PDA

View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘


พิชวัฒน์
03-07-2025, 17:11
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘

HQaiWXdUL68

เถรี
04-07-2025, 04:04
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ วันพระ อีก ๗ วันก็จะเข้าพรรษาแล้ว กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงพุทธมณฑลประมาณตี ๕ ครึ่งเหมือนเดิม คราวนี้จอดรถอยู่ที่ทางออกข้างเต็นท์ศีล ๕ พูดง่าย ๆ ว่า "เมื่อวานโดนเขาไล่จนฉลาดขึ้นมา" เนื่องเพราะว่าพระเถระก็ดี องคมนตรีก็ตาม ท่านที่เพิ่งมาถึงใหม่ ก็จะเดินไปตรวจเยี่ยมนิทรรศการต่าง ๆ ของทั้ง ๘ ฝ่าย ทางผู้จัดงานจึงไม่อยากให้มีรถเกะกะอยู่แถวบริเวณด้านหน้าเต็นท์นิทรรศการ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสถานที่ให้จอดเสียด้วย

เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปจอดต่อท้ายรถตู้ซึ่งเขามีใบอนุญาตให้จอด เป็นอะไรที่ตลกมากตรงที่ว่า ใบอนุญาตให้จอดแห่งที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ซึ่งได้แจกจ่ายออกไป แต่คนที่รู้ว่าที่จอดทั้ง ๔ แห่งอยู่ตรงไหนบ้างนั้นมีน้อยมาก ต้องวนกันจนท้อใจไปตาม ๆ กัน เมื่อมาวันนี้ กระผม/อาตมภาพเล็งแล้วว่าด้านทางออกนี้ดีที่สุด เนื่องเพราะว่าแค่ถอยหลังหน่อยเดียวก็หักขวาออกไปได้เลย ต่อให้โดนเขาไล่ ก็ถือโอกาสกลับที่พักเลย หมดเรื่องหมดราวไป..!

เมื่อเดินเข้าไปในเต็นท์นิทรรศการศีล ๕ ก็ไปเจอปูทูลกระหม่อม ซึ่งทางเจ้าของเต็นท์ภาคภูมิใจมาก บอกว่ามีแห่งเดียวในโลก ถึงขนาดปั้นเป็นโมเดลเล็ก ๆ ออกมาจำหน่าย ซึ่งมีทั้งแบบปั้นด้วยขี้เลื่อยและปั้นด้วยดินไทย ท่านทั้งหลายอาจจะไม่รู้จักคำว่า "ดินไทย"

ดินไทยนั้นก็คือดินที่ผ่านการย่ำละเอียดและกรองดีแล้ว หลังจากนั้นก็เอามาผสมกับขี้วัวหรือขี้ควาย เมื่อคนจนเข้ากันดีแล้ว ทำการกรองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการทำประณีตขนาดนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเอาไว้พอกพิมพ์เพื่อหล่อพระ คาดว่าการที่ทำดินไทยเพื่อปั้นรูปปูนี้คงไม่ละเอียดขนาดนั้น

เจ้าของเต็นท์พูดน้ำไหลไฟดับ โดยที่กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ที่วัดมีเยอะแยะไป" อีกฝ่ายตีให้ตายก็ไม่เชื่อ เพราะฝังหัวไปแล้วว่า "มีแห่งเดียวในโลก" กระผม/อาตมภาพก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางของเขา เนื่องเพราะว่าที่เกาะพระฤๅษี และรอบบริเวณป่าสงวนเขาพระฤๅษี - เขาบ่อแร่นั้น มีแต่ปูทูลกระหม่อมนี้เต็มไปหมด พูดง่าย ๆ ว่าในบริเวณอำเภอทองผาภูมิ พื้นที่ป่าเขาส่วนใหญ่ก็จะมีปูชนิดนี้ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นปูราชินี หรือว่าปู ๕ สีนั้น จะมีเฉพาะที่บริเวณ "พุปูราชินี" ตำบลห้วยเขย่งแห่งเดียวเท่านั้น

