กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2023, 18:22
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,599
ได้ให้อนุโมทนา: 219,376
ได้รับอนุโมทนา 766,675 ครั้ง ใน 37,529 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-06-2023, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพวิ่งไปถึงวัดสามพระยาวรวิหาร ก่อนเวลา ๖ โมงเช้า เพื่อไปร่วมทำวัตรกับผู้เข้ารับการอบรมเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๖ ซึ่งพระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธิดิลก (ละเอียด กิตฺติสุขุโม ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร เป็นผู้นำในการทำวัตรทุกวัน

หลังจากนั้นก็ได้ไปฉันเช้าร่วมกับพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เจ้าคณะภาค ๙ หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกท่านด้วยความเคารพว่าหลวงปู่สมเกียรติ แล้วก็ไปเดินให้กำลังใจบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์จากคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งตอนอบรมอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มี ๒๐ รูปด้วยกัน แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว เหลือรอดมาเพียง ๑๗ รูปเท่านั้น..!

ที่นึกไม่ถึงก็คือ ได้เจอท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนกระผม/อาตมภาพมา ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่หน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แล้วก็ได้เจอหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดช (พระราชพัชรมานิต วิ.) วัดบุญญาวาส จังหวัดชลบุรี ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดช ท่านได้ "พาสชั้น" จากเจ้าอาวาสขึ้นไปเป็นเจ้าคุณชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระเลย

ด้วยความที่ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารมาด้วยกัน ท่านจึงทักทายก่อน นึกว่ากระผม/อาตมภาพเป็นผู้อบรมรุ่นนี้เหมือนกัน แต่ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพกลายเป็นมาส่งรุ่นน้องเข้าอบรม ยังหัวเราะกันอยู่ว่า ไม่น่าที่จะต้องมาอบรมเลย เนื่องเพราะว่าท่านเป็นพระนักปฏิบัติ ไปไหนไม่ค่อยจะเป็น แต่ว่าท่านเองท่านก็พยายามที่จะศึกษาเรียนรู้

อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงพ่อช้าง วัดจุกเฌอ ซึ่งตอนนี้เลื่อนขึ้นเป็นรองเจ้าคณะอำเภอแปดริ้วแล้ว ท่านอยู่ในฐานานุกรมพระครูปลัดธรรมานุวัตร มาอบรมพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้เหมือนกัน ส่วนที่เหลือนั้น กระผม/อาตมภาพก็รับไหว้บ้าง ทักทายบ้าง ตามแต่ที่ท่านทั้งหลายจะจดจำกระผม/อาตมภาพได้

จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดชยังว่า "หลวงพ่อเล็กรู้จักคนที่นี่เยอะมากเลย" กระผม/อาตมภาพก็เรียนถวายหลวงพ่อเจ้าคุณท่านไปว่า "ส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นลูกศิษย์ที่เรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทั้งที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี และที่ส่วนกลาง" ในเมื่อเจริญเติบโตมาทางด้านสายการปกครอง ก็ต้องมาเป็นพระอุปัชฌาย์กันจนได้ จึงต้องรับไหว้กันไม่รู้จบในลักษณะอย่างนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เวลาแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ, ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม ก็เป็นประธานในการเปิดการอบรม และปฐมนิเทศ หลังจากนั้นแล้วพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณยังเมตตาบรรยายถวายความรู้แก่พระอุปัชฌาย์รุ่นนี้อีก ๑ ชั่วโมงเต็ม ๆ ทำให้กระผม/อาตมภาพรู้สึก "อิจฉามารศรี" เป็นที่ยิ่ง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการที่จะมีครูบาอาจารย์ระดับสมเด็จพระราชาคณะมาบรรยายถวายความรู้ให้นั้น เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง

แล้วกระผม/อาตมภาพก็ออกมาบริจาคปัจจัย ร่วมถวายภัตตาหารเลี้ยงพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้ ในนามขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งรุ่นนี้ควรที่จะเป็นรุ่นที่ ๕๘ แล้ว แต่เนื่องจากว่าติดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดอยู่ ๓ ปี ทำให้อบรมมาได้ถึงรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ ๕๖ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยังบริจาคในนามของพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. อีกส่วนหนึ่ง แล้วก็ไปนั่งรอพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งจะมาสมทบในภายหลัง เนื่องเพราะว่าต่างคนต่างก็ติดธุระกันทั้งสิ้น

เมื่อเสร็จสิ้นจากพิธีการรับถวายภัตตาหารพระราชทาน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ พระราชทานอาหารเลี้ยงผู้เข้ารับการอบรมพระอุปัชฌาย์ ต้องถือว่าพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๖ นี้เป็นรุ่นที่มีบุญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าเป็นรุ่นแรกที่ได้รับการถวายภัตตาหารพระราชทาน

เมื่อไปฉันเพลกันเรียบร้อยแล้ว พวกกระผม/อาตมภาพก็เข้าถวายสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์คืนมา แล้วพวกกระผม/อาตมภาพเห็นว่า วันนี้เป็นวาระที่เหมาะสม จึงนัดกันมาถวายสักการะ

คณะเพื่อนพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันที่มาก็มีท่านเจ้าคุณดำเนิน (พระปริยัติวโรปการ) เจ้าอาวาสวัดนาคกลางวรวิหาร

หลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง

ท่านอาจารย์พระมหาชิต ฐานชิโต ป.ธ. ๗ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเขียนเขตพระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอธัญบุรี

พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม

พระครูสิทธิวัฒนคุณ (พรพรหม ฐิตคุโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตตลิ่งชัน เจ้าอาวาสวัดกระจัง

พระมหาศรีสมหวัง ธมฺมธีโร ป.ธ. ๕ วัดลานนาบุญ
เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะ หลวงพ่อพระพรหมดิลกดีใจมาก บอกว่า "เฮ้ย..เล็ก คิดถึงแกมากเลย อยากจะไปพักแถววัดท่าขนุนแล้วก็อยากไปนั่งแพด้วย" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายว่า "หลวงพ่อพร้อมเมื่อไร ไปได้ทุกเวลาเลยครับ" ท่านเองยังหัวเราะ บอกว่า "ตอนนี้เป็นคนตกงาน พร้อมที่จะไปได้ทุกเวลา" เมื่อคุยกันจนหายคิดถึงแล้ว ก็ขออนุญาตท่านถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก จากนั้นขอตัวแยกย้ายกันไป

เรื่องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกนั้น ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างของนักปราชญ์ที่แท้จริง คำว่านักปราชญ์ที่แท้จริงในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะทางโลก ท่านเรียนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค และจบด็อกเตอร์จากประเทศอินเดีย ต้องบอกว่าเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมรูปแรก ที่จบปริญญาเอกและจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าเป็นมือแต่งฉันท์อันดับต้น ๆ ในประเทศไทย

ขณะเดียวกันในทางธรรม ท่านก็ปฏิบัติตามที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถระ ป.ธ. ๙) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร ได้สั่งสอนกรรมฐานเอาไว้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยานั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้คำชมเชยไว้เป็นอย่างสูง ยกให้เป็นพระทองคำในกรุง ขนาดที่คุยอะไรไว้ที่วัดท่าซุง เมื่อมาถึงท่านสามารถที่จะพูดออกมาได้ทั้งหมด..!

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก ท่านรับเอาความรู้ความสามารถส่วนหนึ่งจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มา จึงทำให้เวลาที่ท่านประสบ
กับการเสื่อมยศ ก็คือโดนถอดออกจากยศ แล้วซ้ำยังต้องไปติดคุกติดตารางอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อพวกกระผม/อาตมภาพเข้าไปเยี่ยม ท่านก็ยังสนุกสนานเฮฮาอยู่เหมือนเดิม บอกว่า "ข้าอยู่ข้างในนี้ปลอดภัยแล้ว พวกแกต่างหากที่อยู่ข้างนอก ระวังไว้เถอะ..จะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้..!?"

แล้วท่านเอง เมื่อพ้นจากคุกจากตารางมา ท่านก็อยู่แบบสงบเสงี่ยมเจียมตน ทำหน้าที่เป็นครูสอนเปรียญธรรม ๙ ประโยคต่อที่วัดสามพระยาวรวิหาร อยู่ในลักษณะของปูชนียบุคคล จนกระทั่งศาลตัดสินว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดใด ๆ มีคำสั่งให้คดีสิ้นสุดลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ จึงได้พระราชทานสมณศักดิ์พระพรหมดิลกคืนให้ โดยถือว่าไม่เคยมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-06-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงที่ท่านเสื่อมยศ กลายเป็นแค่พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙ ไม่มีตำแหน่งแห่งที่อะไรเลย ก็ไม่เห็นท่านจะรู้สึกรู้สาอะไร สามารถที่จะวางกำลังใจให้สงบร่มเย็นได้ตามปกติ ทำหน้าที่ของตนในฐานะศากยบุตรพุทธชิโนรสโดยไม่บกพร่อง เมื่อได้รับสมณศักดิ์คืนมาก็ไม่เห็นท่านจะดีใจอะไร แถมยังบอกว่าตอนนี้ไม่มีตำแหน่งสิดี สามารถที่จะไปไหนก็ไปได้

เรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างให้ทุกท่านได้เห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ นั้นเป็นโลกธรรม คือธรรมะที่อยู่คู่กับโลกมา ใครสามารถที่จะรับมือได้โดยที่ไม่หวั่นไหว ก็แปลว่าเป็นบุคคลที่ต้องเข้าถึงธรรมในระดับหนึ่ง คือ ต้องมีสติ สมาธิ และปัญญา เพียงพอที่จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของนอกกาย มาได้ก็ไปได้ ตามหลักอนิจจังขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถทำกำลังใจแบบนี้ได้ กำลังใจของท่านก็จะมีความสุข นอกจากสภาพร่างกายที่มีสภาวะทุกข์ตามปกติแล้ว ก็ไม่ต้องไปแบกความเครียดอะไรทั้งสิ้น

โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกนั้น กระผม/อาตมภาพรู้จักคุ้นเคยท่านมาตั้งแต่ยังเป็นพระศรีปริยัติบดี เป็นพระราชปริยัติบดี เป็นพระเทพสุธี เป็นพระธรรมคุณาภรณ์ จนกระทั่งเป็นพระพรหมดิลก ก็ไม่เห็นว่าความประพฤติปฏิบัติของท่านจะมีอะไรแตกต่างกันจากก่อนหน้านี้เลย ยังคงให้ความเมตตาอย่างสม่ำเสมอ มีสิ่งหนึ่งประการใดท่านก็เมตตาแนะนำสั่งสอน

โดยเฉพาะวันนี้ ท่านบอกว่า "พวกแกรักกัน จับกลุ่มกันเหนียวแน่นแบบนี้เป็นการดีแล้ว ถึงเวลาจะทำอะไรจะได้มีกำลังมากพอ โดยเฉพาะการช่วยเหลืองานพระพุทธศาสนา"

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงขอถวายไว้เป็นอุทาหรณ์แก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายให้ทราบแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว