PDA

View Full Version : เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘


เถรี
02-06-2025, 23:27
ช่วงนี้โดยปกติแล้วฝนจะตกทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเวลานี้ ซึ่งเป็นเวลาที่พระกำลังบิณฑบาต เขาก็จะเมตตาช่วงสรงน้ำให้พระอีกรอบหนึ่งเป็นประจำ ยังดีที่มีการเว้นว่างให้บ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วญาติโยมจะไม่มีที่อยู่ทางด้านนอกเลย..!

แบบเดียวกับงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีของปีที่แล้ว ฝนตกจนกระทั่งไม่มีสถานที่ให้อยู่ ญาติโยมเข้ามาในศาลาแล้วออกไปไม่ได้ อาตมาต้องกราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์เป่ายันต์รอบพิเศษให้ เพื่อระบายโยมออกไป ปีนี้ก็เลยต้องขอท่านเอาไว้ว่า "ถ้าเป็นไปได้ ช่วงเป่ายันต์ขอให้หยุดตกชั่วคราว" ไม่อย่างนั้นก็จะมีเหตุการณ์เหมือนเดิมอีก

เถรี
02-06-2025, 23:27
บางคนสงสัยว่าใส่หน้ากากแล้วอาตมภาพยังจำคนได้อยู่ มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เก่งขนาดเห็นใบหูข้างเดียวแล้วจำคนได้ อาตมายังไม่ได้ระดับนั้น..!

เถรี
02-06-2025, 23:28
คณะศิษย์หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนามาออกโรงทาน ญาติโยมขากลับแวะไปกราบสังขารหลวงปู่ท่านได้ มรณภาพไปแล้ว ยังไม่เน่าไม่เปื่อยเหมือนกัน

เถรี
02-06-2025, 23:30
อีกสักครู่ตอนใกล้พิธีไหว้ครู จะอนุญาตให้นั่งบนทางเดินเลย ตอนนี้เบียด ๆ กันไปก่อน ทำความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกันก่อน สมัยก่อนอยู่ที่วัดท่าซุง ปี ๒๕๒๕ วันเสาร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ หลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรก ใช้ศาลาพระพินิจอักษร ปรากฏว่าคนต้องผลัดกันเข้าถึง ๔ - ๕ รอบ ท่านจึงเร่งสร้างศาลา ๒ ไร่

พอวันเสาร์ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ ศาลา ๒ ไร่ยังไม่เสร็จดี เพิ่งจะเทพื้นแล้วกลัวแห้งไม่ทัน ช่างก็เลยเอาผงปูนซัดเพื่อที่จะให้ช่วยดูดน้ำ สรุปว่าต้องเปิดใช้งานทั้งแบบนั้น ทุกคนที่ไปงานชุดจะประทับใจมาก เพราะว่าคลุกฝุ่นปูนกันทุกคน..! โดยเฉพาะเมื่อเบียดกันมาก ๆ เข้า โยมบางคนหายใจไม่ทัน เวียนหัว อาเจียนรดหลังเพื่อน..! เพื่อนก็ขยับออกไม่ได้ เพราะว่าแน่นพอ ๆ กับที่วัดนี้ สรุปก็คือต้องปล่อยให้อาเจียนแห้งคาหลังไปเลย..! ถึงได้บอกว่าพวกเราทำความรู้จักกันไปก่อน เดี๋ยวอีกสักครู่ถ้าอาเจียนใส่กันจะได้ไม่โกรธกัน..!

เถรี
02-06-2025, 23:30
ถ้าเห็นแก่ตัวมาก ที่ว่างรอบตัวก็จะมาก เป็นอะไรที่วัดง่ายที่สุด ใครที่เห็นแก่ตัวน้อย หรือไม่มีความเห็นแก่ตัว ก็แทบจะนั่งบนตักคนอื่นเลย

เถรี
02-06-2025, 23:34
เห็นเจ้าหน้าที่ถ่ายทำวิดีโอ เขาใช้ไม้ยาว ๆ ในการต่อไมโครโฟนเพื่อรับเสียง อาตมาเห็นเป็นคนถือทวน เวรกรรม..! เขาถึงได้บอกว่าจิตมีสภาพจำ เคยทำอะไรไว้ก็ปรุงแต่งไปอย่างนั้น ดังนั้น..พอถึงเวลาคนใกล้จะตาย ญาติพี่น้องก็ใจดี ช่วยบอกทางให้ บอกว่า "ให้ท่องพระอะระหัง พระอะระหังไว้" ปรากฏว่าคนป่วยหนักถามว่า "พระอะไรวะมีหาง !?" ถ้าลักษณะนั้น แสดงว่าจิตไม่ยอมรับ

พอบอกว่า "พุทโธ พุทโธไว้นะ" คนป่วยหนักเคยแต่หาปลาทั้งชีวิต แทนที่จะว่าพุทโธ ก็ว่า "ไอ้โด..ไอ้โด" ก็คือปลาชะโด ถ้าอย่างนั้นมีคติแน่นอนว่าไปข้างล่างแน่..! อย่างที่ภาษารุ่นเก่า ๆ เขาว่า "พระโปรดไม่ได้" บุคคลที่พระโปรดไม่ได้ถือว่าน่าสงสารมาก เนื่องเพราะว่ามีคนช่วยบอกช่วยกล่าวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะกำหนดใจให้เป็นไปตามที่เขาบอกเขากล่าวได้

ส่วนญาติโยมบางท่านน่าสงสารกว่านั้นอีก เห็นหลวงปู่ดุลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) อดีตเจ้าอาวาสวัดบูรพาราม อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต) ใกล้จะหมดลมแล้ว อุตส่าห์ไปกระซิบข้างหูว่า "หลวงปู่..พุทโธ..พุทโธนะ จะได้ไปดี" ทำเอาหลวงปู่ท่านยิ้มแฉ่ง ประมาณว่า "กูนะไปดีแน่ แต่มึงจะไปไหนไม่รู้ ?" ไปสอนพระอรหันต์ให้พุทโธ แต่ก็ดีนะ..ทำให้หลวงปู่ท่านยิ้มก่อนมรณภาพ ไม่รู้ว่ายิ้มสมเพชเวทนาคนสอนหรือเปล่า ?

เถรี
02-06-2025, 23:35
เครื่องบวงสรวงที่จะไหว้ครูของทุกปีและทุกครั้ง ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์มหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖) วัดปากน้ำภาษีเจริญและคณะศิษย์บ้านสุมโน ช่วยกันจัดทำให้ โดยที่อาตมภาพไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว

เครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ขนาดนี้ปัจจุบันราคาชุดหนึ่งเป็นแสนแล้ว แต่ว่าท่านอาจารย์เอถือว่าทำถวายครูบาอาจารย์ ท่านเองก็ได้อานิสงส์ด้วย คณะศิษย์ก็ได้อานิสงส์ด้วย อาตมภาพก็ได้รับความสะดวกไปด้วย ขอให้ทุกคนตั้งใจอนุโมทนา ถือว่าเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ถึงเวลาก็ไหว้ครูพร้อมกัน

ครูของเราทั้งหมด นับเริ่มจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์บนพระนิพพาน ลงมาถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พรหม เทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ในชาติปัจจุบันนี้ ให้ตั้งใจว่า เราน้อมบูชาครูด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้ วิชาการหรือสิ่งหนึ่งประการใด ที่ครูเคยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้ได้เล่าเรียนมา ก็ขอให้เราสามารถเข้าใจแตกฉาน และทำได้เช่นเดียวกับครูด้วย

เถรี
03-06-2025, 20:02
ถ้าใครศึกษาเรื่องคาถาอาคมมา จะเห็นว่าพระคาถาหลายบท มีการเอ่ยถึงครูก่อน อย่างเช่น "พระคาถาโองการมหาทมื่น" ก็จะมีประโยคที่ว่า "เมื่อกูเอ่ยถึงครูกู ใครจักสู้กูก็มิได้ ครูกูจึงให้กูว่าพระคาถา..ฯลฯ" แล้วก็เริ่มต้นเข้าเนื้อหาไป

หรือถ้าหากอย่างในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เมื่อถึงเวลาจะรบกัน ก็มีการไต่ถามชื่อเสียงเรียงนาม นอกจากเขาจะบอกชื่อบอกตำแหน่งแล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็นลูกศิษย์ใคร พูดง่าย ๆ ว่าถ้าครูเก่งจริง ชื่อเสียงโด่งดังจริง จะเป็นการข่มฝ่ายตรงข้ามไปในตัวว่า ขนาดครูเก่งปานนั้น ลูกศิษย์ต้องมีดีอย่างแน่นอน..!

ดังนั้น..แสนตรีเพชรกล้าจึงได้ตอบพลายงามว่า "ตัวเราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า" สมัยก่อนยศทางเหนือ เขาจะมียศเป็นหมื่น เป็นแสน อย่างเช่นว่าหมื่นหาญฟ้า เหล่านี้เป็นต้น

เขาบอกว่า "พระครูผู้บอกวิทยา ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง"

แสนตรีเพชรกล้าเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ศรีแก้วฟ้า ถ้าถามว่าแสนตรีเพชรกล้าเก่งขนาดไหน ? เขาบอกว่า "แต่เกิดมาอาวุธไม่พ้องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว" เหนียวตั้งแต่เกิด อะไรจะเก่งปานนั้น..?!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเราไปศึกษาพวกวรรณคดีไทยโบราณ บางทีเขาจะก็มีบอกสารพัดวิธีการเอาไว้ในนั้น นั่นเป็นเรื่องจริงที่สามารถทำได้ทั้งหมด อย่างที่บอกว่า "ตำรามหาศาตราคม" ที่ขุนแผนใช้ตีดาบฟ้าฟื้น เป็นต้น มีส่วนผสมอะไรบ้างก็อยู่ในนั้นแหละ หรือไม่ก็จะสร้างกุมารทองต้องทำอย่างไร ? บอกไว้ชัดหมด แต่สมัยนี้ทำไม่ได้แล้ว มัวแต่ไปปิ้งเด็กแบบ "เณรแอ" ก็ติดคุกหัวโตเท่านั้น..!

เถรี
03-06-2025, 20:04
ดังนั้น..พวกวิชาการหลายต่อหลายอย่าง สถานภาพของสังคมเอื้อให้คนเก่ง ฟังแล้วงง ๆ ไหม ? อย่างสถานภาพในสังคมปัจจุบันของเราไม่เอื้อให้คนเก่ง เพราะเขาว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรื่องเลย ตูจะหาเรื่องเดือดร้อนแล้วกระมัง ?!

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าสภาพสังคมจะเป็นเครื่องผลักดัน แบบวัดท่าขนุนของเรา พอมีพระสอบบาลีเป็นมหาเปรียญได้มาก ๆ รุ่นน้องก็มีกำลังใจ "เฮ้ย..ไม่ยากนี่หว่า พี่เขาคนโน้นก็สอบได้ คนนี้ก็สอบได้"

เราลองไปดูวรรณคดีขุนช้างขุนแผนตอนพลายแก้วบวชเณร หลายท่านที่แก่พอกับอาตมภาพต้องเคยเรียนมา ท่านว่า

"จะกล่าวถึงพลายแก้วแววไว

เมื่อบิดาบรรลัยแม่พาหนี

ไปอาศัยอยู่ในกาญจนบุรี

กับนางทองประศรีผู้มารดา ฯ"

สมัยนั้นขุนไกรอยู่ที่อู่ทอง สุพรรณบุรี ไม่ต้องยุคขุนไกรอยุธยาหรอก แค่ยุคอาตมานี่แหละ แถวนั้นเป็นป่าใหญ่ชนิดมีเสือมีช้างเลย..!

เถรี
03-06-2025, 20:10
"อยู่มาจนเจ้าเจริญวัย

อายุนั้นได้ถึงสิบห้า

ไม่วายคิดถึงพ่อที่มรณา

แต่นึกตรึกตรามากว่าปี

อยากจะเป็นทหารชาญชัย

ให้เหมือนพ่อขุนไกรที่เป็นผี

จึงอ้อนวอนมารดาได้ปรานี

ลูกนี้จักใคร่รู้วิชาการ

พระสงฆ์องค์ใดวิชาดี

แม่จงพาลูกนี้ไปฝากท่าน

ให้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์

อธิษฐานบวชลูกเป็นเณรไว้"

อยากจะเก่งแบบพ่อขุนไกร อยากจะเรียนวิชา ไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียวว่าเรียนแล้วจะไม่สำเร็จ

"ครานั้นทองประศรีผู้มารดา

ได้ฟังลูกว่าหาขัดไม่

อันสมภารที่ชำนาญในทางใน

ท่านขรัววัดส้มใหญ่แลดีครัน"

วัดส้มใหญ่ตอนนี้อยู่แถวหนองขาว ท่าม่วงนี่เอง

"เจ้าคิดนี้ดีแล้วแก้วแม่อา

แม่จักพาไปฝากขรัวบุญท่าน"

ฝากหลวงปู่บุญ วัดส้มใหญ่

"จะได้รู้การณรงค์คงกระพัน

ให้เหมือนกันสืบต่อพ่อขุนไกร"

แม่ก็เหมือนกับลูก ไปเรียนแล้วต้องจบ ไปเรียนแล้วต้องสำเร็จ ก็คือสภาพสังคมเป็นอย่างนั้น ทุกคนเรียนได้ผลหมด คนก็เลยไม่คิดว่าวิชาการพวกนี้ยาก แม้แต่เด็ก ๆ อย่างพลายงาม ฝึกเองเรียนเองยังทำได้เลย

เถรี
03-06-2025, 20:13
ท่านบอกว่า

"อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย

ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี

ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี

เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์

ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด

แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน

หัวใจกฤตย์อิทธิเจเสน่ห์กล

แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นกินน้ำมัน

แอบเข้าห้องลองวิชาประสาเด็ก ฯลฯ"


ลองวิชา แอบเรียนเองไม่พอ แอบลองด้วย ใช้เหล็กแหลมแทงตัวเองจนปลายเหล็กงอหมด ไม่เข้าสักนิด..!

แต่ประโยคที่พวกเรามองข้ามไปก็คือ "ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี" ย่าสอนเอง..! แล้วลองคิดดูว่าป่าใหญ่ดงทึบสมัยนั้น จากอู่ทองกว่าจะมาถึงพนมทวน ระยะทางหลาย ๑๐ กิโลเมตร บุกป่าฝ่าดงไป พรานเก่ง ๆ ยังตาย..! คุณย่าพาเด็กน้อยพลายแก้วไปได้อย่างไร ? ไม่เก่งจริงเอาไปไม่รอดหรอก

ความมาแตกตอนเลี้ยงหลานนี่เอง ย่าเป็นคนถ่ายทอดวิชาให้..! แสดงว่าคุณย่าทองประศรีเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดสังคมสมัยนั้น สมัยนั้นเขาให้เรียนอะไร ? หุงข้าว ทอผ้า ทำการบ้านงานเรือนต่าง ๆ หนังสือไม่ต้องเรียน คุณย่าทองประศรีเรียนทั้งไทย เรียนทั้งขอม เรียนคัมภีร์พุทธเภท พระเวทมนตร์ กลับไปอ่านใหม่นะ ไม่อย่างนั้น..ให้แต่หลวงพ่อบอกให้ฟัง

เถรี
03-06-2025, 20:16
ตอนแรกอาตมภาพก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นคนจำแม่น อ่านหนังสือรอบเดียว กี่ปีก็ไม่ไปไหน พอมาฝึกกรรมฐานแล้วถึงได้เข้าใจ ท่านบอกว่าผู้มีจิตตั้งมั่นย่อมมีสติ รำลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วนาน ไม่ได้รำลึกแค่ชาตินี้นะ ระลึกย้อนหลังไปบางทีนับชาติไม่ถ้วน..! เพราะฉะนั้น..เรื่องเรียนแค่ชาติเดียวเป็นเรื่องเล็ก หรือว่าเรื่องใหญ่ ? ผมเรียนมา ๑๒ ปียังไม่จบเลย สมควรตายมาก..!

