PDA

View Full Version : ปกิณกธรรม งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า) วัดท่าขนุน วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗


เถรี
11-09-2024, 00:11
ukDXKzEJNdk

การบวงสรวงไหว้ครูนั้นเป็นการทำตามสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งจะใช้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เป็นวันไหว้ครูตามสายกรรมฐาน

ถ้าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำไม่สามารถที่จะจัดงานไหว้ครูได้ ให้จัดงานไหว้ครูประจำปีในวันวิสาขบูชา ถ้าปีนั้นวันเสาร์ ๕ ไม่มี วันวิสาขบูชาติดงานสำคัญอื่น ให้จัดงานไหว้ครูในวันมาฆบูชา ตามสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ใช้วันไหว้ครูแค่ ๓ วันนี้เท่านั้น

การไหว้ครูเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นศิษย์มีครู และความกตัญญูกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะท่านที่ฝึกมโนมยิทธิ ต้องมีการไหว้ครูทุกครั้ง ด้วยดอกไม้ ๓ สี ๓ ดอก และมีเงินบูชาครู ๑ สลึง ด้วยความที่เราไม่สามารถจะจัดการบูชาครูทุกครั้งที่ใช้มโนมยิทธิ จึงต้องมีการไหว้ครูใหญ่ประจำปี ซึ่งก็คือการไหว้ครูกันในวันนี้

ความจริงปีนี้มีวันเสาร์ ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีที่ ๕ (ปีมะโรง) แต่ว่าไปตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทางวัดท่าขนุนของเรามีงานทำบุญวันสงกรานต์อยู่แล้ว ไม่สามารถที่จะจัดงานไหว้ครูได้ อาตมภาพจึงตั้งใจที่จะไหว้ครูในวันเสาร์ ๕ ที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๗ นี้ พอดีกับได้รับคำอนุญาตจากครูบาอาจารย์ว่า "ให้ทำการเป่ายันต์เกราะเพชรสงเคราะห์แก่ญาติโยมด้วย"

เถรี
11-09-2024, 00:15
เมื่อครู่นี้มีคุณทิปกร ไซยะวงศ์แสง จากประเทศลาว ซึ่งเดินทางมาทำบุญกับอาตมภาพอยู่บ่อย ๆ ปีหน้าก็ต้องเดินทางไปหล่อพระให้ที่ประเทศลาว ทางด้านโน้นมีครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง ประเทศลาว ส่งข่าวมาว่า ลูกศิษย์ขึ้นไปทำหลังคาโบสถ์ แล้วพลัดตกลงมาจากที่สูงประมาณ ๖ เมตร ทุกคนคิดว่าต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอะไรเลย ลุกขึ้นมาทำงานต่อได้เดี๋ยวนั้น..!

สอบถามดูแล้ว ไม่ได้พกวัตถุมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากรับยันต์เกราะเพชรไปจากวัดท่าขนุนเท่านั้น ครูบาแก้วจึงได้ส่งจดหมายมาขอบคุณ และยืนยันผลว่า ลูกศิษย์รับยันต์เกราะเพชรจากประเทศลาว ไม่ได้เดินทางมาวัดท่าขนุน ก็คือใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มรับอยู่ที่นั่น ก็แปลว่ายันต์เกราะเพชรที่ครูบาอาจารย์บอกว่ารับที่มุมไหนของโลกก็ได้นั้นเป็นเรื่องจริง..!

สิ่งเหล่านี้จะเกิดผลแก่เราหรือไม่เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความเคารพในพระรัตนตรัย และการที่เรามีความเชื่อมั่น การแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย ส่วนหนึ่งก็คือการจัดงานไหว้ครูนี่เอง เพราะว่าครูบาอาจารย์ใหญ่ตามสายกรรมฐานใหญ่ของเรา ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

ถ้าหากว่าสืบทอดกันไปตามลำดับที่จะค้นหาประวัติได้ ก็คือตั้งแต่หลวงปู่แสง วัดมณีชลขัณฑ์ จังหวัดลพบุรี หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร สืบทอดมาถึงหลวงปู่เนียม วัดน้อย จังหวัดสุพรรณบุรี มาถึงหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาถึงหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี แล้วสืบสายลงมาจนถึงอาตมภาพที่นั่งอยู่ตรงนี้

ด้วยความที่ปีนี้ก็อายุกาลผ่านวัย ๖๕ ปีเต็ม ขึ้น ๖๖ ปีมาหลายเดือนแล้ว สุขภาพร่างกายก็ไม่ดีนัก เพราะว่าต้องทำงานหนักตามที่คณะสงฆ์มีคำสั่งลงมา ตั้งใจว่าจะจัดการครอบครูตามสายกรรมฐาน แต่ว่ายังไม่ได้รับอนุญาต ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็คงต้องทนรอกันต่อไป เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง พอจัดการครอบครูตามสายกรรมฐานไม่กี่เดือน ท่านก็มรณภาพ แปลว่าน่าจะให้อาตมภาพ "ลากซี่โครง" อยู่ต่อไปก่อน..!

เถรี
11-09-2024, 00:17
เมื่อถึงเวลาอาตมภาพก็จะทำการบวงสรวงไหว้ครูประจำปี ทุกท่านถือว่าเป็นเจ้าของเครื่องบวงสรวงร่วมกัน เครื่องบวงสรวงชุดใหญ่นี้ ท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือ "ท่านอาจารย์มหาเอ" "หลวงพ่อมหาเอ" ของหลายต่อหลายคน พร้อมกับคณะศิษย์ของท่าน ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดให้ทุกปี ถือว่าเราท่านทั้งหลายเป็นเจ้าของเครื่องบวงสรวงด้วยกันทั้งหมด

ถึงเวลาให้น้อมใจถวายเครื่องบวงสรวงนี้เป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา บูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ตั้งแต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต้นมาจนถึงองค์ปัจจุบัน บูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเป็นที่สุด ให้น้อมจิตน้อมใจด้วยความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ เมื่อถึงเวลาถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่ไม่เกินวิสัย ก็ขอบารมีพระ หรือว่าพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านสงเคราะห์ให้ด้วย

เถรี
11-09-2024, 00:19
เรื่องเครื่องเสียงบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าปรับ ตรงไหนพอดีแล้วให้ขีดเส้นเอาไว้ เสร็จแล้วปิดสวิตช์ใหญ่ตัวเดียว ใครมาถึงเปิดสวิตช์จะได้ใช้งานได้เลย เพราะว่าทุกคนไม่ได้มีความสามารถเท่ากัน เราเองมีความสามารถก็ไปปิดเสียหมด จนคนอื่นไม่รู้ว่าต้องเปิดตรงไหนบ้าง ?!

