เถรี
20-04-2014, 09:53
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดจุดลมกระทบฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาแบบใดก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดและชำนาญมาแต่เดิม
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางวัดมีการพิจารณาอธิกรณ์ เนื่องจากว่ามีพระภิกษุบางรูปพยากรณ์ว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ เรื่องนี้ที่นำมากล่าวเพื่อเป็นตัวอย่างว่า ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น บางขณะถ้าสติสมาธิทรงตัว รัก โลภ โกรธ หลง อาจจะไม่เกิดเลยเป็นระยะเวลาหลาย ๆ เดือนด้วยกัน
แม้กระทั่งในสมัยพุทธกาล ก็มีพระภิกษุที่เข้าใจผิดคิดว่าได้มรรคผลแล้ว ได้พยากรณ์มรรคผลของตนเองต่อเพื่อนสหธรรมิก เมื่อมีการโจทย์กันขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอบสวน ถึงได้เข้าใจว่าเป็นความสงบระงับที่เกิดจากอำนาจของสมาธิกดกิเลสเอาไว้ ดังนั้น..พวกเราทั้งหมดควรที่จะศึกษาเรื่องของอุปกิเลสเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่า สิ่งที่ชวนให้เข้าใจผิดว่าบรรลุมรรคผลนั้นมีมากต่อมากด้วยกัน
อุปกิเลส อุป แปลว่าเข้าไปใกล้ อุปกิเลส ก็คือสิ่งที่ใกล้จะเป็นกิเลส ถ้าเรารู้เท่าทันก็ใกล้เป็นกิเลสเท่านั้น ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันเมื่อไรก็เป็นกิเลสทันที บางทีก็เรียกวิปัสสนูปกิเลส คืออุปกิเลสของวิปัสสนาญาณ ซึ่งประกอบไปด้วยหลายหัวข้อด้วยกัน ได้แก่
๑. โอภาส ภาวนาไปแล้วเกิดแสงสว่างปรากฏขึ้น หรือบางทีเกิดแสงสีต่าง ๆ ปรากฏขึ้น บางท่านนั้นโอภาสสว่างไสวไปทั่ว ไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน สว่างอย่างกับมีแสงไฟหลายร้อยแรงเทียนเปิดส่องเข้ามา ทำให้หลายท่านคิดว่าตัวเองบรรลุมรรคผลแล้ว ทั้ง ๆ ที่สภาพจิตเพิ่งจะเข้าสู่ระดับอุปจารสมาธิเท่านั้น
๒. ปีติ เกิดความอิ่มใจไม่เบื่อไม่หน่ายที่จะปฏิบัติ ปีตินั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเตือนเสมอว่า มารจะแทรกได้ง่าย หลายต่อหลายท่านเมื่อเกิดปีติขึ้นมา ก็ทุ่มเททำความดี ไม่พักไม่ผ่อนไม่หลับไม่นอน จนร่างกายทนไม่ไหว จึงเกิดอาการสติแตก กรรมฐานแตกขึ้นมา
๓. ปัสสัทธิ เกิดความสงบระงับ รัก โลภ โกรธ หลงไม่เกิดเลย น้อยหนึ่งก็ไม่มี ถ้าสงบระงับเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เราเข้าใจผิดว่าเข้าถึงมรรคผลส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่พระอนาคามีก็ต้องเป็นพระอรหันต์
๔. ปัคคาหะ มีความเพียรมากเป็นพิเศษ จากที่เคยขี้เกียจย่อหย่อน ง่วงเหงาหาวนอนไม่ชอบปฏิบัติ เกิดขยันขันแข็งขึ้นมา ปฏิบัติแบบข้ามวันข้ามคืน ไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย ไม่รู้จักหลับไม่รู้จักนอน หลายท่านคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเข้าถึงมรรคผลแล้ว จึงทำให้เกิดความขยันขันแข็งเช่นนี้
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทางวัดมีการพิจารณาอธิกรณ์ เนื่องจากว่ามีพระภิกษุบางรูปพยากรณ์ว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ เรื่องนี้ที่นำมากล่าวเพื่อเป็นตัวอย่างว่า ในการปฏิบัติธรรมของเรานั้น บางขณะถ้าสติสมาธิทรงตัว รัก โลภ โกรธ หลง อาจจะไม่เกิดเลยเป็นระยะเวลาหลาย ๆ เดือนด้วยกัน
แม้กระทั่งในสมัยพุทธกาล ก็มีพระภิกษุที่เข้าใจผิดคิดว่าได้มรรคผลแล้ว ได้พยากรณ์มรรคผลของตนเองต่อเพื่อนสหธรรมิก เมื่อมีการโจทย์กันขึ้นมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งสอบสวน ถึงได้เข้าใจว่าเป็นความสงบระงับที่เกิดจากอำนาจของสมาธิกดกิเลสเอาไว้ ดังนั้น..พวกเราทั้งหมดควรที่จะศึกษาเรื่องของอุปกิเลสเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้ว่า สิ่งที่ชวนให้เข้าใจผิดว่าบรรลุมรรคผลนั้นมีมากต่อมากด้วยกัน
อุปกิเลส อุป แปลว่าเข้าไปใกล้ อุปกิเลส ก็คือสิ่งที่ใกล้จะเป็นกิเลส ถ้าเรารู้เท่าทันก็ใกล้เป็นกิเลสเท่านั้น ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันเมื่อไรก็เป็นกิเลสทันที บางทีก็เรียกวิปัสสนูปกิเลส คืออุปกิเลสของวิปัสสนาญาณ ซึ่งประกอบไปด้วยหลายหัวข้อด้วยกัน ได้แก่
๑. โอภาส ภาวนาไปแล้วเกิดแสงสว่างปรากฏขึ้น หรือบางทีเกิดแสงสีต่าง ๆ ปรากฏขึ้น บางท่านนั้นโอภาสสว่างไสวไปทั่ว ไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน สว่างอย่างกับมีแสงไฟหลายร้อยแรงเทียนเปิดส่องเข้ามา ทำให้หลายท่านคิดว่าตัวเองบรรลุมรรคผลแล้ว ทั้ง ๆ ที่สภาพจิตเพิ่งจะเข้าสู่ระดับอุปจารสมาธิเท่านั้น
๒. ปีติ เกิดความอิ่มใจไม่เบื่อไม่หน่ายที่จะปฏิบัติ ปีตินั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเตือนเสมอว่า มารจะแทรกได้ง่าย หลายต่อหลายท่านเมื่อเกิดปีติขึ้นมา ก็ทุ่มเททำความดี ไม่พักไม่ผ่อนไม่หลับไม่นอน จนร่างกายทนไม่ไหว จึงเกิดอาการสติแตก กรรมฐานแตกขึ้นมา
๓. ปัสสัทธิ เกิดความสงบระงับ รัก โลภ โกรธ หลงไม่เกิดเลย น้อยหนึ่งก็ไม่มี ถ้าสงบระงับเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เราเข้าใจผิดว่าเข้าถึงมรรคผลส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่พระอนาคามีก็ต้องเป็นพระอรหันต์
๔. ปัคคาหะ มีความเพียรมากเป็นพิเศษ จากที่เคยขี้เกียจย่อหย่อน ง่วงเหงาหาวนอนไม่ชอบปฏิบัติ เกิดขยันขันแข็งขึ้นมา ปฏิบัติแบบข้ามวันข้ามคืน ไม่รู้เบื่อไม่รู้หน่าย ไม่รู้จักหลับไม่รู้จักนอน หลายท่านคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเข้าถึงมรรคผลแล้ว จึงทำให้เกิดความขยันขันแข็งเช่นนี้