#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตรงกับวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ - ๘ ซึ่งทางวัดท่าขนุนของเราต้องมีงานทำบุญวันพระทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่แล้ว
แต่ว่าตามปฏิทินงานของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีนั้น ทุกวันพระแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันที่บรรดาเจ้าคณะปกครองต้องนำพระภิกษุสามเณรภายใต้การปกครองของตน ไปถวายสักการะพระเถระเจ้าคณะปกครอง ระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี แต่เนื่องจากว่าหลวงปู่พระครูอมรชยาภิวัฒน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองปรือ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอหนองปรือ ได้มรณภาพลงอย่างกะทันหัน ซึ่งจะว่ากะทันหันก็ไม่เต็มปากนัก เพราะว่าท่านก็อายุกาลผ่านวัยถึง ๘๔ ปีแล้ว แต่ก็ยังรับภาระธุระในคณะสงฆ์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะปีนี้รับเป็นเจ้าภาพในการจัดอบรมพระนวกะ ในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอหนองปรือ เมื่อท่านมรณภาพลง ก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง ในเมื่ออยู่ ๆ ก็มีงานเพิ่มขึ้นมา เพราะทางด้านโน้นกำหนดว่าจะถวายน้ำสรงศพท่านตอนบ่าย ๓ โมง กระผม/อาตมภาพที่ปกติต้องนำพาท่านทั้งหลายไปสักการะเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด ก็ต้องปรับเปลี่ยนแผนงานเฉพาะหน้า ก็คือเดินทางไปตรวจงานก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ วัดท่ามะขามหรือวัดราษฎร์ประชุมชนาราม และด้วยความที่ปีนี้ทางวัดท่ามะขามรับเป็นเจ้าภาพ ในการอบรมพระนวกะในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรีในวันพรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพจึงต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยของสถานที่ด้วย หลังจากฉันเพลแล้ว จึงเข้าไปถวายสักการะเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด ตามลำดับ แล้ววิ่งจากวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร ลัดไปอำเภอหนองปรือ ใช้เวลาจากวัดพระแท่นดงรังวรวิหารไปก็ชั่วโมงเศษ ไปถึงบ่าย ๒ โมงกว่า เข้าไปกราบสังขารของท่าน ถวายน้ำสรง มอบปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมแล้วก็วิ่งกลับมา ถึงที่นี่ก็ ๕ โมงกว่าเล็กน้อย สรงน้ำแต่งตัว แล้วก็ออกไปตรวจความพร้อมของสถานที่ ซึ่งจะต้อนรับคณะของผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ที่จะมาตรวจประเมิน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนของเรา ตอนนี้เป็น ๑ ใน ๒๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมแล้ว ก็เหลือในขั้นตอนพรุ่งนี้เท่านั้น ว่าจะผ่านเกณฑ์ประเมินหรือไม่ ซึ่งคู่แข่งทั้ง ๑๙ รายก็ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดในพื้นที่ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น ชุมชนคุณธรรมวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เราแค่ได้ยินชื่อ ก็ต้องยกให้ท่านไปแต่โดยดี เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-08-2023 เมื่อ 09:47 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เพียงแต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น แค่ได้รับการยกให้เป็น ๒๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ก็ต้องบอกว่าเป็นเกียรติเป็นศรีอย่างยิ่งต่อชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนแล้ว ว่าการทำงานของพวกเรานั้น อยู่ในสายตาของทั้งทางราชการและประชาชน ก็คือเขาเห็นว่าในสิ่งที่เราทำนั้น มีคุณค่าเพียงพอที่จะได้เข้าประกวด ซึ่งจากที่เป็น ๑๐๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม มาเป็น ๓๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม และมาเป็น ๒๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม เข้ามารับการคัดเลือกเป็น ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม จากการทำงานแค่ ๖ ปีเท่านั้น
เราท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือตามทฤษฎีบวร ก็คือ บ้าน วัด โรงเรียน และส่วนราชการ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกัน และโดยเฉพาะในส่วนของงานเพื่อส่วนรวมแบบนี้ เราจะไปคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวไม่ได้ อะไรที่เสียสละได้ต้องเสียสละ อะไรที่จ่ายได้ก็ต้องจ่าย เพราะว่างานทุกอย่างในปัจจุบันนี้ ถ้าหากว่าขาดงบประมาณแล้ว มักจะไปไม่รอด อย่างวันนี้ในระหว่างที่เดินทางอยู่ กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าประชุม เพื่อรับฟังคำชี้แจงเกณฑ์การประเมินหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ที่กระผม/อาตมภาพเป็นคณะกรรมการดำเนินงานของหนกลาง ซึ่งทั้ง ๒๓ จังหวัดในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง มีคณะกรรมการดำเนินงานแค่ ๑๕ รูปเท่านั้น ดังนั้น..บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกไปต้องมีความสามารถเฉพาะทางใดทางหนึ่ง เมื่อวานนี้ในการประชุมภาคค่ำที่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ลงมาร่วมทำวัตรกับพวกท่าน การประเมินในหมวดที่ ๓ เกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรม บรรดาคณะกรรมการยกให้เป็นภาระของพระครูวิลาศกาญจนธรรมแต่โดยดี เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้นจบปริญญาเอกมาด้วยวิทยานิพนธ์หัวข้อ "รูปแบบการจัดการสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่นในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔" เรื่องเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมนั้น ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพแม่นยำมาก วันนี้ก็ได้คัดค้านท่านเจ้าคุณอาจารย์พระสุธีรัตนบัณฑิต, รศ.ดร. (สุทิตย์ อาภากโร ป.ธ.๗) ที่ท่านกำหนดเกณฑ์ประเมินว่า จะต้องมีการปฏิบัติธรรม จะต้องมีจำนวนคนเท่านั้นเท่านี้ หรือว่าจะมีการถือศีลปฏิบัติธรรมก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ว่าในสิ่งที่เจ้าคุณอาจารย์ว่ามานั้นไม่ชัดเจน เพราะว่าระเบียบบังคับของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด ซึ่งกำหนดมาโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่านมติมหาเถรสมาคมนั้น ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องมีการจัดปฏิบัติธรรมอย่างน้อยปีละ ๖ ครั้ง แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันอีกว่า แล้วถ้าบังคับว่าต้องจัดอย่างน้อยปีละ ๖ ครั้ง จะเอาจำนวนคนเป็นประมาณในการให้คะแนนหรือไม่ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2023 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ท่านเจ้าคุณประไพ ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ปัจจุบันก็คือพระสุพรรณวชิรภรณ์ , ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี บอกว่า "จะใช้เกณฑ์บุคคลไม่ได้ เพราะว่าถ้าวัดดอนเจดีย์จัดปฏิบัติธรรม อย่างไรก็สู้วัดท่าขนุนไม่ได้อยู่แล้ว" แล้วพรรคพวกอีกท่านหนึ่งก็คือท่านเจ้าคุณชรัช - พระสิริจริยาลังการ, ดร. (ชรัช อุชุจาโร ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะภาค ๑๘ ก็ยกมือเห็นด้วย เพราะว่าการจัดปฏิบัติธรรมที่ภาคใต้ ๓ จังหวัด ท่านบอกว่า "ถ้ามาได้ ๓ คน ๕ คนก็เก่งมากแล้ว" ถ้าอยู่ในจำนวนนี้ ไม่มีทางที่จะผ่านเกณฑ์ประเมินได้
จึงต้องตกลงกันที่ว่าเกณฑ์ประเมินสำนักปฏิบัติธรรมนั้น ให้นับจำนวนครั้ง ไม่นับจำนวนคน ก็คือต่อให้จัดครั้งหนึ่ง มี ๓ คน ๕ คน เราก็ต้องนับว่าเป็นครั้งหนึ่ง สามารถที่จะรับคะแนนไปเท่ากับวัดที่จัดแล้วมี ๓๐๐ คน ๕๐๐ คนเช่นกัน ดังนั้น..ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เวลาประชุม ถ้าหากว่าท่านรู้จริงในเรื่องนั้น..ต้องพูด เพราะว่าเวลาประชุมไม่มีผู้ใหญ่ไม่มีเด็ก ทุกเสียง ๑ คะแนนเท่ากัน เพียงแต่ว่าหลังการประชุมเสร็จแล้ว เราต้องมีการขอขมากัน ที่ได้ใช้วาจาล่วงเกินหรือรุนแรงไปบ้างในระหว่างการประชุม แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเป็นตัวแทนเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม ขึ้นไปแสดงความเห็นในการประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ว่าปัจจุบันนี้สำนักปฏิบัติธรรมของเราหลงประเด็นไปไกลใหญ่โตแล้ว แม้กระทั่งเจ้าคณะปกครองทั้งหมดก็หลงประเด็นไปไกล เอาเจ้าคณะปกครองก่อน ก็คือเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่รักการสงบ รักการปฏิบัติธรรม แต่ท่านไปลากเขาออกมาทำงาน นั่นใช่หรือไม่ ? ถ้าจะให้ทำงานต้องไม่ใช่ตัวเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม แต่อาจจะเป็นเลขานุการหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ท่านมอบหมายให้ โดยที่ท่านเป็นฝ่ายกุมนโยบายอยู่ห่าง ๆ ก็พอ ประการที่สอง เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายเอาใจญาติโยมจนเกินไป ต้องมีการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ติดเครื่องปรับอากาศทั้งหลัง ต้องมีห้องพักหรู ๆ ระดับโรงแรม ๔ ดาว ๕ ดาว พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราสันโดษ รู้จักพอเพียง ไม่ใช่ไปเต้นตามชาวบ้าน ถ้าหากว่าเราไม่เข้าใจคำว่าทุกข์ เราไม่มีทางที่จะเข้าถึงธรรมได้ แล้วเราก็ไปสร้างสุขเสียจนกระทั่งไม่รู้ว่าทุกข์เป็นอย่างไร แล้วการปฏิบัติธรรมจะมีผลได้อย่างไร ? เมื่อฟาดเสียเต็มที่แล้วลงจากเวทีมา กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปกราบขอขมาพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ "ขออภัยครับ อาจจะพูดแรงไปหน่อย" ท่านบอกว่า "มึงรู้จริงก็พูดไป แต่อย่าให้กระทบเจ้านายมากนัก" ซึ่งเรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นความใจกว้างของท่าน แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ถ้าในที่ประชุมทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียง มีสิทธิ์ตั้งคำถามในเรื่องที่สงสัย ถ้ายังไม่หายสงสัยจะหยุดไม่ได้ ต้องถามจนกว่าจะหายสงสัย ไม่อย่างนั้นเรื่องก็จะไม่จบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2023 เมื่อ 02:19 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
แบบเมื่อค่ำวานนี้ตอนท้ายของการประชุม ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปวรเมธี, รศ.ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี) ประธานคณะกรรมการดำเนินงานส่วนกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ท่านจี้ถามกรรมการทั้ง ๑๕ รูปทีละคน
เมื่อมาถึงกระผม/อาตมภาพ ท่านถามว่า "มีปัญหาอะไรไหม ?" จึงกราบเรียนท่านไปว่า "ในฐานะมือใหม่หัดขับ เพราะว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานในปีนี้ เรื่องกินไม่สงสัย เพราะว่าเป็นคนกินง่าย ส่วนใหญ่ก็ข้าวกล่องจากร้านในสถานบริการน้ำมัน แต่เรื่องนอน พวกผมจะนอนกันอย่างไร ?" เท่านั้นเอง..เรื่องก็ไปใหญ่โตอีกเป็นชั่วโมง..! ท้ายที่สุดก็มีเจ้าภาพมา ๓ ราย ก็คือทางวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ศูนย์ปฏิบัติธรรม ธรรมมงคลนานาชาติ จังหวัดสระบุรี แล้วก็ทางวัดของหลวงพ่อตี๋ (พระครูกิตติวิริยาภรณ์ ) วัดราษฎร์ประคองธรรม จังหวัดนนทบุรี ซึ่งก็คือเป็นเจ้าภาพในวาระที่อยู่ในพื้นที่ของตนเอง อีก ๒๐ แห่งเราค่อย ๆ ปรึกษากันไป ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านไม่สงสัยขึ้นมา ถึงเวลาแล้วก็จะติดขัดมาก จะไปนอนกันที่ไหน ? อย่างน้อย ๆ กรรมการส่วนกลางก็ ๑๕ รูปเข้าไปแล้ว ๑๕ รูปก็ต้องมีคนขับรถอีก ๑๕ คน แล้วถ้ามีอนุกรรมการตามไปอีกคณะหนึ่ง ก็ไม่หนีอีก ๒๐ รูป รวมแล้วก็ ๓๐ - ๔๐ รูป เหมารีสอร์ตทั้งทีก็หมดทั้งรีสอร์ต แล้วใครจ่าย ? วันนี้พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. ในฐานะประธานอำนวยการกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็บอกอย่างชัดเจนแล้ว "พวกเอ็งอย่าหวังว่าจะได้เงิน นอกจากจ่าย..! เพราะว่างบประมาณที่ทางราชการให้วัดละ ๙๐,๐๐๐ บาท เขามอบให้วัดที่เป็นผู้จัดรับการตรวจประเมิน แค่เอกสาร สมมติว่าทำเล่มรายงาน ๑๐๐ เล่ม เงิน ๙๐,๐๐๐ บาท ก็หายไปตั้งครึ่งตั้งค่อนแล้ว แล้วเขาจะเอาอะไรมาเลี้ยงพวกแกอีก ? ถ้าหากว่าจะขอมาเป็นค่ารถตัวเอง เป็นอันว่าจบ..จงเสียสละกันต่อไป..!" สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2023 เมื่อ 02:23 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|