แต่ "พูดไปจนปากจะฉีกถึงหู" ก็ไม่เคยทำตามสักครั้งเดียว อย่างเก่งโดนด่าวันนั้นก็จำไป ๒ วัน ๓ วันแล้วก็ลืม ทำตามที่กูถนัดต่อไป..! ไอ้บุคคลประเภทนี้ ถ้าเอาดีได้ก็เชื่อว่าฟลุก..! เพราะไม่เคยฟังเลยว่าครูบาอาจารย์พูดอะไรบ้าง เขาเรียกว่าอวดดีแล้วก็อวดรู้ กูเก่ง กูชำนาญ ที่หลวงพ่อพูดมานั่นไร้ฝีมือ ก็ขอให้มีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป..!

เถรี
11-09-2024, 00:20
ความจริงเราจะอยู่มุมไหนของโลก ถ้าหากว่าน้อมกำลังใจถวายเครื่องบูชาสักการะครูบาอาจารย์ด้วยกันก็ได้อยู่แล้ว แต่พวกเรามักจะกำลังใจไม่ถึง หลายต่อหลายท่านขนาดรับยันต์เกราะเพชรที่บ้าน ต่างจังหวัดหรือว่าต่างประเทศ มีผลอย่างชัดเจนว่าตนเองรับได้ แต่ครั้งต่อไปก็มาวัด..!

เถรี
12-09-2024, 00:46
ญาติโยมทุกคนเตรียมเครื่องบูชาตอนรับยันต์เกราะเพชรไว้ครบถ้วนหรือยัง ? ถ้ามีกันครบแล้วพระท่านอนุญาตให้เป่ายันต์รอบพิเศษไปก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราก็หาที่ไปกันไม่ได้ มีใครยังไม่มีธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มบ้าง ?

เรื่องของยันต์เกราะเพชรเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ตามสายท่านใช้บทสรรเสริญพระพุทธคุณ ก็คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ในการบูชายันต์เกราะเพชร

ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นส่วนหนี่งของยอดธงมหาพิชัยสงครามตามตำราพระร่วง เมื่อนำมาเขียนเรียงลงเป็นแถวแบบตัวอักษรจีน ทั้งหมด ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว แล้วอ่านตามขวางก็จะเป็น อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา , ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น จากนั้นก็ชักสูตรสำเร็จมาเป็นยันต์เกราะเพชร

เถรี
12-09-2024, 00:48
ยันต์เกราะเพชรนั้นเมื่อเรารับไปและรักษาได้แล้ว จะมีอานุภาพพิเศษก็คือจะไม่เป็นอันตรายด้วยไสยศาสตร์ คำว่าไม่เป็นอันตรายในที่นี้หมายถึงว่า ไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์..!

อันดับที่สอง ใครที่ตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่ผู้ที่รักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ จะโดนสะท้อนกลับด้วยพุทธานุภาพ

อันดับสาม จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ

เรื่องนี้ต้องดูอาตมภาพเองเป็นตัวอย่าง เพราะว่าโดนงูกัดมาหลายยกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงูกะปะ งูแมวเซา แล้วก็ไม่ได้รักษาใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้วิธีล้างแผลด้วยน้ำเปล่า แล้วทายารักษาแผลสด หรือปิดพลาสเตอร์ ก็ยังสบายดีมาถึงทุกวันนี้

อันดับต่อไปคือ ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าไม่ใช่หมดอายุขัยจริง ๆ จะไม่ตายโหง คำว่าตายโหงในที่นี้คือตายผิดปกติ อย่างเช่นว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงตาย เป็นต้น

เถรี
12-09-2024, 00:50
การรับยันต์เกราะเพชร เราจะใช้ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เป็นเครื่องบูชาครูขณะที่รับยันต์ มีเพียงแค่นี้เท่านั้น ไม่ต้องมีสิ่งอื่นเพิ่มเติม ยกเว้นผู้หญิงที่มีลูกอยู่ในท้องด้วย ให้เตรียมเครื่องบูชาไว้สำหรับลูกอีก ๑ ชุด ถึงเวลาอาตมภาพจะอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าให้สงเคราะห์ เพราะว่ายันต์เกราะเพชรก็คือบารมีของพระพุทธเจ้านั่นเอง เมื่อเห็นว่ายันต์เกราะเพชรครอบคลุมให้แก่ผู้ที่ตั้งใจรับจนเต็มที่แล้ว ก็จะบอกให้เลิกได้

คราวนี้ในระหว่างที่ท่านรับยันต์อยู่นั้น ถ้ามีอาการร้อนหู ร้อนหน้า หนักหัว หนักไหล่ บางท่านก็ขนลุกขนชัน บางท่านก็ถึงขนาดดิ้นตึงตังโครมครามไปเลย ถ้าลักษณะแบบนั้นแปลว่ายันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวของท่านแล้ว ให้รักษาเอาไว้ด้วยการรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือ ห้ามลักขโมย และห้ามดื่มสุราเมรัย

เนื่องเพราะว่าการลักขโมยเป็นการเบียดเบียนคนอื่น การดื่มสุราติดยาเสพติดเป็นการเบียดเบียนตนเอง ถ้าใครรักษากฎเกณฑ์กติกานี้เอาไว้ได้ ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษาท่านจนวันตาย

บุคคลที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้าจะพิสูจน์ว่าสามารถรักษายันต์ไว้ได้หรือไม่ ? หรือว่าได้รับยันต์ติดตัวหรือไม่ ? ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีท้องครั้งแรก ซึ่งภาษาโบราณเรียกว่า "ลูกหัวปี" ก็คือ "ลูกคนต้นปี , ลูกคนแรก" ไม่ใช่ "ลูกหัวปลี" ที่เป็นลูกกล้วย ให้พาลูกมาเข้าพิธีด้วย ถ้าปฏิบัติตามกติกาแล้วรักษายันต์เอาไว้ได้ เมื่อลูกคลอดออกมา ถ้าเป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย ส่วนผู้หญิงหรือผู้ใหญ่ที่มาเข้าพิธี ต้องไปพิสูจน์กันตอนตายก็คือ ถ้ารับยันต์ไปแล้ว รักษาได้ เวลาเผาแล้วให้สังเกตที่กระดูก จะมีลายยันต์ติดอยู่

เถรี
12-09-2024, 00:52
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก ยกเว้นว่าจะพิสูจน์ทราบกันก่อน แต่การพิสูจน์นั้นก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่าเราเองก็นอกจากขาดความเชื่อมั่นแล้ว ช่วงนี้การละเมิดศีลบางข้อ อย่างการดื่มสุราหรือติดยาเสพติด บางทีก็ไม่ใช่เจตนาของเรา แต่ไปรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของสุราเข้าพอดี ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของท่านไป..!

ตอนนี้ ๗ โมง ๕๗ นาที อีก ๓ นาที อาตมภาพจะขอบารมีพระท่านสงเคราะห์เป่ายันต์รอบพิเศษให้ เพื่อที่ญาติโยมจะได้ออกจากศาลาเสียที ไม่อย่างนั้นแล้วเดี๋ยวได้เป็นลมตายคาอยู่ในนี้ เดือดร้อนพระต้องสวดกันอีก..!

ของบางอย่างเป็นการปรับตามหน้างาน แต่ต้องขอพระท่านอนุญาตก่อน เนื่องเพราะว่าแต่เดิมอนุญาตให้ตอน ๑๐ โมงและตอนบ่ายโมงเท่านั้น

เถรี
13-09-2024, 01:09
ทุกคนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พวกเราได้รับยันต์เกราะเพชรกันครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว เดี๋ยวรับพรแล้วก็สามารถเดินทางกลับบ้านกลับช่องกันได้ ขอให้ปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ เดินทางกลับโดยสะดวกปลอดภัยทุกคน..ลุกได้แล้ว ใครจะทำบุญเดินตามกันมา..อย่าดาหน้าเข้ามา..!

ธูปเทียนในมือติดกลับบ้านไป ใช้สำหรับไล่ผีได้เหมือนอย่างกับมีดหมอ มีผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน ให้ภาวนานะโมพุทธายะ อาราธนาบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ แล้วใช้ธูปเทียนนั้นจี้ไปที่ตัวผู้ป่วย ผีก็จะออก หรือไม่ก็เอาไว้จุดบูชาพระรัตนตรัย อธิษฐานขอบางสิ่งบางอย่างได้

ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ให้ระมัดระวังรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือห้ามดื่มสุรา หรือว่าเสพยาเสพติด และห้ามลักขโมยของคนอื่น โดยเฉพาะให้ระมัดระวังเรื่องอาหาร ถ้าหากว่าเรากินอาหารที่มีส่วนผสมของเหล้าเข้าไป ยันต์เกราะเพชรจะหลุด แล้วไม่รู้ว่าอาตมาจะได้รับอนุญาตให้เป่ายันต์อีกเมื่อไร ใครได้ไปแล้วต้องรักษาเอาไว้ให้ดี

เถรี
13-09-2024, 01:17
การเป่ายันต์รอบต่อไปคือเวลา ๑๐ โมง เหลือเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง พระท่านเป่ายันต์ทีหนึ่งทั้งโลกพร้อมกัน ไม่ใช่เป่าใส่ทีละคน..! จะอยู่มุมไหนของโลกก็รับได้

ส่วนท่านที่มีของไม่ดีจะแทรกจะสิงมา ท้าวมหาราชและบริวารท่านเมตตาขับไล่ให้แล้ว ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ไว้ทุกวัน แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองได้ทั้งวัน ถ้ามีของดีแล้วไม่รู้จักอาราธนา ไม่รู้จักภาวนา เผลอสติเมื่อไรก็อาจจะโดนสิงโดนแทรกได้อีก เพราะว่าท่านทั้งหลายมักจะใจอ่อน

ใครต้องการน้ำมนต์เสาร์ ๕ ไปบูชาที่เต็นท์ข้างโบสถ์ มีน้ำมนต์เสาร์ ๕ อยู่ที่นั่น ญาติโยมทั้งหลายถ้าหากว่าไม่มั่นใจในตัวเอง จะนำไปอธิษฐานดื่มหรืออาบก็ได้ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคที่หมอหาสาเหตุไม่ได้ สามารถทดลองดื่มน้ำมนต์เสาร์ ๕ เพื่อรักษาโรคนั้นได้

อีกส่วนหนึ่งก็คือใครที่ดวงตก ให้อาราธนาบารมีพระสงเคราะห์ ใช้น้ำมนต์เสาร์ ๕ ผสมน้ำอาบ หรือถ้าหากว่าทำอย่างลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน เขาเทน้ำมนต์ใส่ฝาขวดประมาณสัก ๑๕ ซีซี เท่านั้น แล้วก็เทผสมในน้ำเปล่า ๒๐๐ ลิตร ใช้กันให้สะใจไปเลย..! ประหยัดดี

เถรี
13-09-2024, 01:18
(บอกกับโยมที่เอาวัตถุมงคลที่เพิ่งบูชามาให้เสกเพิ่ม) เวลาบารมีพระท่านสงเคราะห์ลงมา เท่ากับว่าครอบพวกเราเอาไว้ทั้งตัว ผ้าผ่อนท่อนสไบที่ใส่อยู่กลายเป็นวัตถุมงคลทั้งนั้น ไม่ต้องเสียเวลาเอามาให้อาตมภาพเสกอีก

เถรี
13-09-2024, 01:21
ขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า อาตมภาพรักษาโรคไสยศาสตร์ไม่เป็น แต่งานเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ยันต์เกราะเพชรคือบารมีพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์

คำว่า ไสยะ แปลว่า หลับ พุทธะ แปลว่า ตื่น เหมือนแสงสว่างกับความมืด เมื่อแสงสว่างมาถึง ความมืดก็สลายตัวไปเอง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่โดนไสยศาสตร์มา ถึงเวลาหายไปจากที่นี่ ก็ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คนได้ยินก็ไม่ฟังเสียงจะมาให้อาตมภาพรักษาโรคไสยศาสตร์ให้ บอกว่ารักษาไม่ได้ก็ไม่ยอมฟัง มีการยืนยันอีกว่าเพื่อนมาวัดนี้ รักษาหายไปแล้ว..!

เถรี
13-09-2024, 01:23
ช่วงเดือนมกราคมอาตมภาพจะไปหาที่ตายที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน ซึ่งคนที่ไปมาแล้วเข็ดทุกราย โยมท่านหนึ่งเล่าว่ากินอะไรไม่ได้เลย เพราะว่าอ้าปากขึ้นมาแล้วแข็งค้าง หุบไม่ได้ เนื่องจากว่าอากาศที่นั้น ติดลบ ๕๐ กว่าองศาเซลเซียส น้ำมูกไหลออกมาก็กลายเป็นแท่งน้ำแข็งอุดจมูกไปเลย ดังนั้น..ถ้าใครคิดว่าจะไป ต้องพร้อมที่จะตายทุกคน เพราะว่าเป็นเรื่องตัวใครตัวมัน อาตมาช่วยดูแลใครไม่ได้..!

ขอยืนยันว่าอาตมาเองยังเอาตัวไม่รอด เพราะฉะนั้น..อย่าหวังให้ช่วย เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน "ที่แท้ทรู" คาดว่าลงจากเครื่องบินมาก็แข็งเป็นไอศกรีมแท่งแล้ว..! ใครคิดว่าจะรอไปซื้อชุดกันหนาวที่นั่น ท่านคงตายตั้งแต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นสนามบิน เขาบอกว่าขนาดตัวอาคารในสนามบินที่ติดเครื่องปรับความร้อนไว้ ยังติดลบ ๑๒ องศาเซลเซียส..! เพราะฉะนั้น..อย่าหวังว่าจะรอด ที่อาตมาตั้งใจไปตายที่นั่น เพราะว่าตายแล้วจะไม่เน่า..!

เถรี
14-09-2024, 01:30
(การเป่ายันต์เกราะเพชร รอบ ๑๐.๐๐ น.)

ท่านใดที่ชะตาตก ดวงตก หรือเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ ลองไปบูชาน้ำมนต์เสาร์ ๕ ที่เต็นท์ข้างโบสถ์ดู น่าจะพอมีเหลืออยู่บ้าง ถ้าบุญพาวาสนาช่วย กรรมไม่หนักนัก ที่ป่วยก็หาย ที่หน่ายก็รัก ถ้ากรรมยังหนัก ที่ป่วยก็หนัก ที่รักก็หน่าย สรุปแล้วก็คือ ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น..!

ส่วนท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้องไว้ทุกวัน ก็คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบท ถ้าไม่มีเวลาจะเอาแค่พุทโธก็ได้

หรือจะถือโบราณก็พุทโธ เม นาโถ ธัมโม เม นาโถ สังโฆ เม นาโถ ก็คือข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้า ขอยึดพระธรรม ขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแบบ "ธรรมนาวาวัง" ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้นำมาเผยแผ่ก็ได้

พูดง่าย ๆ ว่ายันต์เกราะเพชรคือบารมีพระพุทธเจ้า ทำอย่างไรให้เราระลึกถึงสิ่งที่เป็นพุทธานุสติก็ใช้ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราท่านทั้งหลายก็มักจะค่อนข้างขาดความมั่นใจในตัวเอง ถ้ามีความมั่นใจในตัวเอง เราก็สามารถที่จะภาวนารักษาใจเอาไว้ได้

เถรี
14-09-2024, 01:32
บางคนไม่เชื่อเรื่องที่พระพุทธเจ้ามีกำลังเท่ากับช้าง ๑ แสนเชือก พระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้นำหมู่ชนหรือว่าฝูงสัตว์ เรื่องของคนเราไม่ชัดเจน แต่เรื่องของสัตว์ ถ้าคุณไม่แข็งแรงกว่าเขา คุณก็เป็นผู้นำเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ผู้ที่เป็นผู้นำคนก็จะแข็งแรงกว่าด้วยแรงบุญหรือแรงบารมีที่สั่งสมมา

ดังนั้น..การที่คนสั่งสมบารมีมาดี จะมีกำลังเท่า ๗ ช้างสารก็เป็นเรื่องปกติ ลองไปดูพวกจักรวาลมาร์เวลสิ เห็นตีกันแต่ละที โลกพังเป็นแถบ ๆ เขาเรียกอะไร เอ็กซ์เม็น ใช่ไหม ? อันนั้นเลียนแบบของจริงไปเลยนะ..!

เถรี
14-09-2024, 01:34
เมื่อวานนี้พระครูปริยัติกาญจนกิจ อดีตพระมหาสุวัฒน์ถามมาว่า "นิสสัตโต แปลว่าอะไรถึงจะถูกครับหลวงพ่อ ?"

ได้บอกว่า นิ คือ ไม่ สัตตะ ความเป็นสัตย์ นิสสัตโตคือ ไม่ใช่สัตว์ แปลว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เราเขา ก็เลยบอกกับน้องเล็กไปว่า "พวกท่านเรียนบาลีมา มีประกาศนียบัตร มีปริญญาบัตรรับรอง ไอ้ผมเองเป็นแค่บาลีเถื่อน ไม่มีรับรองสักใบ ดันมาให้ผมแปล..!"

นิสสัตโต (ไม่ใช่สัตว์) นิชชีโว (ไม่ใช่ชีวิต) สุญโญ (เป็นเพียงความว่างเปล่า) บาลีไม่ยากสักหน่อย ทำไมถึงแปลกันไม่ได้ ? อาตมาเองไม่ได้สอบ ท่องบาลี ท่องไปท่องมา เหมือนมีอะไรแตกโป๊ะ สว่างอยู่ในหัว แล้วก็แปลได้เอง เออ..เข้าท่าดี ไม่ต้องเรียนเยอะ..!

เถรี
14-09-2024, 01:36
(โยมถวายเบี้ยแก้)

ไม่ใช่เบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญนะ เป็นของหลวงปู่เพิ่มรุ่นแรก คนไปเห็นว่ามีสองห่วงเป็นของหลวงปู่บุญ..ไม่จริง อาตมาเป็นคนนครปฐม เห็นเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มมาตั้งแต่ยังแก้ผ้าวิ่งอยู่เลย สมัยโน้นเขาให้แขวนติดเอวไว้ ผู้ใหญ่เขาเข้าใจหลอก เขารู้ว่าเด็กไม่เห็นคุณค่าเบี้ยแก้ เขาเลยบอกว่า "แขวนไว้แล้วจะฟันไม่ผุ" โห..เด็ก ๆ ฟันผุแล้วปวดฟันขนาด ก็แขวนกันใหญ่ อาตมาเองก็ไปแขวนกันฟันผุเหมือนกัน แต่ก็ยังผุหมดทั้งปากอยู่ดี..!

คนพอเห็นรุ่นนี้เก่าพอ ก็ตีความว่าเป็นของหลวงปู่บุญ ไม่ใช่นะ ของหลวงปู่บุญรุ่นแรก ๆ จะตัวใหญ่กว่านี้ ถ้าถามว่าอาตมภาพมั่นใจได้อย่างไร ? ก็มีเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มผ่านมือมาประมาณ ๑๐๐ กว่าตัวเท่านั้น ไม่เยอะหรอก แยกไม่ออกก็ให้มันรู้ไป..!

มีเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มอยู่รุ่นหนึ่งที่ไม่เป็นสาธารณะ เป็นรุ่นเดียวที่เปิดจอง ก็คือเบี้ยแก้รุ่นที่หุ้มทองคำ หุ้มนาก แล้วก็หุ้มเงิน ซึ่งสมัยนั้นถือว่าแพงมาก เพราะว่าหุ้มเงินนี่ตัวละ ๕๐๐ บาท ไม่ต้องไปพูดถึงนากหรือว่าทองคำ ส่วนใหญ่แล้วบรรดาเถ้าแก่โรงสี เถ้าแก่ร้านทอง จะเหมาพวกที่หุ้มทอง หุ้มนากไปหมด แล้วเป็นเบี้ยเปลือยด้วย ก็คือหุ้มทอง หุ้มนาก หุ้มเงินเฉย ๆ ไม่มีถัก รุ่นนั้นถือว่าพิเศษมาก เพราะว่าต้องจองเท่านั้นถึงจะทำให้ แล้วท่านก็ทำให้อย่างละ ๕๐๐ ตัว อามภาพมีที่หุ้มเงินอยู่ราว ๆ ๒๐ ตัว..!

