PDA

View Full Version : จดจ่อกับเป้าหมายจนเข้าถึงสมาธิได้


รุ้งทรงกลด
05-05-2024, 14:35
มีครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ผมเคยบวช ผมได้โดนคนที่มาบวชด้วยกันหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเวลา เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน และผมก็ได้พยายามอดทนไม่ตอบโต้อยู่เสมอ เพราะไม่อยากเสียเวลาไปทะเลาะกับเขา อยากจะฝึกสมาธิให้มาก ๆ เท่านั้น แต่ด้วยความที่ต้องเจอกับเขาทุกวัน ทำให้ผมโดนเขาแกล้งทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการแกล้งแบบใช้จิตวิทยากดดัน เขาก็เลยแกล้งได้ทุกวันโดยที่คนอื่นก็ต่อว่าไม่ค่อยถนัดนัก เพราะเป็นการแกล้งในแบบที่ถ้าเขาแก้ตัวว่าไม่ได้แกล้งก็สามารถแก้ตัวได้ ผมจึงได้แต่อดทนเพียงอย่างเดียว

แต่พอผ่านไปสักสองเดือนกว่า จนใกล้จะได้สึกแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่าวันนั้นความอดทนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ก็พอดีตอนนั้นเป็นตอนที่กำลังเข้าแถวเพื่อเลือกอาหาร คนที่แกล้งผมนั้นก็แกล้งมายืนใกล้ ๆ เพื่อกระตุ้นความโมโหของผม ผมก็เลยแกล้งไปต่อแถวที่ด้านหลังของเขา เผื่อเขาจะได้รู้สึกบ้าง จากนั้นเขาก็แกล้งหันหน้ามาทางด้านหลังแล้วมองหน้าผมแบบตาขวาง ด้วยความเก็บกดที่มีอยู่เดิมกับความโมโหในปัจจุบัน ทำให้ผมทนไม่ไหวก็เลยจ้องมองเขากลับไปด้วยความรู้สึกว่าตนเองกำลังปล่อยความโมโหทั้งหมดไปที่คน ๆ นั้นแบบเต็มที่ ปรากฏว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็หายวับไป ทุกอย่างหายไปทั้งหมดพร้อมกับร่างกายของตนเองด้วย ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่สติรู้ตัวเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ นอกนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย แต่มีความรู้สึกสบายเกิดขึ้นแทน ก็เลยอยากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอสักพักเมื่อคิดได้ว่า แล้วตอนนี้เราอยู่ในสภาพไหน ถ้ากำลังต่อแถวอยู่แล้วจะไม่ทำให้คนข้างหลังต้องยืนรอเหรอ พอเกิดความกังวลขึ้นมา แค่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ปรากฎขึ้นมาอีก กลายเป็นว่าผมกำลังยืนนิ่งอยู่ โดยมีคนที่แกล้งผมกำลังยืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจว่าผมกำลังทำอะไร พอเขาเห็นผมขยับตัวก็เลยหันกลับไปเลือกอาหารต่อ ส่วนผมนั้นรู้สึกว่าความโกรธหายไปไหนไม่รู้ มีแต่ความรู้สึกสบายกายสบายใจ แล้วเป็นอยู่แบบนั้นไปอีกสองสามชั่วโมง กว่าที่ความรู้สึกปกติจะกลับมา จึงคิดว่านี้น่าจะเป็นอาการอย่างหนึ่งของสมาธิ

กระผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเองสามารถเข้าถึงสมาธิแบบนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะความอดทนต่อความโกรธที่ทนมานาน โดยเปรียบความโกรธเป็นเหมือนกับพลังงานอย่างหนึ่ง พอถึงจังหวะที่ทนไม่ไหวก็ปล่อยความโกรธทั้งหมดออกไปตรงหน้าโดยมีคนที่ทำให้โกรธเป็นเป้าหมาย พอจิตมีเป้าหมายให้สนใจแค่อย่างเดียว บวกกับกำลังที่สะสมมานาน ก็เลยทำให้เข้าถึงสมาธิแบบนี้ได้

ไม่ทราบว่ากระผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไขบ้างครับ

สุธรรม
05-05-2024, 17:00
ถาม : มีครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ผมเคยบวช ผมได้โดนคนที่มาบวชด้วยกันหาเรื่องแกล้งอยู่ตลอดเวลา เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน และผมก็ได้พยายามอดทนไม่ตอบโต้อยู่เสมอ เพราะไม่อยากเสียเวลาไปทะเลาะกับเขา อยากจะฝึกสมาธิให้มาก ๆ เท่านั้น แต่ด้วยความที่ต้องเจอกับเขาทุกวัน ทำให้ผมโดนเขาแกล้งทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นการแกล้งแบบใช้จิตวิทยากดดัน เขาก็เลยแกล้งได้ทุกวันโดยที่คนอื่นก็ต่อว่าไม่ค่อยถนัดนัก เพราะเป็นการแกล้งในแบบที่ถ้าเขาแก้ตัวว่าไม่ได้แกล้งก็สามารถแก้ตัวได้ ผมจึงได้แต่อดทนเพียงอย่างเดียว

แต่พอผ่านไปสักสองเดือนกว่า จนใกล้จะได้สึกแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่าวันนั้นความอดทนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ก็พอดีตอนนั้นเป็นตอนที่กำลังเข้าแถวเพื่อเลือกอาหาร คนที่แกล้งผมนั้นก็แกล้งมายืนใกล้ ๆ เพื่อกระตุ้นความโมโหของผม ผมก็เลยแกล้งไปต่อแถวที่ด้านหลังของเขา เผื่อเขาจะได้รู้สึกบ้าง จากนั้นเขาก็แกล้งหันหน้ามาทางด้านหลังแล้วมองหน้าผมแบบตาขวาง ด้วยความเก็บกดที่มีอยู่เดิมกับความโมโหในปัจจุบัน ทำให้ผมทนไม่ไหวก็เลยจ้องมองเขากลับไปด้วยความรู้สึกว่าตนเองกำลังปล่อยความโมโหทั้งหมดไปที่คน ๆ นั้นแบบเต็มที่ ปรากฏว่าอยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็หายวับไป ทุกอย่างหายไปทั้งหมดพร้อมกับร่างกายของตนเองด้วย ไม่เหลืออะไรเลย มีแต่สติรู้ตัวเพียงอย่างเดียวที่มีอยู่ นอกนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย แต่มีความรู้สึกสบายเกิดขึ้นแทน ก็เลยอยากจะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอสักพักเมื่อคิดได้ว่า แล้วตอนนี้เราอยู่ในสภาพไหน ถ้ากำลังต่อแถวอยู่แล้วจะไม่ทำให้คนข้างหลังต้องยืนรอเหรอ พอเกิดความกังวลขึ้นมา แค่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ปรากฎขึ้นมาอีก กลายเป็นว่าผมกำลังยืนนิ่งอยู่ โดยมีคนที่แกล้งผมกำลังยืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจว่าผมกำลังทำอะไร พอเขาเห็นผมขยับตัวก็เลยหันกลับไปเลือกอาหารต่อ ส่วนผมนั้นรู้สึกว่าความโกรธหายไปไหนไม่รู้ มีแต่ความรู้สึกสบายกายสบายใจ แล้วเป็นอยู่แบบนั้นไปอีกสองสามชั่วโมง กว่าที่ความรู้สึกปกติจะกลับมา จึงคิดว่านี้น่าจะเป็นอาการอย่างหนึ่งของสมาธิ

กระผมคิดว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเองสามารถเข้าถึงสมาธิแบบนั้นได้ น่าจะเป็นเพราะความอดทนต่อความโกรธที่ทนมานาน โดยเปรียบความโกรธเป็นเหมือนกับพลังงานอย่างหนึ่ง พอถึงจังหวะที่ทนไม่ไหวก็ปล่อยความโกรธทั้งหมดออกไปตรงหน้าโดยมีคนที่ทำให้โกรธเป็นเป้าหมาย พอจิตมีเป้าหมายให้สนใจแค่อย่างเดียว บวกกับกำลังที่สะสมมานาน ก็เลยทำให้เข้าถึงสมาธิแบบนี้ได้

ไม่ทราบว่ากระผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ และมีจุดไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไขบ้างครับ ?
ตอบ : เป็นมิจฉาสมาธิ ถ้าตายตอนนั้นมีสิทธิ์เกิดเป็นอสูร..!