อาตมาเรียนปริญญาตรี ๓ ปีครึ่ง ปริญญาโท ๑ ปีกับ ๑ เดือน ปริญญาเอก ๒ ปีกับ ๑ เทอม จะขอจบตั้งแต่ปีแรกแล้ว ครูเขาไม่ยอมให้จบ เขาบอกว่า "ปริญญาเอกถ้าเรียนไม่ถึง ๓ ปี ถือว่าไม่มีคุณภาพ..!"

พอปี ๓ เริ่มขึ้นเทอม ๒ อาจารย์วิ่งมาถาม "คิดว่าสามารถทำวิทยานิพนธ์ให้จบในเทอมนี้ได้ไหม ? ถ้าทำได้ผมจะให้จบ" ก็ถามอาจารย์ว่า "ทำไมละครับ ? ตอนแรกบอกไม่ถึง ๓ ปีไม่ให้จบ" ท่านบอกว่า "รุ่นพี่ของท่านยังไม่จบแม้แต่คนเดียว..!" อาตมาเรียนปริญญาเอกรุ่น ๒ พี่รุ่น ๑ ไม่จบเลยสักคน แล้วเหลือเวลาแค่ ๒ เดือน อาตมาก็สบายใจ "ไม่ถึง ๓ ปี เขาไม่ให้เราจบ" วิทยานิพนธ์ก็เลยทิ้งไว้แค่บทที่ ๒ มีเวลาแค่ ๒ เดือนจะต้องปั่น ๓ บทสุดท้ายให้จบ เล่นเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอน

มีอยู่ช่วงหนึ่งไม่ได้นอน ๑๑ วัน ๑๑ คืน..! ถามว่าทำไมไม่นอน ? อยากจะนอนเหมือนกันแหละ..พอนอนลงไป ดันคิดได้ว่าจะเขียนต่ออย่างไร ก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ เวรกรรมจริง ๆ เลย..! พอวันที่ ๑๑ จะผ่านไป อยู่ ๆ จอคอมพิวเตอร์ดับวูบ ไอ้เราก็ "อ้าว..น่าลืมเสียบปลั๊ก เลยแบตหมด..!" ก้มลงไปก็เห็นปลั๊กแดงโร่อยู่..! สรุปว่าทุกอย่างปกติ ยกเว้นอาตมา หน้ามืดเอง..! ๑๑ วันไม่ได้นอน ภาพตัดชั่วคราว แต่ไปนึกว่าจอคอมพิวเตอร์ดับ..!

เถรี
03-06-2025, 20:20
อาตมาสุ้มเสียงไม่ค่อยจะมี ไปอินเดียเจออากาศหนาวแล้วก็ฝุ่นหนักมาก กลับมาได้เวลาเลือกตั้งท้องถิ่นพอดี ก็เลยขายเสียงไปชั่วคราว..! ไม่มีเสียงไปอาทิตย์กว่า จนป่านนี้สุ้มเสียงก็ยังไม่เข้าที่ ต่อไปตูจะไม่เชื่อใครง่าย ๆ อีกแล้ว

ไปกราบองค์ดาไลลามะที่ธรรมศาลา ถามเขาว่า "อากาศหนาวไหม ?" ผู้เชี่ยวชาญเขาบอกว่า อินเดียไม่มีหนาวหรอก ไม่ต้องเตรียมอะไรไปก็ได้ อาตมาอยู่ที่นั่น ๕ วัน เจอ ๑๒ องศาเซลเซียส เกือบตาย..!

แต่ก็ยังดีตรงที่ว่าท่านดาไลลามะท่านเมตตาออกมารับ ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่หลังปีใหม่ท่านไม่เคยรับแขกเลยแม้แต่คณะเดียว เพราะต้องระมัดระวังตัวเอง เนื่องจากว่ามีคนหมายหัวว่า ถ้าท่านมรณภาพแล้วจะได้ไม่มีผู้นำทางจิตวิญญาณ แต่ไม่ยอมมรณภาพเสียทีก็เลยจะมีคนช่วย..! ท่านเองก็ไม่ค่อยอยากรับความเมตตาคนอื่นแบบนั้น ช่วยเรื่องอื่นนี่พอจะรับได้ ช่วยให้มรณภาพท่านไม่อยากจะรับ..! ก็เลยต้องเก็บตัว

จะไปเรียนถวายท่านว่า "หลวงปู่..ถ้าไม่ไหวก็นิมนต์นะครับ" ปรากฏว่าไม่ได้กล่าวอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จะนิมนต์ให้อยู่ต่อก็กลัวท่านชวนให้อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น..หุบปากไว้ อยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า..!

เถรี
03-06-2025, 20:21
เข้ามาเลย..นั่งบนทางเดินไปเลย ด้านหน้าอาตมายังมีที่ว่างอีกเยอะ คาดว่าถ้ายัดกันเข้ามาจริง ๆ น่าจะได้อีกสัก ๒๐๐ คน

วัดเราน่าจะมีอาชีพแบบญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นเขามีอาชีพยัดคนเข้าตู้รถไฟ ไม่อย่างนั้นถ้าประตูปิดไม่ได้ รถจะไม่วิ่ง รถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นไม่มีคนขับ เป็นระบบอัตโนมัติ ถ้าประตูไม่ปิดรถก็ไม่ออกตัว ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมคนญี่ปุ่นมีแต่ตัวเล็ก ๆ พอไปเห็นเขาจับยัดเข้าตู้รถไฟ อ๋อ..ต้องตัวเล็กจะได้ประหยัดที่..!

เถรี
03-06-2025, 20:22
(พูดถึงแอพฯ เสบียงบุญ) ในหลวงขอให้เจริญกรรมฐานให้ท่านหน่อย คงจะมีทำจริงทำจังอยู่คนเดียวกระมัง ? คนอื่นพอ ๓ วันให้หลัง ก็เลิกกันหมดแล้ว..!

เถรี
04-06-2025, 21:22
ญาติโยมเห็นอาตมาก้มหน้าก้มตามองโทรศัพท์ก็อย่าเพิ่งถ่ายรูปนะ สมัยนี้ "ดราม่า" เยอะ..! เขาไม่สนใจหรอกว่าเราจะส่งงานตามงานอะไร เอาแต่เรียกว่า "พระเล่นโทรศัพท์" อย่างเดียวเลย อาตมามีกลุ่มไลน์อยู่ ๑๐๐ กว่ากลุ่ม งานสงฆ์เกือบทั้งนั้น..!

ด้วยเหตุที่จะต้องติดตามงานในกลุ่มไลน์อย่างใกล้ชิด เพราะว่าวันที่ ๒ - ๓ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นี้ จะมีโครงการ "สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ของทางสำนักงานองคมนตรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นทั้งกรรมการหลักและอนุกรรมการ ไม่รู้ว่าจะมีงานด่วนเข้ามาเมื่อไร มีเวลาก็เลยต้องก้มหน้าก้มตา กลายเป็น "สังคมก้มหน้า" กับเขาอยู่แบบนี้

ญาติโยมอย่าเพิ่งถ่ายรูปไป คนที่ไม่เข้าใจเขาจะด่าเอา สมัยนี้คนปากไวมีเยอะ เขาไม่สนใจเหตุผลต้นปลายอะไรหรอก มีมุมไหนด่าได้ก็ด่าเอาไว้ก่อน อยากจะไปนรกมาก..!