เถรี
04-07-2025, 04:06
ครั้นประมาณ ๖ โมงเช้ากระผม/อาตมภาพก็เดินฝ่าฝนที่พรำไม่เลิกไปฉันภัตตาหารเช้าที่บริเวณอาคารหอฉันใหม่ เสร็จแล้วก็มาประจำที่อยู่ภายในเต็นท์ศีล ๕ จน ๘ โมงเช้า ถึงได้เข้าไปในหอประชุมใหญ่ โดยที่ตั้งใจจะนั่งอยู่แถวหลังสุด

ทางด้านหน้ามีแต่บรรดาครูพระสอนศีลธรรม พระวิปัสสนาจารย์ พระนักเทศน์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงนั่งอยู่เต็มไปหมด แต่ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ - พระโสภณวชิรวาที , ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที) แม่งานใหญ่เห็นเข้าพอดี พูดออกไมค์ว่า "นิมนต์หลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าภาพใหญ่นั่งทางเก้าอี้พระเถระด้านหน้าเลยครับ หลวงพ่ออยู่ในระดับพ่อของครูพระสอนศีลธรรมแล้ว อย่าไปนั่งหลบอยู่ข้างหลัง ให้มานั่งทางด้านหน้า ให้ท่านที่ยังไม่รู้จักได้ชื่นชมบารมีบ้าง"

เท่านั้นก็เป็นเรื่อง เนื่องเพราะว่าทั้งพระที่เป็น FC วัดท่าขนุนก็ดี บรรดาพระภิกษุสามเณรที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของกระผม/อาตมภาพมาก่อนก็ตาม ขอมาถ่ายรูปเป็นการใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สำนักงานองคมนตรี ก็ยังมาขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรม กระผม/อาตมภาพไม่ชอบอะไรที่วุ่นวายแบบนี้ แต่เมื่อแสงสป็อตไลท์ส่องลงมาแล้วจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องปล่อยให้เขาถ่ายรูปไปจนครบ แล้วถึงจะหลบไปนั่งอยู่ทางด้านหลังที่นั่งพระเถระ

เจอท่านเจ้าคุณอาจารย์วัลลภ - พระราชวัชรธรรมวาที, รศ., ดร. (วัลลภ โกวิโล ป.ธ. ๘) ท่านเจ้าคุณอาจารย์ชัยวัฒน์ - พระเทพวชิรวาที (ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน) เพิ่งจะคุยกันได้ไม่กี่คำ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมวัชรธีราจารย์ , ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็มาถึง เมื่อกราบทักทายกันแล้ว ทั้งท่านและอาตมภาพก็ได้ถ่ายรูปร่วมกัน

คุยกันได้ไม่กี่คำ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) , ศ., ดร. แม่งานใหญ่ครั้งนี้ก็มา บอกว่า "ท่านมาทุกวันเลย ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ตั้งใจมาช่วยกัน" ยังไม่ทันคุยอะไรต่อก็มีมือมาจับแขนเขย่า หันไป ปรากฏว่าหลวงพ่อพิมพ์ - พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม โผล่มาข้างหลังตอนไหนไม่รู้ ?

เถรี
04-07-2025, 04:07
หลังจากที่กราบกรานกันตามธรรมเนียมเสร็จสรรพเรียบร้อย พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานในงานวันนี้ก็มาถึง พร้อมทั้งท่านจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้าของโครงการสืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

เพียงแต่ว่าวันนี้ "ปู่ชลิต" ของกระผม/อาตมภาพท่านเป็นประธานในงาน จึงได้ขึ้นไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วลงมาประเคนผ้าไตรพระราชทานและพัดรอง ให้กับนักเทศน์ทุนเล่าเรียนหลวง พระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งทั้งสองอย่างก็คือการฝึกนักเทศน์เหมือนกัน แต่ว่าพระธรรมกถิกาจารย์ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นของคณะสงฆ์ธรรมยุต และบุคลากรของหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ซึ่งแต่ละฝ่ายได้รับพระราชทานผ้าไตรฝ่ายละ ๕ รูป

หลังจากนั้น พระนักเทศน์ที่ได้รับการคัดตัวมาในวันนี้ของทางภาคกลาง ก็ขึ้นแสดงพระธรรมเทศนาก่อน ปรากฏว่าท่านตั้งใจมากจนเกินไป โดยเฉพาะปิดท้ายด้วยแหล่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้มีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับบรรดา "เซียนนักเทศน์" ที่จับผิดได้อย่างแน่นอน

กระผม/อาตมภาพฟังแล้วยังชื่นชมว่าเสียงท่านดีมาก แต่ว่าการแหล่แบบนี้ขอเถอะ..กระผม/อาตมภาพไม่ทำแน่นอน..! ทั้ง ๆ ที่เคยฝึกเคยหัดมา แต่ด้วยความที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ห้ามภิกษุขับลำด้วยเสียงอันยาว" พระองค์ท่านบอกว่า "ผู้ขับลำก็หลงเสียงตนเอง ผู้ฟังก็หลงในเสียงนั้น" ซึ่งมีแต่โทษทั้งสิ้น..!

แต่ด้วยความที่ว่าวัฒนธรรมประเพณีของบ้านเรานั้น ในเรื่องของการเทศน์แหล่ โดยเฉพาะเทศน์มหาชาติ เป็นเรื่องที่สืบทอดกันมานับร้อย ๆ ปี พระนักเทศน์เก่ง ๆ บางรูป สามารถใช้เสียงตนเองทำเป็นเครื่องดนตรีได้แทบทุกชนิด ในเวลาที่ดนตรีประโคมเมื่อพระเวสสันดรเสด็จ เหล่านี้เป็นต้น เป็นเรื่องซึ่งควรที่จะอนุรักษ์เอาไว้ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพไม่มีกำลังใจที่จะไปฝืนคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้แต่ปล่อยให้ท่านทั้งหลายที่มีกำลังใจนิยมในเรื่องนี้ ทำการแสดงพระธรรมเทศนาแบบแหล่ของท่านกันต่อไป

เถรี
04-07-2025, 04:09
เมื่อจบการเทศน์ลงแล้ว ท่านองคมนตรีก็ประเคนผ้าไตรไทยธรรม แล้วนักเทศน์ของปักษ์ใต้ก็ขึ้นเทศน์ต่อ เพราะว่าวันนี้มีเทศน์ ๔ ภาค ช่วงเช้าเทศน์เป็นภาษากลางกับภาษาใต้ ช่วงบ่ายเทศน์เป็นภาษาอีสานแล้วปิดท้ายด้วยภาษาเหนือ

ยังไม่ทันไร หลวงพ่อสัมฤทธิ์ (พระครูวิสุทธิ์สิทธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดโกรกกราก รองเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครก็มานั่งอยู่ข้าง ๆ กระซิบบอกว่า "นิมนต์หลวงพ่อเล็กช่วยปลุกเสกหลวงพ่อปู่ให้ในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๙ ด้วยนะครับ" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงตรวจงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ อาจจะไม่ว่างก็ได้ครับ"

แต่เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก เมื่อเปิดดูในโทรศัพท์มือถือแล้ว ปรากฏว่าว่างอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น เมื่อชี้ให้ดู หลวงพ่อสัมฤทธิ์ท่านถึงกับพนมมือท่วมหัว บอกว่า "ผมขอไว้กับหลวงพ่อปู่แล้วว่า พระที่ผมต้องการให้มาปลุกเสก ขอให้นิมนต์ได้ทุกรูป" กระผม/อาตมภาพต้องยกมือสาธุตามไปด้วย

หลวงพ่อปู่ วัดโกรกกรากนั้น เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวในประเทศไทยที่ใส่แว่นตาดำมาตลอด เนื่องเพราะว่าในสมัยก่อนมีโรคตาแดงระบาด ญาติโยมไปบนขอน้ำมนต์ท่านไปล้างหน้าล้างตา อธิษฐานขอให้หายจากโรค ถ้าหายแล้วจะถวายแว่นตาดำแก่หลวงพ่อปู่ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ได้รับน้ำมนต์ไปแล้วก็หายเป็นปกติ ไม่ต้องใส่แว่นตาดำปกปิดดวงตาแดง ๆ แฉะ ๆ ของตนเอง จึงเอาแว่นตาดำไปใส่ถวายให้หลวงพ่อปู่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูป

ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อปู่ก็ใส่แว่นตาดำมาตลอด จนกระทั่งมีบางคนรำคาญว่าพระพุทธรูปอะไรใส่แว่นตาดำ แล้วไปนำออก ปรากฏว่าตนเองป่วยเป็นโรคตาแดงขึ้นมา จึงต้องเอาแว่นตาไปใส่คืนให้หลวงพ่อปู่ แล้วจึงหายจากโรคที่เป็น ต้องบอกว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากรูปหนึ่ง

หลวงพ่อสัมฤทธิ์นั้น กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับท่านมานานมาก แม้กระทั่งงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี งานพระราชทานเพลิงศพของพระมหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ตลอดจนกระทั่งงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปถัดจากหลวงพ่อณรงค์ ก็ได้รับความเมตตามอบเมรุลอยมาจากทางวัดโกรกกราก โดยที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์มากำกับในการตั้งเมรุให้เอง

เถรี
04-07-2025, 04:11
กระผม/อาตมภาพแอบยัดเงินให้บรรดาคนงานต่าง ๆ เป็นรางวัลคนละ ๑,๐๐๐ บาท ปรากฏว่าช่วงดึกเกือบ ๕ ทุ่ม คนงานท่านหนึ่งวิ่งรถเข้ามาในวัดท่ามะขาม เอาเงินกลับมาคืนให้..! บอกว่าพอหลวงพ่อสัมฤทธิ์รู้เข้าก็ไล่ให้เอามาคืนโดยด่วน ท่านสร้างเมรุลอยขึ้นมาเพื่อการสงเคราะห์ ต้องการบุญอย่างเดียว ถ้าหากว่าไปรับเงินมา แล้วบุญของท่านจะไม่บริสุทธิ์..!

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็แจ้งให้กับทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีว่า "ถ้าขอเมรุลอยจากวัดโกรกกรากได้ ก็อย่าไปให้เงินคนงาน ไม่เช่นนั้นแล้วคนงานจะต้องเดือดร้อนแบบนี้อีก..!" เราจะเห็นว่ากำลังใจของหลวงพ่อสัมฤทธิ์นั้นอยู่กับบุญกับกุศลจริง ๆ กระผม/อาตมภาพถือว่าโชคดีมาก ที่ได้รู้จักกับพระสังฆาธิการซึ่งมีใจเป็นบุญเป็นกุศล มีกำลังใจสละตนเองเพื่อทำงานให้กับทางคณะสงฆ์แบบนี้

หลังจากที่ร่ำลาท่านแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ฟังการแหลงใต้ในการเทศน์บนธรรมาสน์ เนื่องเพราะว่าต้องกลับไปให้พรรคพวกเห็นหน้าที่เต็นท์หมู่บ้านรักษาศีล ๕ แล้วก็ไปซื้อเอาปูทูลกระหม่อมมา ๒ ตัว เขาคิดตัวใหญ่ ๘๐๐ บาท ตัวเล็ก ๕๐๐ บาท เนื่องเพราะว่าปั้นจากดินไทย ถ้าหากว่าเป็นขี้เลื่อยจะถูกกว่านี้เป็นครึ่ง ๆ

กระผม/อาตมภาพเองเห็นว่าเขาใส่กระจาดเล็ก ๆ มาด้วย จึงจ่ายเกินราคาไปให้ แล้วก็หอบเอาปูทั้ง ๒ ตัวกลับมา เผื่อว่าทางอำเภอทองผาภูมิจะทำตามบ้าง เนื่องเพราะว่าเขาบอกวิธีไว้โดยละเอียดแบบไม่หวงวิชา หรือว่าจะสั่งซื้อจากเขาในราคาขายส่ง แล้วนำไปขายต่ออย่างไรก็แล้วแต่จะบริหารจัดการกันเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)