กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-10-2023, 17:53
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 421
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 21,847 ครั้ง ใน 902 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-10-2023, 23:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดตะคร้ำเอน หมู่ที่ ๖ ตำบลตะคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เช้ามืด เพื่อร่วมงานประชุมพหุภาคีของอำเภอท่ามะกา ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์ ที่ว่าการอำเภอท่ามะกา หัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และไวยาวัจกรของอำเภอท่ามะกา

ระยะหลังนี้หน่วยงานต่าง ๆ ของทางราชการก็เห็นชัดเจนแล้วว่า ในส่วนที่ทำแล้วออกมาเป็นรูปธรรมที่สุดนั้นก็คืองานของคณะสงฆ์ จึงทำให้บรรดาข้าราชการระดับสูงในกระทรวง กำหนดลงมาเป็นนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับงานของทางด้านคณะสงฆ์

อย่างเช่นว่าคณะสงฆ์มีโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทางราชการก็มีโครงการหมู่บ้านยั่งยืน มีโครงการหมู่บ้านศีลธรรม เหล่านี้เป็นต้น จึงทำให้เกิดการประชุมร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจ ในแนวทางการบริหารงานให้สอดคล้องกัน ทั้งทางส่วนของวัด บ้าน และหน่วยราชการ ซึ่งก็คือทฤษฎีบวร ที่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้วางทฤษฎีนี้เอาไว้ ประกอบไปด้วย บ. คือ บ้าน - ว. คือ วัด - ร. คือ โรงเรียนและส่วนราชการ ซึ่งถ้าหากว่าสามารถประสานสามัคคีกันเข้าไปได้ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ก็จะทำให้ชุมชนนั้น ๆ เข้มแข็งและมีความสุขมาก

โดยเฉพาะทางด้านเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน ที่กระผม/อาตมภาพเรียกท่านมาตั้งแต่ต้นว่า "หลวงพ่อโท" คือ พระครูวิสาลกาญจนกิจ ท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ปีนี้ก็อายุกาลผ่านวัยถึง ๗๕ ปีแล้ว เวลาเดินทางไปไหนมาไหน ท่านจะถือไม้เท้าติดมือไปด้วยความไม่ประมาท เนื่องเพราะว่าคนอายุมาก อาจจะมีการเดินเซ หรือถ้าหากว่าลุกเร็ว ก็อาจจะมีการหน้ามืด ถือไม้เท้าติดตัวเอาไว้ย่อมสามารถที่จะช่วยงานได้ดีกว่า

โดยเฉพาะว่ากิจการงานคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็กขนาดไหนก็ตาม หากต้องการใช้สถานที่ของทางวัดตะคร้ำเอนที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ท่านก็พร้อมที่จะจัดการทุกอย่างให้โดยเรียบร้อยสมบูรณ์ หรือถ้าหากทางด้านคณะสงฆ์อำเภออื่น ๆ ต้องการให้ท่านช่วยเหลือในการตั้งโรงทาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม หรือว่าอาหาร ตลอดจนกระทั่งช่วยเป็นปัจจัยเงินทอง ท่านก็พร้อมอย่างเต็มที่ พูดง่าย ๆ ว่า มีท่านอยู่ ก็เท่ากับเป็นแก้วสารพัดนึกนั่นเอง

นี่คือพระสงฆ์ที่เป็นสงฆ์อย่างแท้จริงรูปหนึ่ง เป็นผู้ที่ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ ทำงานเพื่อวัด โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ทั้ง ๆ ที่อายุก็อยู่ในระดับหลวงปู่หลวงตาแล้ว ยังวางแผนเอาไว้ว่าจะสร้างอุโบสถไม้ก่อนที่จะมรณภาพอีก ๑ หลัง
กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่เอาใจช่วยว่า ท่านจะสามารถทำอุโบสถไม้สวย ๆ ทั้งหลัง เอาไว้เป็นผลงานสุดท้ายก่อนที่จะล่วงลับดับขันธ์ไป แต่ถ้าหากว่าท่านมีอันเป็นไปเสียก่อน ก็ขอให้เจ้าอาวาสรูปใหม่ที่มาแทน อย่าได้ลืมว่าท่านตั้งใจจะทำงานอะไร แล้วก็พยายามทำไปตามนั้นด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-10-2023, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มาเป็นประธานในการเปิดและให้โอวาท ตลอดจนกระทั่งชี้แจงแนวทางต่าง ๆ ให้บรรดาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล ว่าที่ต้องมีการประชุมพหุภาคี นอกจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงของท่านทั้งหลาย ได้ทำ MOU ก็คือหนังสือขอความร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์และหน่วยราชการแล้ว ก็ยังมีการที่จะสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