เถรี
04-06-2025, 21:24
ท่านที่จะรับยันต์เกราะเพชรให้เตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มเอาไว้ ยกเว้นว่าใครมีลูกอยู่ในท้องก็เตรียมเผื่อลูกอีกชุดหนึ่ง เครื่องบูชาครูในการรับยันต์มีแค่นี้ ถ้าตำราใครมีเกินกว่านั้น ก็ขอให้รู้ว่าแหกคอกครูบาอาจารย์ไปไกลมากแล้ว

ท่านใดที่ไม่ได้เตรียมธูปเทียนสำหรับรับยันต์เกราะเพชรมา มีอยู่ที่เต็นท์บริเวณหน้าโบสถ์ ไปหยิบเอาที่นั่นได้เลย ทำบุญหรือไม่ทำบุญก็ไม่เป็นไร

เถรี
04-06-2025, 21:26
พระที่แจกไปอย่าคิดว่าไม่สวย อย่าคิดว่าองค์เล็ก อาตมภาพอยากจะบอกว่า "เป็นวัตถุมงคลที่สร้างยากที่สุดในยุคนี้" เนื่องเพราะว่ามีสังฆาฏิของพระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือกันทั่วประเทศ ผสมอยู่ด้วยถึง ๒๒ องค์ด้วยกัน อย่างเช่นว่า

หลวงปู่ครูบาพรหมจักร (พระสุพรหมยานเถร วิ.) วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน

หลวงปู่ครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) วัดทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ (พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน

หลวงปู่คำแสนใหญ่ (ครูบาคำแสน อินฺทจกฺโก - พระครูสุคันธศีล) วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่คำแสนเล็ก (ครูบาคำแสน คุณาลงฺกาโร) วัดดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร (พระญาณสิทธาจารย์) วัดถ้ำผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่

หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์

แม้กระทั่งหลวงพ่ออุตตะมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น ซึ่งคงไม่มีใครสามารถที่จะรวบรวมวัสดุสำคัญแบบนี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างนี้อีกแล้ว

โดยเฉพาะสังฆาฏิหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค ซึ่งท่านใช้มา ๔๐ กว่าปี ท่านบอกว่า "ใช้ทุกวันก็เสกทุกวัน" ถ้าถามว่า "หลวงปู่สีดีขนาดไหน ?" ชานหมากที่ท่านคายออกมา ลองยิงได้ทุกคำ ปืนดีแค่ไหนก็ยิงไม่ออก..!

เถรี
04-06-2025, 21:28
พระที่แจกให้ตอนทำบุญสำคัญมาก ประมาณว่า "องค์เดียวเที่ยวทั่วโลก" มีติดตัวอยู่ไม่จำเป็นต้องมีองค์อื่นก็ได้ ยกเว้นว่าถ้าความสวยไม่ถูกกิเลส ก็ไปดูในตู้ที่ท้ายศาลา เผื่อว่าจะมีของแพงบ้าง แจกฟรีไม่ถูกใจ จะไปจ่ายแพง ๆ ก็ตามใจ..!

เถรี
04-06-2025, 21:30
ระยะหลังญาติโยมถวายทองร่วมทำบุญ ส่วนใหญ่จะเป็นทองที่น้ำหนัก ๐.๐๑ กรัมบ้าง ๐.๐๒ กรัมบ้าง ๐.๐๓ กรัมบ้าง ทางด้านร้านค้าแนะนำว่า "อย่าซื้อทองประเภทนั้น เพราะว่าเป็นกระดาษดี ๆ นี่เอง เพียงแต่เขาเคลือบทองไว้เท่านั้น..!"

เขาบอกว่าทองที่จะมีราคาในท้องตลอดที่แท้จริง อย่างต่ำสุดน้ำหนักต้อง ๑ กรัมขึ้นไป ถ้าสงสัยว่า ๑ กรัมหนักแค่ไหน ? ก็ประมาณ ๔ กรัม หรือ ๓.๘ กรัม เท่ากับ ๑ สลึง

ส่วนใหญ่พอจะใช้งานจริงแล้ว ทองประเภทนั้นพอเอาลงเตาหลอมก็กลายเป็นควันหมด เพราะว่าเขาเคลือบทองไว้บนกระดาษเท่านั้น สมัยนี้เทคนิคการเคลือบทองก้าวหน้ามาก ต้องการหนามากหนาน้อยเท่าไร สั่งเขาได้เลย..!

อาตมภาพเพิ่งจะถวายทองที่รวบรวมไว้จากที่ญาติโยมถวายมาหลายปี ร่วมหล่อรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลอง วัดพระบรมธาตุเชิงชุม ถวายไป ๑,๕๐๓.๖ กรัม ก็คือประมาณ ๑ กิโลกรัมครึ่ง เนื่องเพราะว่าท่านเจ้าคุณวินัย --พระราชวชิราทร (วินัย สจฺจวํโส ป.ธ. ๕) เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร ท่านจะหล่อรอยพระพุทธบาทจำลอง ๔ รอยด้วยทองคำประมาณ ๑๐ กิโลกรัม อาตมภาพให้ไป ๑ กิโลกรัมครึ่ง เพราะว่ามีอยู่แค่นั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่า ต้องรวบรวมอีกนานเท่าไรถึงจะได้เท่านั้นอีก..!

ส่วนทางด้านญาติโยมจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำโดยครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีสว่าง (ท่าช้าง) เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ร่วมกันถวายมา ๑ กิโลกรัม รวมแล้วสองเจ้าได้ไป ๒ กิโลกรัมครึ่ง ก็แปลว่าถ้าเป็นรอยพระพุทธบาท ๔ รอยจำลองก็ได้ไปแล้ว ๑ รอย..!

เถรี
04-06-2025, 21:31
ใครต้องการจะร่วมบุญนี้ สามารถร่วมบุญกับหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ตำบลพังขว้าง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ลองเข้าไปดูในเฟซบุ๊ก น่าจะมีวิธีติดต่อหรือว่าร่วมบุญอยู่ในนั้น

อาตมภาพเล่นเฟซบุ๊กไม่เป็น ไม่มีเฟซฯ ไม่มีไลน์ ไม่มีอินสตาแกรม มีแต่อีเมล์ให้ลูกศิษย์ส่งการบ้านเท่านั้น ในส่วนไลน์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ยืมมาจากน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) เพราะว่าโดนเจ้านายด่า โทษฐานที่เป็น "คนหลังเขา" สั่งงานแล้วไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว ความจริงเจ้านายน่าจะด่าลูกน้องตัวเองมากกว่า เพราะเลขานุการต้องรู้ว่าอาตมามีอีเมล์อยู่แต่ดันไม่ส่ง เขาส่งแต่ในกลุ่มไลน์เท่านั้น..!