เถรี
14-09-2024, 01:37
ยืนยันกับผู้ถวายว่า องค์นี้เป็นเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม อย่าไปเชื่อเขาว่าสองห่วง อย่าไปเชื่อเขาว่ารักแดง เพราะว่าหลวงปู่เพิ่มรุ่นแรก ๆ ก็คือทันหลวงปู่บุญนั่นแหละ ดูขนาดที่ตัวเบี้ยสักนิดหนึ่ง ของหลวงปู่บุญจะตัวใหญ่กว่านี้ ต่างกันอยู่นิดเดียวเท่านั้น

อาตมาเองถ้าดูไม่ออกก็ถามท่านตรง ๆ ไปเลย หมดเรื่องไป เบี้ยแก้รุ่นหลวงปู่บุญ ถ้าหากว่าไม่เคลือบยางมะพลับ ก็จะเคลือบรักจากเมืองจีน ซึ่งรักจากเมืองจีนจะสีแดงใสกว่านี้

เถรี
14-09-2024, 01:37
(พระมากราบหลวงพ่อ มีครูบาเหนือชัย หลวงพ่อนิล ครูบาวิฑูรย์)

โยมเชื่อไหมว่าในกลุ่มนี้อาตมาแก่ที่สุด ? เขาไม่เชื่อสักคน เขาไม่ค่อยเชื่อว่าอาตมาแก่แล้ว คนเราก็แปลกนะ เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ตอนนี้ถ้าอาตมาไปนั่งกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็กลายเป็นลูกชายเพื่อนแล้ว..!

ผลของการฝึกกรรมฐานอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ร่างกายจะทรุดโทรมช้า เหตุที่ทรุดโทรมช้า เพราะว่าใจสงบ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ค่อยเกิด ในเมื่อไม่โดน ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง เผามากเหมือนกับคนทั่วไป ก็เลยแก่ช้าหน่อย

เถรี
14-09-2024, 01:38
รับพระไปแล้วดูแลดี ๆ นะ พระเครื่องรุ่นนี้ไม่มีใครสร้างได้อีกแล้ว เพราะว่าวัสดุส่วนผสมก็คือ สังฆาฏิของสุดยอดพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ๒๒ รูปด้วยกัน รูปสุดท้ายก็คือหลวงพ่ออุตตะมะ วัดวังก์วิเวการาม

เถรี
14-09-2024, 01:39
นั่งชิด ๆ ไปใกล้เครื่องบวงสรวงที่สุดเลยนะ เพราะว่าตอนบารมีพระแผ่ลงมาจะเริ่มจากศูนย์กลางตรงเครื่องบวงสรวงโน่น ใครนั่งห่าง รับไม่ถึงช่วยไม่ได้..!

ญาติโยมลองนึกดูว่า เครื่องบวงสรวงโดยเฉพาะบายศรีองค์ใหญ่ เหมือนอย่างกับเสาอากาศ ถึงเวลารับบารมีพระมาแล้วก็กระจายให้พวกเรา เพราะฉะนั้น..อยู่ใกล้เสาอากาศเท่าไรก็พลังแรงเท่านั้น อย่าถึงกับปีนขึ้นไปบนต้นบายศรีนะ ปีนไปตรงเสาอากาศอาจจะโดนฟ้าผ่าตาย..!

เถรี
15-09-2024, 01:37
(การเป่ายันต์เกราะเพชร รอบ ๑๓.๐๐ น.)


ยันต์เกราะเพชรนั้นมาในตำราพระร่วง เป็นส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ตัดมาเฉพาะส่วนคอธงที่เป็นอักขระ ๕๖ ตัว แล้วเขียนลงแบบหนังสือจีน เป็น ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว ดังนั้น..ถ้าใครบอกว่าไปสักยันต์ ๕ แถวมา ทุกคนคุยทับไปได้เลยว่า "ฉันไปเป่ายันต์ ๗ แถวมา..!"

เขียนลงแบบหนังสือจีน ๗ แถว ๆ ละ ๘ ตัว รวมแล้วได้ ๕๖ ตัว อ่านตามขวางได้ว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา, ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ไปจนถึง อะ วิ สุ นุต สา นุส ติ

ซึ่งโบราณาจารย์ยังแยกออกเป็นอิติปิ โสฯ ๘ ทิศ เรียกชื่อต่าง ๆ กันไปตั้งแต่กระทู้ ๗ แบก ฝนแสนห่า นารายณ์เคลื่อนสมุทร เป็นต้น เมื่อชักสูตรแล้ว ตีตารางออกมาจะเป็นยันต์เกราะเพชร มีบางคนเรียกว่ายันต์ตาข่ายเพชร

ครูบาอาจารย์ตามสายกรรมฐาน คือหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านศึกษาตำราพระร่วงมาจากท่านอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลก เมื่อถึงเวลาท่านอาจารย์แจงรับตำรากลับคืนไปแล้วท่านตายเสียก่อน ไม่ได้มอบหมายให้ใคร แล้วตำราพระร่วงนี้ก็สืบเฉพาะสายเลือดเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ใช่เชื้อสายพระร่วง ก็ต้องได้รับการครอบครูจากครูบาอาจารย์มาก่อน

เถรี
15-09-2024, 01:49
เมื่อหลวงพ่อฤๅษีฯ ตอนนั้น ท่านยังเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโคอยู่ ได้ข่าวว่าท่านอาจารย์แจงเสียชีวิตแล้ว จึงไปขอศึกษาตำราพระร่วง แต่ว่าภรรยาท่านอาจารย์แจงบอกว่าให้ไม่ได้ เพราะสามีสั่งไว้ว่า ถ้าใครมาขอศึกษาตำรานี้ ให้เอาดาบคู่มือที่ท่านอาจารย์แจงเตรียมไว้ ๒ เล่ม ไปรำที่กลางแจ้ง ถ้าใครรำดาบแล้วมีฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นลูกหลานพระร่วง ให้มอบตำราให้คนนั้นไปศึกษา

หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเล่าว่าเราเป็นพระ จะให้ไปรำดาบก็น่าเกลียด จึงขอถือดาบยืนนิ่ง ๆ อยู่กลางแจ้งสัก ๒ นาที ถ้าฟ้าไม่ผ่าก็เป็นอันว่าไม่ขอศึกษาตำรานี้ ท่านบอกว่าเพิ่งจะถอดดาบออกจากฝัก เดินยังไม่ทันจะพ้นบอกชาน ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หูอื้อกันทั้งบ้านเลย ภรรยาท่านอาจารย์แจงจึงได้มอบตำราให้กับหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเอามาศึกษาแล้วก็ทำตามตำรานั้น

ท่านบอกว่า ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นบารมีพระพุทธเจ้า การเป่ายันต์เกราะเพชร เขาเป่ากันทีละศาลา อาตมภาพเจอครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๕ หลวงพ่อวัดท่าซุงประกาศเป่ายันต์เกราะเพชร ลูกศิษย์หลานศิษย์ก็ตั้งใจไปรับกัน ตอนนั้นศาลาทำบุญของวัดท่าซุงก็คือศาลาพระพินิจอักษร ปรากฏว่าต้องเป่ายันต์ถึง ๕ - ๖ รอบด้วยกัน ท่านจึงรีบสร้างศาลา ๒ ไร่ต่อมา

แต่ว่ายังสร้างไม่ทันจะเสร็จ วันที่ ๑๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ ทำการเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา ๒ ไร่ วัดท่าซุง ได้ผลดีมาก เพราะว่าฝุ่นจับขาววอกไปทุกคน..! เนื่องเพราะว่าเพิ่งเทพื้นใหม่ ๆ ช่างต้องเอาฝุ่นปูนซัดเอาไว้เพื่อให้พื้นแห้ง พวกเราต้องไปนั่งคลุกฝุ่นกันจนกระทั่งตัวขาววอกไปหมด ดังนั้น..ใครรับยันต์ในการเป่าครั้งที่ ๒ ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ต้องคลุกฝุ่นมาด้วยกัน (ลูกเจนนี่..แม่หนูก็ไปคลุกฝุ่นกับหลวงพ่อมาแล้วนะจ๊ะ..!)

พอเป่ายันต์ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ศาลา ๒ ไร่พัง..! เพราะว่าโยมเป็นแสนคนอัดกันแน่น แล้วมีการเบียด การดัน การกระแทกกันขึ้นมา ประตูยืดที่เป็นประตูศาลา ๒ ไร่โดนเบียดกระเด็นไปทั้งยวง..! หลวงพ่อท่านจึงต้องสร้างศาลา ๔ ไร่เพิ่มขึ้นมา

เถรี
15-09-2024, 01:55
จากปี ๒๕๒๖ ญาติโยมไปรับยันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง ต้องหุงข้าวเลี้ยงโยมไป ๒๒ กระสอบ พอวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ แค่ช่วงเช้าข้าวสารหมดไปเกือบ ๓๐ กระสอบ หลังจากนั้นมาคนก็มีแต่มากขึ้น ๆ ศาลา ๔ ไร่ไม่พอใช้งาน ศาลา ๒ ไร่บวกศาลา ๔ ไร่ ไม่พอใช้งาน หลวงพ่อท่านจึงต้องไปสร้างศาลา ๑๒ ไร่เอาไว้อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้

แล้วในปี ๒๕๓๕ ต้นปี หลวงพ่อท่านบอกให้พระทั้งวัดภาวนาจับภาพพระพุทธเจ้าให้เป็นปกติ เพื่อรอรับการไหว้ครู สืบสายยันต์เกราะเพชรมา แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการสงฆ์วัดท่าซุงคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ ปรึกษากันแล้วก็ลงความเห็นว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้นเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อวัดท่าซุงเท่านั้น ถ้าใครคิดจะทำตามถือว่าเป็นการวัดรอยเท้าครูบาอาจารย์..!

อาตมภาพได้ยินก็ "ของขึ้น" เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นคำสั่งครูบาอาจารย์ก็คือเราต้องทำด้วยชีวิต..! จึงไปขอขันครูจากโยมศุภาพร ปุษยะนาวิน เจ้าหน้าที่บายศรีประจำวัดท่าซุง โดยมีพระรุ่นน้องก็คือท่านชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ตามไปอีกคน

ตอนนั้นอาตมภาพได้ ๗ พรรษา ท่านชาติชายได้ ๒ พรรษา "ป้าศุ" ของทุกคนมองหน้าแล้วก็ถอนใจ บอกว่า "หลวงพี่..สองคนรวมกันยังไม่ได้ ๑๐ พรรษาเลย จะไปลุ้นเขาไหวหรือ ?" อาตมาตอบไปว่า "ป้าก็รู้ว่าอะไรที่พ่อสั่งก็คือต้องทำกันจนตัวตาย ใครจะบอกว่าฝืนคำสั่งกรรมการสงฆ์ จะขับออกจากวัดอาตมาก็ยินดีที่จะไป..!"

ป้าศุจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นป้าจะทำขันครูเผื่อพระที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อในศาลา ๑๒ ไร่ด้วย" พูดง่าย ๆ ว่าหาคนมา "โดน" ด้วยกัน..! ก็เลยทำให้มีบุคคลได้รับการครอบครูตามสายยันต์เกราะเพชรมาด้วยกัน ๙ รูป ตอนนี้ก็ทั้งมรณภาพและโยกย้ายออกไปด้านนอก เหลือคาวัดอยู่ ๑ รูปเท่านั้น..! เป็นใครให้ไปหาเอาเอง อีก ๘ รูป สึกไปเสียเป็นส่วนใหญ่ อาตมภาพที่แทบจะอาวุโสรั้งท้ายมาอยู่ที่วัดท่าขนุนนี่ แล้วก็เป็นเรื่องแปลกว่า พระท่านมาสั่งให้เป่ายันต์เกราะเพชรเป็นคนแรก..!

เถรี
15-09-2024, 01:57
ในตอนที่ครอบครูเพื่อรับช่วงการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น พระท่านมีคำสั่งว่า อันดับแรก ห้ามใช้กำลังของตัวเองอย่างเด็ดขาด ต่อให้คล่องตัวในสมาบัติ ๘ ขนาดไหน ทำไปก็ได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน

อันดับที่สอง ให้ใช้ทิพจักขุญาณเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ท่านสั่งให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ให้ภาวนาคาถาบทไหนก็ภาวนาอย่างนั้น

ข้อต่อไปก็คือ ห้ามเดินสายรับเป่ายันต์ พูดง่าย ๆ ว่าห้ามหากินด้วยวิธีนี้ อยู่ที่วัดไหนให้เป่าสงเคราะห์คนได้เฉพาะที่วัดนั้นเท่านั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาตมภาพในระยะแรกก็โดนเพื่อนพ้องพี่น้อง โดยเฉพาะญาติโยมสายวัดท่าซุงถล่มจมธรณีไปเลย..! หาว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อ ท่านทั้งหลายต้องฟังท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านบอกว่า "ไม่ใช่ว่าพวกเราเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง แต่กูเป็นลูกช้างจะให้ขี้แบบหมากูทำไม่ได้..!" ฟังหลวงตาท่านพูดประโยคเดียวจบเลย

อาตมภาพก็ทำมาแล้วเกิดผลอย่างที่ญาติโยมหลายต่อหลายท่านเห็นและส่งประสบการณ์มา ในเมื่อญาติโยมมีประสบการณ์มากขึ้นทุกที ความเชื่อถือมีมากขึ้น ก็กลายเป็นว่ามาอยู่กันเต็มวัดอย่างที่เห็นกันตอนนี้

บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ วิธีรักษาก็คือภาวนานึกถึงพระ นึกถึงยันต์ไว้ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้า ๆ ถ้าภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบได้ยิ่งดี ถ้าไม่ได้อย่างน้อยก็ "พุทโธ..พุทโธ" เอาไว้ พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลายลงไป อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะรักษาได้ตลอดเวลาในวันนั้น

เถรี
16-09-2024, 00:53
คราวนี้ถ้าหากว่าเราจะรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากภาวนาไว้ทุกเช้าแล้ว ยังต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือต้องไม่ลักขโมยคนอื่น และไม่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด ญาติโยมจะเห็นว่าโบราณาจารย์ท่านมีความฉลาดมาก ก็คือให้เรารักษาศีลด้วยการไม่ขโมย ไม่ดื่มสุราเมรัย เจริญสมาธิด้วยการภาวนานึกถึงยันต์เกราะเพชรไว้ทุกเช้า ถ้าเราเองมีความฉลาดมากกว่านั้นว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน ก็เอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ เป็นการใช้ทั้งศีล สมาธิ และปัญญาโดยสมบูรณ์พร้อม

บุคคลที่รักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายด้วยไสยศาสตร์ อาตมภาพเองเคยโดนเสียเกือบตาย ไปถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ไหนหลวงพ่อว่าไม่เป็นอันตรายเพราะไสยศาสตร์ ทำไมผมโดนเต็ม ๆ เลย ?" ท่านบอกว่า "คำว่าไม่เป็นอันตรายก็คือจะไม่ตายด้วยไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์เหมือนกับไฟ ยันต์เกราะเพชรเหมือนผนังกั้นไว้ แต่ถ้าไฟกองใหญ่มาก ความร้อนก็มาถึงอยู่ดี เพียงแต่ว่าเปลวไฟนั้นทำอันตรายเราไม่ได้"

ด้วยความที่ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์ ก็คือใครตั้งใจจะทำไสยศาสตร์ใส่เรา หรือใส่ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว เขาตั้งใจจะให้เราลำบากเดือดร้อนเท่าไร ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนผลนั้นกลับไป คนทำจะลำบากเดือดร้อนเองเท่านั้น หลายต่อหลายรายโดนไปจนเข็ดไปตาม ๆ กัน

ข้อต่อไปก็คือจะไม่ตายโหง อย่างที่ครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง สปป.ลาวท่านเล่ามาให้ฟัง ลูกศิษย์ตกจากหลังคาโบสถ์มาประมาณ ๖ เมตร ไม่มีเครื่องป้องกันอะไร วัตถุมงคลอะไรก็ไม่มี นอกจากเคยรับยันต์เกราะเพชรที่ประเทศลาว ตอนที่วัดท่าขนุนจัดงานเป่ายันต์เท่านั้น ไม่มีอันตรายอะไรแม้แต่นิดเดียว ลุกขึ้นทำงานต่อได้เลย..!

เถรี
16-09-2024, 00:55
อีกข้อหนึ่งก็คือจะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ ไม่ว่าจะงูกัด แมงป่องต่อย ตะขาบกัด ต่อต่อย เป็นต้น พิษสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นจะโดนจำกัดเขตอยู่ ถ้าโดนในระหว่างข้อไหนของร่างกาย ก็จะไม่เกินข้อนั้นขึ้นมา แต่ว่าน่าเสียดายตรงที่ว่ายังเจ็บอยู่เหมือนเดิม..!

อาตมภาพโดนงูกะปะกัด พิษวิ่งปวดเป็นเส้นขึ้นมา ปวดชนิดอยากจะดิ้นร้องโอดโอยไปเลย แต่ก็ใช้วิธีทนเอา โดนกัดที่ข้อมือพอขึ้นมาถึงข้อศอกก็ยันอยู่ตรงนั้น ขึ้นต่อไม่ได้ แล้วก็เลื่อนกลับไปที่รอยแผล หลังจากนั้นก็พยายามวิ่งขึ้นมาใหม่ ยันกันไปยันกันมาอยู่ ๓ - ๔ รอบ ก็หายไปเฉย ๆ แม้ทุกวันนี้ก็ยังมีรอยเขี้ยวงูกะปะอยู่ที่ชีพจรมือซ้ายเห็น ๆ อยู่เต็ม ๔ เขี้ยวเลย ใครอยากดูมาขอดูได้..!

เมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงมีท้องมารับไปแล้วเป็นลูกคนแรก ถ้าคลอดออกมาเป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย ถ้าเป็นลูกผู้หญิง หรือว่าเป็นผู้ใหญ่ก็จะไปพิสูจน์กันได้ตอนตายแล้ว ก็แปลว่าตายแล้วเผา ถึงจะเห็นว่ามียันต์ติดอยู่ที่กระดูกหรือเปล่า ?

ส่วนที่ต้องระมัดระวังที่สุดก็คืออาหารที่มีส่วนผสมของเหล้า อาตมภาพเจอมาช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี ทั้งท็อปปิ้งเชอรี่แช่บรั่นดี แล้วก็แม้กระทั่งไอศกรีมรัมเรซิ่น คนถวายมันไม่รู้ว่ารัมคือเหล้า อาตมภาพเปิดขึ้นมาบอก "เฮ้ย..เหล้า..!" เขาว่า "ไม่ใช่..นี่คือรัมเจ้าค่ะ" ถามว่า "เอ็งรู้ไหมว่ารัมคือเหล้าเถื่อนของฝรั่ง ?" ดังนั้น..เราต้องระวังกันเอง ถ้ากินเข้าไปเท่ากับเราละเมิดข้อห้าม ก็จะทำให้ยันต์สลายตัวไป อาตมภาพแก่จนปานนี้แล้ว ไม่ทราบว่าจะมีเวลาเป่ายันต์ไปได้อีกกี่ครั้ง