โดยเฉพาะกำนัน เทศบาล ตลอดจนกระทั่งองค์การบริหารส่วนตำบล ถ้าหากว่าในเขตของท่านมีวัดอยู่ ๕ วัด ๑๐ วัด แล้วมีคนถามว่าเจ้าอาวาสวัดนั้นชื่ออะไร อายุกาลพรรษาเท่าไร มีจริตนิสัย ตลอดจนกระทั่งการงานเด่นในด้านในบ้าง แล้วท่านไม่สามารถที่จะตอบได้ ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการทำงานของท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความบกพร่อง ทั้ง ๆ ที่ส่วนในการประกาศผลงานของตนของเหล่าท่านทั้งหลายได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือวัด

หลังจากที่ได้ร่วมพิธีเปิดและถ่ายรูปหมู่เสร็จสิ้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวออกเดินทางไปยังศูนย์สุขภาพพระสงฆ์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลวังด้ง หมู่ที่ ๑ ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพในการสร้างอาคารเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตแก่เด็ก ๆ หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า "เรือนไม้ไผ่" เพื่อที่จะให้โรงเรียนต่าง ๆ นำเด็กเข้ามาศึกษาเรียนรู้

เมื่อไปตรวจดู ก็เห็นว่าการงานนั้นเสร็จลงแล้ว แต่ว่ามีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ก็คือในขณะที่คิดจะกันฝนนั้น ทางด้านพระมหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม ท่านใช้พลาสติกอย่างหนาสอดไว้ตรงกลาง ซึ่งก็คือลักษณะเหมือนอย่างกับถุงพลาสติก เพียงแต่ว่าเป็นแผ่นใหญ่และหนากว่าพลาสติกปกติ เพียงแต่ว่าเมื่อหมดอายุ หรือว่าโดนแดดโดนฝนมาก ๆ แล้ว ก็มีการฉีก ขาด แตกร้าว

ซึ่งต่างกับที่กระผม/อาตมภาพได้ทำไว้ที่เกาะพระฤๅษี ตลอดจนกระทั่งวัดท่าขนุนและตลาดริมแควเมืองท่าขนุน ก็คือใช้วิธีมุงข้างล่างด้วยหญ้าคาและสอดแผ่นเมทัลชีท หรือว่าสังกะสีแผ่นเรียบไว้ตรงกลาง หลังจากนั้นก็มุงด้านบนด้วยหญ้าคาไว้ด้านบนอีก ในสายตาของคนทั่วไปก็คือเป็นอาคารมุงแฝกนั่นเอง เพียงแต่ว่าเป็นอาคารที่อยู่ทนทานได้นานหลายปีมาก เพราะว่าตรงช่วงกลางนั้นก็คือสังกะสีแผ่นเรียบหรือว่าเมทัลชีทนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-10-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ต้องเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างมา จึงจะรู้ว่าควรที่จะทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดประสบการณ์แบบนี้ ก็คือเมื่อถึงเวลาก็จะต้องรื้อถ้าไม่ใช่ด้านบนก็ด้านล่างออกทั้งหมด เพื่อที่จะได้ใส่สิ่งป้องกันฟ้าฝนเข้าไป กว่าที่จะทำเสร็จอีกที ก็คงจะเหนื่อยกว่าสร้างใหม่อีกมาก

กระผม/อาตมภาพเอง ในระยะแรกที่อยู่วัดท่าซุงนั้น เอาแต่เรื่องของการภาวนา นอกจากหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายแล้ว อย่างอื่นไม่แตะต้องเลย โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้าง แต่ว่าเมื่อออกจากวัดมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งมรณภาพไปแล้ว ท่านมาสั่งให้ทำโน่นทำนี่จำนวนมากต่อมากด้วยกัน หลังจากที่ทำงานไปแล้ว ก็สามารถที่จะคำนวณได้ว่า ถ้าเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กหลังหนึ่ง ขนาดเท่านี้จะราคาประมาณเท่าไร

ถึงขนาดเมื่อมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่าขนุน ช่างซึ่งรับทำการปูพื้นในส่วนของป้ายวัดท่าขนุน ที่กระผม/อาตมภาพทำเป็นขั้นบันได สำหรับพระภิกษุสามเณรไว้ถ่ายรูปหมู่ ตอนช่วงอุปสมบทหมู่ หรือว่าช่วงจำพรรษาก็ตาม ช่างมารายงานว่ากระเบื้องขาดไป ๑๑ แผ่น กระผม/อาตมภาพบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าคำนวณมาพอดีแล้ว ช่างจึงต้องสารภาพว่าทำกระเบื้องหล่นแตกเอง ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพระรูปไหนคำนวณวัสดุก่อสร้างได้พอดิบพอดี จนกระทั่งไม่สามารถที่จะทำเสียได้เลยแบบนี้

กระผม/อาตมภาพเองก็ยังนึกสมน้ำหน้าตัวเอง ว่าสมัยที่อยู่วัดท่าซุง แม้ว่าจะฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า สิ่งที่ท่านสร้างวัดท่าซุงก็คือการใช้หนี้กรรมในอดีต ที่ไปทำลายบ้านทำลายเมืองเขาในยามศึกสงครามไปมากต่อมากด้วยกัน ฟังแล้วก็ผ่านหูไป โดยที่ลืมไปว่าตนเองนั้นติดตามท่านออกศึกสงครามมาเท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่รู้ จนกระทั่งต้องมาสร้างวัดวาต่าง ๆ และบูรณะวัด วิหาร เจดีย์ มณฑป ตลอดจนกระทั่งสร้างโบสถ์เสียหลายหลัง ถึงได้เข้าใจว่าทำไมตนเองต้องมาทำงานแบบนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2023 เมื่อ 23:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-10-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการก่อสร้างนั้น ถ้าหากว่าเราสามารถวางกำลังใจได้ ก็จะเห็นหน้าเห็นหลัง มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนไปเลย แต่ถ้าวางกำลังใจไม่ได้ ก็จะเครียดเสียมาก โดยเฉพาะบรรดาเจ้าอาวาสรุ่นใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีบารมีเพียงพอที่จะรวบรวมกำลังใจของญาติโยมได้ ก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง ซึ่งกระผม/อาตมภาพ ถ้าหากว่ามีใครขอความช่วยเหลือมา ก็จะจับเรียงเอาไว้ในบัญชี ท่านที่ขอความช่วยเหลือมาในระยะหลัง ๆ บางรายนั้น บัญชีจะอยู่ในระดับที่อีก ๔๐ ปีข้างหน้า..! ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่มรณภาพเสียก่อนจะไปทำให้

โดยเฉพาะบางท่านเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคุณชั้นราช แต่ว่าขอให้กระผม/อาตมภาพช่วยทำอุโบสถให้สักหลัง เหล่านี้เป็นต้น กระผม/อาตมภาพก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านเองมีต้นทุนทางโลกสูงมากขนาดนั้น แล้วทำไมยังจะต้องมาขอความช่วยเหลืออีก ? ขณะที่บุคคลที่ต้นทุนน้อยกว่า ควรที่จะได้รับความช่วยเหลือก่อน ก็จำเป็นต้องรอคิวต่อจากท่านไป

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะมีแนวคิดอย่างไร กระผม/อาตมภาพเองนั้น ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ดังนั้น..ถ้าสามารถช่วยได้ก็ช่วย สามารถทำได้ก็ทำ เหมือนอย่างกับหลวงพ่อโท - ท่านพระครูวิสาลกาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ซึ่งท่านก็ทำงานทุกอย่างเพื่อคณะสงฆ์ ก็แปลว่าทำเพื่อพระพุทธศาสนานั่นเอง และโดยจริตนิสัยแบบนี้ ทั้งหลวงพ่อโทและกระผม/อาตมภาพ ก็คงจะทำงานกันไปจนกระทั่งวันมรณภาพนั่นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-10-2023 เมื่อ 08:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว