เถรี
26-05-2010, 00:00
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=5263&stc=1&d=1274806689
พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส)
วัดท่าขนุน กาญจนบุรี
บุคคลที่จบ ม.๘ สมัยนั้นหาได้ยากมาก เนื่องจากว่าสมัยนั้นคนที่จบชั้น ป.๔ ถ้ามีความรู้แน่นจริง ๆ สามารถสมัครเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นครูสอนได้ และครูประชาบาลที่ได้รับวุฒิ ม.๘ เช่นเดียวกับหลวงปู่สาย จะได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง เพราะถือว่าเป็นการศึกษาระดับที่สูงมาก
ดังนั้น หลวงปู่เมื่อศึกษาจบแล้วจึงได้เข้าทำงานในกรมการรถไฟ ซึ่งปัจจุบันก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ทรงเป็นเสนาบดีกรมการรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคนั้น
หลวงปู่สายได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง เป็นที่เชื่อถือของบรรดาผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นลำดับ แต่เนื่องจากว่า บุญกุศลที่ท่านสร้างไว้ในทางธรรมนั้นมีมากกว่า หลวงปู่จึงต้องมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่พึ่งที่ระลึกแก่หมู่ชนในทางพระศาสนา
หลวงปู่เกิดป่วยเป็นโรคซึ่งสมัยนั้นรักษาไม่ได้ หรือรักษาได้ยาก เขาเรียกว่า โรคฝีประคำร้อย ซึ่งจะเกิดเป็นฝีเรียงสะพายตามร่างกายของเรา จะสะพายซ้ายหรือสะพายขวา บางคนเรียกสังวาลพระอินทร์ก็มี ถ้าหากว่าขึ้นจนครบรอบก็จะต้องเสียชีวิตเพราะทนอาการอักเสบไม่ไหว
เมื่อหลวงปู่สายได้รับความเจ็บป่วยดังนั้น ก็พยายามแสวงหาหมอรักษาพยาบาล แต่ว่าหมอปัจจุบันรักษาไม่ได้ ท่านต้องแสวงหาตามหมอสมุนไพรหรือหมอพระ เดชะบุญกุศลที่หลวงปู่ได้สร้างมา จึงได้ไปพบกับหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ซึ่งคนนับถือมากในสมัยนั้น
หลวงปู่เดิมสามารถขจัดปัดเป่าโรคร้ายของหลวงปู่ได้ด้วยยาสมุนไพรและพุทธาคม จึงทำให้หลวงปู่สายเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ยอมมอบกายถวายชีวิต บวชให้แก่หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์
หลังจากที่ได้บวชแล้วท่านก็ได้ศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ ทางด้านปริยัติก็ได้ศึกษานักธรรมบาลี ทางด้านปฏิบัติก็ปฏิบัติในสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน และได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมความรู้ต่าง ๆ จากหลวงปู่เดิม แล้วก็ได้ออกเดินธุดงค์เพื่อทดสอบกำลังใจของตัวเอง หลวงปู่สายอยู่กับหลวงปู่เดิมแค่ ๖ พรรษา ครูบาอาจารย์ก็ถึงแก่มรณภาพลง
พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส)
วัดท่าขนุน กาญจนบุรี
บุคคลที่จบ ม.๘ สมัยนั้นหาได้ยากมาก เนื่องจากว่าสมัยนั้นคนที่จบชั้น ป.๔ ถ้ามีความรู้แน่นจริง ๆ สามารถสมัครเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นครูสอนได้ และครูประชาบาลที่ได้รับวุฒิ ม.๘ เช่นเดียวกับหลวงปู่สาย จะได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง เพราะถือว่าเป็นการศึกษาระดับที่สูงมาก
ดังนั้น หลวงปู่เมื่อศึกษาจบแล้วจึงได้เข้าทำงานในกรมการรถไฟ ซึ่งปัจจุบันก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ทรงเป็นเสนาบดีกรมการรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคนั้น
หลวงปู่สายได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง เป็นที่เชื่อถือของบรรดาผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นลำดับ แต่เนื่องจากว่า บุญกุศลที่ท่านสร้างไว้ในทางธรรมนั้นมีมากกว่า หลวงปู่จึงต้องมาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่พึ่งที่ระลึกแก่หมู่ชนในทางพระศาสนา
หลวงปู่เกิดป่วยเป็นโรคซึ่งสมัยนั้นรักษาไม่ได้ หรือรักษาได้ยาก เขาเรียกว่า โรคฝีประคำร้อย ซึ่งจะเกิดเป็นฝีเรียงสะพายตามร่างกายของเรา จะสะพายซ้ายหรือสะพายขวา บางคนเรียกสังวาลพระอินทร์ก็มี ถ้าหากว่าขึ้นจนครบรอบก็จะต้องเสียชีวิตเพราะทนอาการอักเสบไม่ไหว
เมื่อหลวงปู่สายได้รับความเจ็บป่วยดังนั้น ก็พยายามแสวงหาหมอรักษาพยาบาล แต่ว่าหมอปัจจุบันรักษาไม่ได้ ท่านต้องแสวงหาตามหมอสมุนไพรหรือหมอพระ เดชะบุญกุศลที่หลวงปู่ได้สร้างมา จึงได้ไปพบกับหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ใหญ่ซึ่งคนนับถือมากในสมัยนั้น
หลวงปู่เดิมสามารถขจัดปัดเป่าโรคร้ายของหลวงปู่ได้ด้วยยาสมุนไพรและพุทธาคม จึงทำให้หลวงปู่สายเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ยอมมอบกายถวายชีวิต บวชให้แก่หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์
หลังจากที่ได้บวชแล้วท่านก็ได้ศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ ทางด้านปริยัติก็ได้ศึกษานักธรรมบาลี ทางด้านปฏิบัติก็ปฏิบัติในสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน และได้รับการถ่ายทอดพุทธาคมความรู้ต่าง ๆ จากหลวงปู่เดิม แล้วก็ได้ออกเดินธุดงค์เพื่อทดสอบกำลังใจของตัวเอง หลวงปู่สายอยู่กับหลวงปู่เดิมแค่ ๖ พรรษา ครูบาอาจารย์ก็ถึงแก่มรณภาพลง