้กองหนึ่ง
ส่วนอีก ๙ กองที่เหลือ เราจับกสิณกองใดกองหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับคำภาวนา จนกระทั่งในที่สุดกสิณกองนั้นติดตาติดใจ ลืมตาก็เห็นได้ หลับตาก็เห็นได้ ก็ให้ประคับประคองรักษากองกสิณพร้อมกับลมหายใจเข้าออกของเราไว้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดก็จะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน สีขาว สีใส และใสเหมือนแก้วสะท้อนแสง ถึงเวลานั้นให้ทดลองอธิษฐานดูว่า ภาพกสิณนั้นขยายใหญ่ได้ เล็กได้ มาได้ หายไปได้ ถ้าทำได้คล่องตัว ก็อธิษฐานขอใช้ผลของกสิณกองนั้นได้
เมื่อทำโดยคล่องตัวแล้ว ถึงเวลาก็ให้ตั้งภาพกสิณขึ้นมาก่อน แล้วกำหนดเพิก ก็คือลืมหรือทิ้งภาพกสิณนั้นไปเสีย ไปจับความว่างไม่มีขอบเขตของอากาศแทน เมื่อจับความว่างของอากาศ ถ้ารู้สึกว่าขาดคำภาวนาจะใช้คำภาวนาว่า "อากาสา อนันตา..อากาสา อนันตา" ก็ได้ จนกระทั่งสมาธิจิตของเราทรงกำลังเท่ากับฌาน ๔ เต็มระดับ ก็แปลว่าเราได้อรูปฌานกองที่ ๑
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๘ มีผู้สอบถามปัญหาว่า ถ้าตั้งใจจะเป็นพระอนาคามีปฏิสัมภิทาญาณ จะต้องปฏิบัติกสิณทั้ง ๑๐ กองแล้วทำให้ได้อรูปฌาน ๔ จากนั้นเป็นการละสังโยชน์ ๕ ใช่หรือไม่ ? อาตมาก็สงสัยว่าทำไมถึงไปอาลัยอาวรณ์อยู่ที่พระอนาคามี ในเมื่อทำต่อไปอีกนิดเดียวก็เป็นพระอรหันต์แล้ว ?
ในส่วนของการจะเป็นบุคคลที่ทรงปฏิสัมภิทาญาณนั้น อันดับแรกต้องฝึกกสิณกองใดกองหนึ่งในจำนวนทั้ง ๙ กอง ซึ่งเว้นอากาสกสิณ เหตุที่ต้องเว้นอากาสกสิณเพราะว่า อากาสกสิณมีสภาพว่างเปล่าเหมือนอรูปฌาน จะทำให้เกิดการสับสนปนเปกัน เมื่อถึงเวลาจะฝึกในอรูปฌาน ไม่รู้ว่าจะเพิกภาพที่ไหนทิ้งได้ จึงต้องเว้นเอาไว้กองหนึ่ง
ส่วนอีก ๙ กองที่เหลือ เราจับกสิณกองใดกองหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับคำภาวนา จนกระทั่งในที่สุดกสิณกองนั้นติดตาติดใจ ลืมตาก็เห็นได้ หลับตาก็เห็นได้ ก็ให้ประคับประคองรักษากองกสิณพร้อมกับลมหายใจเข้าออกของเราไว้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดก็จะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน สีขาว สีใส และใสเหมือนแก้วสะท้อนแสง ถึงเวลานั้นให้ทดลองอธิษฐานดูว่า ภาพกสิณนั้นขยายใหญ่ได้ เล็กได้ มาได้ หายไปได้ ถ้าทำได้คล่องตัว ก็อธิษฐานขอใช้ผลของกสิณกองนั้นได้
เมื่อทำโดยคล่องตัวแล้ว ถึงเวลาก็ให้ตั้งภาพกสิณขึ้นมาก่อน แล้วกำหนดเพิก ก็คือลืมหรือทิ้งภาพกสิณนั้นไปเสีย ไปจับความว่างไม่มีขอบเขตของอากาศแทน เมื่อจับความว่างของอากาศ ถ้ารู้สึกว่าขาดคำภาวนาจะใช้คำภาวนาว่า "อากาสา อนันตา..อากาสา อนันตา" ก็ได้ จนกระทั่งสมาธิจิตของเราทรงกำลังเท่ากับฌาน ๔ เต็มระดับ ก็แปลว่าเราได้อรูปฌานกองที่ ๑