เถรี
04-06-2025, 21:34
ญาติโยมอย่าลืมไปหาอาหารกิน ไปเข้าห้องน้ำห้องส้วมให้ดีก่อน แล้วคำนวณเวลาดูว่าเราสามารถอั้นจนอย่างน้อย ๑๐ โมงครึ่งได้หรือเปล่า ?! เนื่องเพราะว่าพิธีอาราธนาบารมีพระ เพื่อเป่ายันต์เกราะเพชรสงเคราะห์ทุกท่าน จะเริ่มตอน ๑๐ โมงตรง โดยเฉพาะปีนี้ ญาติโยมทางราชอาณาจักรนอร์เวย์ ก็คือทางวัดสันโป่ง เมดิเตชั่น เซ็นเตอร์ ฮกซุน ขออนุญาตรับยันต์เกราะเพชรจากราชอาณาจักรนอร์เวย์

ญาติโยมที่รับยันต์เกราะเพชรในสถานที่อื่นนอกเหนือจากที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ พอมีเหตุการณ์แปลก ๆ บางทีก็จัดการไม่ถูก มีญาติโยมครอบครัวหนึ่ง ลูกสาวก็อายุ ๕๐ กว่าแล้ว ลองนึกว่าดูพ่อแม่จะอายุเท่าไร ? เมื่อรับยันต์ไปแล้ว ปรากฏว่าลูกสาวกรีดร้องโหยหวนลั่นบ้าน พ่อแม่ก็ไม่ฟังเสียงแล้วว่าอาตมาพูดว่าอะไร ทั้ง ๆ ที่บอกไปแล้วว่าให้ภาวนาไปเฉย ๆ ไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวเทวดาท่านจัดการให้เอง ปรากฏว่าพ่อกับแม่ลืมแก่ ช่วยกันเอาธูปเทียนที่รับยันต์ฟาดลูกเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะไปฟาดใส่หน้า ยังดีที่ไม่ทิ่มลูกสาวตัวเองตาบอดไปก่อน..!

สอบถามทีหลังได้ความว่า ลูกสาวมีสิ่งไม่ดีแฝงมากับตัว พอเห็นเทวดาที่มาควบคุมสถานที่ก็กลัว ส่งเสียงร้องขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ มีสติรู้อยู่แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ บอกให้พ่อหยุดตี พ่อก็ไม่ฟังเสียง คิดว่าตีแล้วผีมันกล้ว ความจริงลูกสาวกลัวว่าจะโดนธูปทิ่มตาบอดมากกว่า..!

เพราะฉะนั้น..พอถึงเวลา ถ้ามีใครเป็นแฟนคลับพวกนักดนตรีหรือว่าดารา เริ่มเป่ายันต์ฯ แล้วกรี๊ดขึ้นมา..! ก็ปล่อยเขากรี๊ดให้พอ ไม่ต้องไปสนใจ แล้วญาติโยมเชื่อไหมว่า ศาลาที่นั่งกันแน่นจนไม่มีที่ให้ขยับ พอมีคนกรี๊ดขึ้นมา มีที่ว่างโล่งเลย..! ขยับไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าอยากนั่งให้ได้เยอะ ๆ ก็ต้องกรี๊ดกันหลาย ๆ คนหน่อย..!

บรรดาไสยเวทย์อาคม คุณผีคุณคนต่าง ๆ เมื่ออยู่ในพิธี ไม่สามารถที่จะต้านพุทธานุภาพได้ ดังนั้น..ก็จะโดนทำลายไปในที่สุด ยกเว้นพวกผีที่โดนเขาใช้มา ต้องอาศัยบารมีท้าวมหาราชทั้ง ๔ ให้ลูกน้องลากกันออกไป มีอยู่รายหนึ่งวิ่งออกจากศาลานี้ไปที่ป่าช้า คิดว่าจะหนีรอด เขาไม่รู้ว่าการเป่ายันต์นั้นสามารถคลุมได้ทั้งโลก หนีไปที่ไหนก็ไม่รอด ก็เลยไปแหกปากร้องอยู่ในป่าช้าคนเดียว ไม่ต้องรบกวนใคร..!

เถรี
06-06-2025, 00:29
ด้านหน้านั่งชิดเครื่องบายศรีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ขยับขึ้นไปเลย ข้างนอกยังอยู่กันอีกมาก ขยับเข้าไปใกล้เท่าไรก็ดีเท่านั้น เพราะว่าบายศรีเหมือนสัญลักษณ์การบูชาพระ ถึงเวลาท่านแผ่บารมีลงมาก็จะผ่านตรงนั้นก่อน เบียดขึ้นหน้ากันหน่อย เจ้าหน้าที่ไปไหนหมด เริ่มจัดระเบียบโยมได้แล้ว เพราะว่าด้านนอกยังมีอีกมาก

เถรี
06-06-2025, 00:36
ระยะหลังต้องบอกว่าพวกบารมีสูงมาเกิดกันมาก คนโน้นก็ทำวัตถุมงคลรูปท้าวมหาราช คนนี้ก็ทำวัตถุมงคลรูปท้าวมหาพรหม ขอบอกว่ามีโอกาสขาดทุนสูงมาก เพราะอันดับแรก มีการบวงสรวงบอกกล่าว ขอกับท่านอย่างถูกต้องหรือเปล่า ?

ประการที่สอง เราขอบารมีท่านสงเคราะห์ หรือว่าใช้ให้ท่านทำงาน ? ต่อให้เทวดาหางแถว บารมีก็มากกว่ามนุษย์หัวแถว แล้วไอ้มนุษย์ท้ายแถวอย่างเราไปใช้ให้ท่านทำงาน..! โปรดระวังไว้ด้วย..วันไหนบุญไม่พาวาสนาไม่ช่วย ช่วงอกุศลกรรมแทรกพอดี จะมีของแถมหนัก ๆ ให้..!

คล้าย ๆ กับสมัยนี้ วัดโน้นก็สร้างสมเด็จองค์ปฐม วัดนี้ก็สร้างสมเด็จองค์ปฐม กระผม/อาตมภาพเคยถามว่า "สมเด็จองค์ปฐมเป็นเพื่อนคุณหรือเปล่า ? นึกอยากจะสร้างก็สร้าง นึกอยากจะทำก็ทำ ได้บอกกล่าวท่านสักคำหนึ่งไหม ?"

ที่จังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง มีวัดแห่งหนึ่งสร้างรูปสมเด็จองค์ปฐมสูง ๘ ศอก ใช้ช่างคนเดียวกับวัดท่าขนุน ใช้ฤกษ์ในการหล่อฤกษ์เดียวกับวัดท่าขนุน แต่หล่อ ๔ ครั้ง พังบรรลัยทั้ง ๔ ครั้ง..! เนื่องเพราะว่าไม่รู้จักท่าน ไม่ได้ขออนุญาตท่าน เห็นแต่ว่ามีคนเคารพสมเด็จองค์ปฐมมาก กูก็จะสร้างบ้าง..! ดังนั้น..ในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคลก็ดี การใช้วัตถุมงคลก็ตาม ถ้าหากว่าทำได้ถูกต้องก็เป็นคุณแก่ตัว ถ้าทำผิดพลาดอาจจะมีโทษที่คาดไม่ถึง..!

แต่ด้วยความที่ผู้คนสมัยนี้ สภาพจิตหยาบมาก ความเคารพในพระรัตนตรัยมีน้อย แล้วแถมยังไม่ถือโบราณอีกต่างหาก เราจะเห็นว่าโบราณทำอะไรจะมีการบอกกล่าวอยู่ก่อนเสมอ กระทั่งจะเข้าป่าเข้าดง ก็ยังมีการกราบไหว้ มีการเซ่นสรวง มีการบอกกล่าวว่าตนเข้าไปเพื่อทำอะไร แม้กระทั่งเข้าไปล่าสัตว์ ก็ยังขอว่า "สัตว์ตัวใดถึงอายุขัย ก็ขอให้มาเจอกัน"

เถรี
06-06-2025, 00:37
สมัยหลังไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้ายังบุญรักษาเทวดาคุ้มครองก็แล้วไป ถ้าหากว่าช่วงไหนดวงตก กุศลกรรมขาดช่วงลง อกุศลกำลังเข้าสนอง จะได้รางวัลใหญ่ที่นึกไม่ถึง..!

คนรุ่นก่อน ๆ ถึงได้มีคำพูดประเภทว่า "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่" แต่สมัยนี้ก็มักจะลบหลู่กันไปเรื่อย มีคนถามว่า "พระที่มรณภาพแล้วไม่เน่า มีคุณงามความดีอะไร ?" เขาก็ตอบว่า "จะมีความดีอะไร หมาหมูตายแล้วไม่เน่ามีเยอะแยะไป..!"

เราจะเห็นว่าสภาพจิตของคนหยาบยังไม่พอ ยังขาดการศึกษาให้รู้จริง แล้วก็ไปสร้างกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมเพิ่มขึ้น เรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่จะไปรู้ตัวกันตอนตาย ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว ใครที่รู้ตัวล่วงหน้า กราบขอขมาพระรัตนตรัยได้ทันท่วงทีก็ดีไป ถ้าหากว่าไม่ทัน มีโอกาสอาตมภาพจะไปเยี่ยม แต่คงจะไม่มีโอเลี้ยงข้าวผัดไปส่ง เพราะว่าที่นั่นกินอะไรไม่ได้ ถึงเวลาอยู่ในเขตนั้นก็จะโดนลงโทษอย่างเดียว..!

เถรี
06-06-2025, 00:39
ท่านใดที่ตั้งใจรับยันต์เกราะเพชร ถ้ายังไม่มีธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มอยู่ในมือ รีบไปเอาที่หน้าโบสถ์โดยด่วน เครื่องมือรับยันต์เพียงหนึ่งเดียวที่กำหนดเอาไว้ บารมีพระที่แผ่ลงมาเหมือนกับสถานีกระจายคลื่น เครื่องมือในการรับคือธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม แสดงออกว่าเราตั้งใจที่จะรับ ก็เท่ากับว่าเป็นเครื่องรับสัญญาณ

เถรี
06-06-2025, 00:40
ท่านที่อยู่ต่างประเทศเทียบเวลาให้ดี ถ้าเปิดถ่ายทอดสดอยู่ก็ไม่มีปัญหา แต่ว่าหลายประเทศเวลาต่างจากเมืองไทยมาก อาตมภาพยังหลงไปทีหนึ่ง ราชอาณาจักรนอร์เวย์เวลาช้ากว่าเรา ๕ ชั่วโมง ก็เลยไปคิดว่าเราเป่ายันต์รอบแรก ๑๐ โมงเช้า จะเป็นเวลาบ่าย ๓ โมงของที่นั่น แต่ความจริงแล้วเข้าใจผิด เวลา ๑๐ โมงเช้าบ้านเราก็เท่ากับตี ๕ ของที่นั่น..! ตอนนี้ก็นั่งตาตี่ สัปหงกไปตาม ๆ กัน เพื่อที่จะรอเวลารับยันต์ที่เมืองไทย

แต่ต้องบอกว่าท่านทั้งหลายกำลังใจดีมาก ไม่เคยตื่นเวลานี้ก็ตื่นได้ ไม่เคยต้องมาลำบากลำบน ทนง่วงทนหนาวก็ทนได้ บุคคลประเภทนี้ถึงคู่ควรกับสิ่งที่ดีงาม เพราะว่ากำลังใจและความประพฤติของท่าน บ่งบอกให้รู้ว่าควรแก่งานประเภทนั้น

เถรี
06-06-2025, 00:41
กระผม/อาตมภาพอยากจะผลักภาระเรื่องการเป่ายันต์เกราะเพชรให้พ้นตัวเสียที แต่พระและครูบาอาจารย์ก็ยังไม่ให้ครอบครูแก่ลูกศิษย์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องทนไปอีกกี่ปี ?

เรื่องของการ "ครอบครู" บางคนก็เรียกว่า "ยกขันครู" "รับขัน" แล้วแต่จะเรียกกันไป เป็นสัญลักษณ์ว่ายอมรับนับถือและปฏิบัติตามสายวิชาการนั้น ๆ โดยเฉพาะการครอบครูเพื่อเป่ายันต์เกราะเพชร ผู้ทำการครอบครูต้องบอกกล่าวฝากฝังกับครูบาอาจารย์ทั้งหลายให้กับลูกศิษย์ โดยเฉพาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เถรี
06-06-2025, 22:52
ยันต์เกราะเพชรเป็นวิชาการตามตำราพระร่วงตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นธงออกศึกในยุคนั้น ใครที่มีสตางค์จะไปดูหนัง "พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย" ก็ได้ แต่เห็นเขาแบนกันทั้งแผ่นดิน เพราะดันไปเอาคนเขมรมาเล่น..!

ธงมหาพิชัยสงครามนอกจากมีอานุภาพคุ้มได้ทั้งกองทัพแล้ว ในส่วนคอธงเป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โสฯ ทั้งบท ๕๖ ตัว โบราณาจารย์ท่านนำมาเขียนลงเป็นแถว ๆ แบบตัวหนังสือจีน แต่เวลาอ่านให้อ่านตามขวาง เขาเรียกว่า "อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ" บ้าง เรียกว่า "อิติปิ โสฯ เกราะเพชร" บ้าง แต่ว่าต้องจัดการ "ชักสูตร" เสียก่อนถึงจะสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชร

ยันต์เกราะเพชรนั้นตามตำรากล่าวว่ามีอานุภาพมาก อันดับแรก คนที่รับไปจะไม่ตายโหง ก็คือจะไม่ตายแบบผิดปกติ อย่างเช่นว่าเครื่องบินตกตาย เพื่อนตายหน่อยเดียว พวกทำเป็นขนลุกขนพอง รีบมารับการเป่ายันต์กันใหญ่..!

เถรี
06-06-2025, 22:55
ประการที่สอง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ อาตมภาพเองเจอมาทุกรายการ

ที่ว่าไม่ตายโหงนั้น ต้องยกตัวอย่างโยมแม่ตัวเอง โยมแม่อาตมภาพเป็นคนมีบุญมาก อยู่ห่างจากถนน ๒๐ กว่าเมตรยังมีราชรถสิบล้อวิ่งมาเกย..! รถจักรยานที่ขี่อยู่กลายเป็นเศษเหล็ก โยมแม่นั้นกระดูกข้างขวาตั้งแต่กรามลงไปถึงขาหักหมดทุกท่อน นอนห้องไอซียูไป ๑๘ วัน..!

อาตมภาพไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อฤๅษีฯ กราบเรียนท่านว่า "โยมแม่โดนรถชน อาการสาหัสมาก นอนห้องไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว เกรงว่าจะไม่รอด จึงขอถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ ฝากพระยายมราชล่วงหน้าไว้ก่อน ถ้าโยมแม่มีอันเป็นไป ขอพระยายมราชท่านช่วยแจ้งข่าวบุญนี้ให้ด้วยครับ"

หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านถามว่า "แม่แกรับยันต์เกราะเพชรไปบ้างหรือเปล่า ?" กราบเรียนหลวงพ่อท่านว่า "รับไปหลายครั้งแล้วครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรหรอก คนรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะไม่ตายโหง" แล้วก็เป็นความจริง เพราะว่าโยมแม่รักษาตัวอยู่ ๓ ปี ก็กลับคืนดีมาอย่างเดิม

แล้วก็ขยันไม่เป็นเรื่องอีกเหมือนเดิม ถึงเวลากวาดขยะแล้วเดินข้ามถนนไปทิ้ง เพราะว่าเทศบาลเขาเอาถังขยะไว้อีกฝั่งถนน ไม่ใช่ฝั่งเดียวกับบ้าน โดนมอเตอร์ไซค์ซิ่งมาชน สะโพกหักอีก..! อะไรจะสร้างเวรสร้างกรรมไว้ขนาดนั้น ? สรุปก็คือโยมแม่สมกับที่เป็นผู้หญิง เขาบอกว่า "แก่ง่าย..ตายช้า" โดนรถชนกี่รอบรอดมาได้ทุกครั้ง หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าเกิดจากอานุภาพของยันต์เกราะเพชร..!

เถรี
06-06-2025, 22:57
อีกท่านหนึ่งเป็นดาราชื่อดังสมัยนั้น ก็คือจารุณี สุขสวัสดิ์ ไปรับยันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง น่าสงสารมาก ซูเปอร์สตาร์ไปไหนมีแต่คนรุมเป็นร้อยเป็นพันเหมือนกับน้องลิซ่าสมัยนี้ แต่ไปวัดท่าซุงไม่มีใครแลเลย ทุกคนจะทำบุญกับหลวงพ่ออย่างเดียว ต้องนั่งเหี่ยว ๆ อยู่กลางศาลา ๔ ไร่

ปรากฏว่ารับยันต์ไปแล้ว ไปถ่ายหนังเรื่อง "ลูกสาวกำนัน" เขามีฉากที่ผู้ร้ายเอาน้ำมันราดลงบนแม่น้ำแล้วจุดไฟ จารุณีต้องขับเรือด่วนพุ่งข้ามกองไฟไป แต่ด้วยความที่ไฟลุกท่วมสูงมาก กะจังหวะไม่ถูก ข้ามไปแล้วจ๊ะเอ๋ตอหม้อสะพานเข้าพอดี..ตูมเดียวกระจายทั้งลำ..! ส่วนจารุณีก็กระดูกหลังหัก รักษาตัวอยู่เป็นปีกว่าจะกลับมาดีตามเดิม ไม่ตายเหมือนกัน..!

ส่วนในเรื่องของการไม่ตายด้วยสัตว์มีพิษ อาตมภาพเป็นคนลองด้วยตนเอง เจองูพิษชนิดไหนจับเล่นหมด ท้ายที่สุดก็เจอดีจนได้ เพราะว่างูกะปะจะมากินลูกไก่ตอนหัวค่ำประมาณ ๒ ทุ่ม อาตมภาพก็จับยัดเข้ากรงดักหนูไว้ พรุ่งนี้จะเอาไปปล่อย

ปรากฏว่าหลังบิณฑบาตฉันเช้าเสร็จแล้ว ก็น่าจะประมาณ ๘ โมงครึ่ง เจ้างูกะปะอดมาเกิน ๑๒ ชั่วโมงแล้ว พออาตมาล้วงออกจากกรงดักหนูมา ก็ดิ้นหนี หลุดจากมือขวา อาตมภาพก็เอามือซ้ายจับ หลุดจากมือซ้ายก็มือขวาจับ หลุดจากมือขวาอีกที เพิ่งจะยื่นมือซ้ายไป โดนฉกเข้าเต็มที่เลย ชีพจรข้อมือซ้ายพอดี ทุกวันนี้ ๔ เขี้ยวยังติดอยู่ชัด ๆ ใครต้องการดูมาขอดูได้..!

อาตมภาพบีบปากงูให้ง้างขึ้น กว่าจะเอาออกได้บาดแผลก็ฉีกยับเยิน เพราะว่าไอ้เจ้านี่กัดแล้วไม่ปล่อย เอางูไปปล่อยเสร็จ ก็จัดแจงเอาน้ำล้างแผล หยอดยาเบตาดีน พันผ้าก๊อซ แล้วก็ไปนอนภาวนารอเวลาตาย พวกลูกศิษย์ก็เป็นเดือดเป็นร้อนกันใหญ่

โดยเฉพาะพระที่ท่านมาจากปักษ์ใต้ บอกว่า "อาจารย์ครับ ไอ้นี่กัด ตัดแขนตัดขากันทุกคน" ก็บอกกับท่านไปว่า "ไม่เป็นไร ถ้าหากว่าผมรักษายันต์เกราะเพชรได้ ผมก็จะไม่เป็นอะไร ถ้ารักษาไม่ได้ ยันต์เกราะเพชรเขาห้ามขโมยกับห้ามกินเหล้า ถ้ารักษาไม่ได้แปลว่าผมละเมิดศีล ก็สมควรตาย..!"

เถรี
06-06-2025, 23:00
ปรากฏว่าพิษงูวิ่งจากข้อมือขึ้นมาถึงศอก แล้วก็ถอยกลับไปที่แผลตามเดิม ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ ๔ - ๕ ครั้ง ก็หายไปเฉย ๆ สบายดีมาจนทุกวันนี้..! แต่ว่าท่านทั้งหลายไม่ต้องไปลอง เนื่องเพราะว่าพิษงูนั้นนั้นปวดสุดใจขาดดิ้นเลย เหมือนอย่างกับใครเอาเหล็กแหลม ๆ แทงเข้าไปใต้เนื้อ วิ่งถึงตรงไหนก็ปวดขาดใจถึงตรงนั้น..! แปลว่าไม่ควรที่จะทดลอง แต่อาตมภาพก็ไม่ได้เจตนาทดลอง ทว่าไปโดนกัดเอง อานุภาพยันต์เกราะเพชรที่ว่าถ้ารับไปแล้วจะไม่ตายโหง จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ จึงผ่านการทดสอบเป็นที่ประจักษ์ด้วยตนเองมาแล้ว..!

ข้อต่อไปก็คือ ใครทำไสยศาสตร์ใส่คนที่รับยันต์เกราะเพชรไป จะโดนอานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนคืนไปจนหมด ตั้งใจทำเขาหนักแค่ไหน ตนเองก็โดนหนักแค่นั้น..!

เรื่องนี้ต้องถามทิดสามารถ (นายสามารถ สุขสาธุ) อดีตหลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร วัดท่าซุง ท่านธุดงค์ไปทางด้านเหนือ ไปพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ปรากฏว่ามีพระธุดงค์ท่านมาปักกลดอยู่ก่อนแล้ว เข้าไปพูดคุยทักทายท่านก็ไม่พูดด้วย หลวงพี่สามารถของกระผมก็สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาตามปกติ ปรากฏว่าใกล้สว่าง พระธุดงค์ท่านนั้นมาตะโกนอยู่ข้างกลดว่า "ท่าน ๆ ผมไม่สู้แล้ว..เลิกเถอะ..!" พี่สามารถก็ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร ? เพราะว่าตัวเองก็แค่สวดมนต์ไหว้พระตามปกติ

พี่สามารถออกจากถ้ำนั้นเพื่อหารถยนต์เดินทางต่อ ไปถึงท่ารถ เจอพระธุดงค์รูปนั้นแก้ผ้าแก้ผ่อนเดินอยู่ที่ท่ารถ..! ไม่ทราบเหมือนกันว่าตั้งใจจะลองของ แล้วไปทำอะไรใส่พี่สามารถก็ไม่รู้ ? ตนเองโดนอานุภาพยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับ กลายเป็นเสียสติ ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ แก้ผ้าอยู่กลางสาธารณชน พี่สามารถบอกว่า "ผมไม่ได้ดูว่ามันเป็นอย่างไรต่อไป เพราะว่าตัวเองจะรีบเดินทาง" แต่ก็เห็นชัดว่าถ้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ท่านคงไม่ได้มาบอกตอนเช้ามืดว่าให้เลิกเถอะ..ท่านไม่สู้แล้ว..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว รักษาเอาไว้ได้ นอกจากจะไม่ตายโหง ไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษแล้ว บุคคลใดทำไสยศาสตร์มาจะโดนอานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนไปหมด เขาตั้งใจทำเราหนักหนาเท่าไร เขาก็ได้รับคืนไปหนักเท่านั้น..!

เถรี
07-06-2025, 20:50
การรับยันต์เกราะเพชรต้องมีธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท ๑ เล่ม ถึงเวลาอธิษฐานตั้งใจรับ บารมีพระท่านสงเคราะห์ลงมาอย่างไร เราตั้งใจรับไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะขอให้เลือดเนื้อและกระดูกทั้งหมดของเรา เป็นที่สถิตอยู่ของพุทธานุภาพด้วย ถ้าลักษณะแบบนั้นท่านไปไหนก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่าเท่ากับพกยันต์ติดตัวไปตลอดเวลา

การรับยันต์นั้น บุคคลที่รับได้จะมีอาการต่าง ๆ ก็คือ บ้างก็รู้สึกร้อนหูร้อนหน้า หนักหัวหนักไหล่ บางคนปวดเมื่อยไปทั้งตัว มีหลายคนที่ไข้จับไป ๒ วัน ๓ วันก็มี โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพเอง ไข้จับไป ๓ วันเต็ม ๆ..!

ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ? ท่านบอกว่า "ยันต์จะเข้าตัว แต่แกฝึกสมาธิเอาไว้มาก กำลังใจก็เลยไปต้านเอาไว้ บารมีพระท่านกดลงมา ตัวเองไปต้านเอาไว้ ร่างกายรับไม่ไหวก็เป็นไข้" อาตมภาพก็เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนดื้อได้ที่เหมือนกัน ก็คือขนาดพระท่านจะสงเคราะห์ ก็ยังจะสู้อีก แต่ว่าเรื่องของสมาธิภาวนาเป็นเรื่องที่ว่าไม่ได้ ผิดท่าผิดทางเขาจะป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะกันไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลง กินใจตัวเอง

เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือห้ามกินเหล้ากับห้ามลักขโมย คำว่าห้ามกินเหล้านั้นก็คือสิ่งที่เป็นแอลกอฮอล์ ทำให้มึนเมาขาดสติ ส่วนการลักขโมยนั้นก็ถือเอาการหยิบเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้

โบราณขอศีล ๒ ข้อนี้ไว้ เพราะว่าการดื่มสุราหรือติดยาเสพติด เป็นการเบียดเบียนตนเอง สร้างความไม่สบายใจให้แก่คนรอบด้าน การลักขโมยเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น อย่างน้อยจึงควรรักษาศีลได้ ๒ ข้อ ถ้ารักษาได้ ยันต์เกราะเพชรจะคอยคุ้มครองป้องกันท่านตลอดชีวิต แต่ถ้ามีความสามารถก็รักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ ไปเลยยิ่งดี

เถรี
07-06-2025, 20:53
บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชร ถ้าหากว่าผู้ที่มารับยันต์มีท้องครั้งแรก ที่เรียกว่า "ลูกหัวปี" ก็คือลูกคนโต ไม่ใช่ลูกหัวปลี ไอ้นั่นมันลูกกล้วย..! ถ้าลูกคนโตเป็นลูกผู้ชาย คลอดออกมาจะมียันต์ติดตัวมาด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นรูปยันต์เกราะเพชร แต่เป็นอักขระไม่กี่ตัว บางท่านก็เป็นจุด เป็นขีด เป็นเส้น

ลูกศิษย์อาตมภาพคนหนึ่ง ลูกสาวคลอดออกมาลายพร้อยไปทั้งตัว หมอเรียกว่า "เด็กตุ๊กแก" พยายามเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง ไปหาสาเหตุว่าทำไมเป็นอย่างนั้น เด็กเจ็บจนทนไม่ไหว พ่อแม่ก็สงสาร เพราะว่าหมอหาเหตุไม่ได้ก็ตรวจสอบไม่เลิก จึงกระซิบบอกว่าไปอุ้มออกมา อยู่บ้านไม่เกิน ๗ วันก็จะหายไปเอง

เนื่องเพราะว่ายันต์เกราะเพชรจะซึมเข้าไปอยู่ในกระดูกทั้งหมด แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรือถ้าหากว่าเป็นผู้ใหญ่ หรือเป็นผู้หญิง ต้องไปพิสูจน์กันตอนตาย ก็คือตายแล้วเผาจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูกให้เห็น ล่าสุดเมื่อ ๒ ปีก่อนก็มีตัวอย่างให้เห็น อาตมภาพแนะนำว่าให้เอากระดูกกะโหลกของพ่อชิ้นนั้น เลี่ยมแขวนไว้เลย แต่ลูกไม่กล้า สมควรตาย..! ตอนอยู่ก็รักกันจัง พอตายหน่อยเดียว ขนาดมียันต์ติดอยู่บนชิ้นกะโหลก ยังไม่ยอมเอามาติดตัวเลย..!

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่รับยันต์เกราะเพชร การเป่ายันต์เขาไม่ได้เป่าทีละคน บารมีพระท่านคลุมลงมาสามารถรับพร้อมกันได้ทั้งโลก แต่ใช้คำว่า "เป่ายันต์" เพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ก็แปลว่าเป่ากันทีทั้งศาลา..! ถึงเวลาเราพนมมือ หลับตา นึกถึงภาพยันต์เกราะเพชร หรือภาพพระพุทธเจ้าที่เรารักเราชอบมากที่สุด ภาวนา "พุทโธ..พุทโธ" ไปเรื่อย บอกว่าพอแล้วเมื่อไรถึงลืมตาได้

แต่บางท่านมีสิ่งไม่ดีติดตัวมา ไม่ว่าจะเป็นไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ หรือคุณผีคุณคนก็ตาม ถึงเวลาท้าวมหาราชท่านจะให้ลูกน้องจัดการให้ ถ้าพวกเราได้ยินใครออกอาการผิดปกติ ดิ้นตึงตังโครมคราม หรือว่าแหกปากร้องแบบสนุกสนานมาก..! ก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ภาวนาของเราไปก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลาเทวดาท่านจัดการเรียบร้อย คนที่เป็นเช่นนั้นก็จะสงบลงไปเอง

เถรี
07-06-2025, 20:54
ท่านใดที่เป็นโรคซึ่งหมอหาสาเหตุไม่ได้ รักษาหมดเงินเท่าไรก็ไม่หาย ลองเอาน้ำมนต์เสาร์ ๕ ไปดื่มไปอาบดู ถ้ากรรมไม่หนักมากก็คงจะรักษาได้ หรือพอที่จะช่วยกันได้ มีจำหน่ายที่เต็นท์บริเวณด้านข้างโบสถ์ อย่าทำตัวน่าเกลียด ปีก่อน ๆ มีการเหมาไปจำหน่ายขวดละ ๑๐๐ บาท..! นั่นก็หากินกันเกินไป

ธูปเทียนรับยันต์เกราะเพชรที่ท่านถืออยู่ มีอานุภาพเหมือนมีดหมอ ผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน เอาจี้ใส่ตัว แล้วว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" สามารถที่จะช่วยไล่ผีได้ แต่อาตมามักจะใช้ในการจุดอธิษฐานขอพรพระท่าน เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ท่านสงเคราะห์แล้ว สามารถที่จะติดต่อกับท่านได้ง่ายกว่า ถ้าใครมีหลายชุดก็ยิ่งดี จะได้ขอกันบ่อย ๆ หน่อย แต่ถ้าขอมากเกินไปก็ระวังจะได้ของพิเศษแถมมาด้วย..!

เถรี
07-06-2025, 20:56
ผีวันนี้ไม่ดื้อก็เลยไม่สนุก พอเห็นท้าวมหาราชกับริวารเท่านั้นแหละ แหกปากร้องซะไม่มี..! บอกแล้วว่าปล่อยให้เต็มที่ ก็ไปกั้นเอาไว้อีก..!


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน
ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)