ถ้ารักษาเอาไว้ได้แล้วภาวนาไว้ทุกวัน เราจะมีเครื่องป้องกันตัวชั้นดี ถ้าญาติโยมสงสัยว่าป้องกันอย่างไร ? อาตมภาพเคยเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บ่อยมาก บางครั้งถึงขนาดเขาต้องมางัด มาแงะ มาตัด มาถ่างเอาออกจากรถมา ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย จะบอกว่าเป็นอานุภาพยันต์เกราะเพชร ก็กลัวญาติโยมจะกำลังใจดีเกินไป ลองไปบวกกับ ๑๘ ล้อดู..! ลูกศิษย์อาตมภาพคนหนึ่งตายคาที่ ทั้งตัวไม่มีรอยแผลอะไรเลยแต่ตาย ก็แปลว่าถ้าของหนักเกินไปก็รับไม่ไหวเหมือนกัน

เถรี
16-09-2024, 00:57
พระที่รับไปบรรจุผงสังฆาฏิสุดยอดพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถึง ๒๒ รูป ไม่มีใครทำได้ดีกว่านี้อีกแล้ว รักษาไว้ให้ดี ติดตัวแล้วพยายามอาราธนาไว้ทุกวัน คำว่าอาราธนาแปลว่าร้องขอ แต่ความจริงก็คือเรานึกถึงท่านเอาไว้

ธูปเทียนที่มีอยู่สำคัญมาก เพราะว่าสามารถใช้ในลักษณะของมีดหมอก็ได้ เจอใครโดนผีเจ้าเข้าสิงหรือถูกคุณถูกของมา ว่าคาถานะโมพุทธายะ ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านขับไล่ถอดถอนได้ ถ้าจะไล่ของก็ใช้วิธีเคาะจากข้างบนไล่ลงปลายเท้า แต่ว่าอย่าให้คนไปอยู่ด้านปลายมือปลายเท้า เพราะว่าอาจจะโชคดี รับช่วงต่อไปก็ได้..!

เถรี
16-09-2024, 00:59
ท่านใดระหว่างรอรับยันต์รอบบ่ายโมง จะขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ก็เดินออกประตูใหญ่หน้าวัด เยื้องซ้ายมือหน่อยเป็นถนนของเทศบาลตำบลท่าขนุน เดินตรง ๆ จะเห็นทางขึ้นรอยพระพุทธบาท เป็นบันไดมาตรฐาน ๑,๑๗๓ ขั้น ถ้าระดับความสูงก็แค่ ๘๙๑ เมตรเท่านั้น แต่ด้วยความที่เราวิ่งตรง ๆ ไม่ได้ ใช้วิธีหักเลี้ยวไปมาเพื่อที่จะลดระดับให้เตี้ยที่สุด ญาติโยมจะได้ไม่ต้องเดินมาก หรือว่าเดินลำบาก ก็ได้เป็นบันได ๑,๑๗๓ ขั้น คนทั่วไปถ้าแข็งแรงชั่วโมงหนึ่งก็ถึง อาตมภาพเดิน ๑๘ นาทีเท่านั้น..!

หรือจะขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุบนยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี บันไดแค่ ๓๙๐ กว่าขั้นเท่านั้น ขึ้นไปสามารถเห็นทิวทัศน์ทองผาภูมิทั้งอำเภอ

หรือใครจะไปจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ก็เดินข้ามสะพานแขวนหลวงปู่สายไปทางหลังวัด ซึ่งถ้าหากว่าทำเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ตัวสะพานกับตลาดจะเชื่อมเป็นส่วนเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ สะพานก็เลยยังแยกส่วนกับทางด้านตลาดอยู่

เถรี
16-09-2024, 01:00
ขอเจริญพรขอบคุณท่านเจ้าของโรงทานทุกร้าน บางท่านก็มาตั้งกัน ๒ ร้าน ๓ ร้านเลย อย่างป้าสุรีย์ก็มีข้าวเหนียวลาบหมู ลูกชายก็เอากาแฟโรดดริปเปอร์มา ใครอยากจะกินกาแฟอร่อยไปรับได้ที่โรงทาน เจ้าของร้านสู้แค่หมดตัว แต่ดูท่าจะหมดยาก เพราะว่าเขาเตรียมเมล็ดกาแฟมาเป็นกระสอบ บดตรงนั้น ชงตรงนั้นเลย..!

เถรี
17-09-2024, 00:08
พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรกปี ๒๕๒๔ จนถึงครั้งสุดท้ายรวมแล้ว ๑๘ ครั้งด้วยกัน อาตมภาพเป็นลูกโดนบังคับ น่าจะเกิน ๑๘ ครั้งไปแล้ว เหตุเพราะว่ารุ่นของเรานี่ไม่ค่อยจะระมัดระวังกัน ข้าวปลาอาหารที่ผสมสุรา บรั่นดี สารพัดเอาหมด..! ถึงเวลายันต์หลุดก็ต้องมารับกันใหม่ รุ่นอาตมภาพยังเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าครอบครูรุ่นต่อไป สงสัยอยู่ว่าท่านจะเหนื่อยกันขนาดไหน ?

น่าเสียดายที่ว่าพระที่รับการครอบครูทั้งหมด ๙ รูปเหลืออยู่ในวัดท่าซุงรูปเดียว วันก่อนพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม บ่นว่า "พวกแกไม่มีใครรับช่วงได้เลยหรือ ? ข้าถามท่านอาจารย์สมนึก เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ท่านก็บอกว่าครอบครูไม่ทัน" ก็เลยกราบเรียนท่านไปบอกว่า "ผมก็ทำอยู่นะครับ เพียงแต่ไม่ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังเท่านั้น"

ท่านบอกว่า "ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเกรงว่าวิชาจะสิ้นสุดลงไป ถ้าไม่มีใครสืบทอดจะน่าเสียดายมาก เนื่องจากว่าสามารถรวมคณะศิษย์ได้มาก ทำให้มีกำลังในการช่วยงานพระพุทธศาสนาได้มาก เกิดไม่มีใครรับช่วงเอาไว้ วิชานี้ขาดสูญไปก็จะลำบาก"

แบบเดียวกับวิชาการทำแมลงภู่คำ เขามีข้อจำกัดที่ว่าต้องเป็นเชื้อเจ้าเท่านั้น ระยะหลังก็เลยมีญาติโยมอยู่จำนวนหนึ่งที่ฉลาด บวชพระเข้ามาแล้วก็ไปครอบครูสายแมลงภู่คำ เพราะเขาถือว่าเป็นเชื้อสายเจ้าชายสิทธัตถะ น่าเหวี่ยงให้สักที..! ก็ต้องบอกว่าเป็นความฉลาดส่วนตัว..แบบนี้เราไม่ว่ากัน..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร (รอบเช้า) ณ วัดท่าขนุน
วันที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)