กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 22-04-2011, 13:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาสวดมนต์เสียงดัง เสียงเบา เสียงค่อย เอาไว้ทำอะไรครับ ? นี่เป็นความรู้ที่ผมเพิ่งรู้มาไม่นานนี้เอง
ตอบ : เพื่อสงเคราะห์สรรพสัตว์ตามสากลจักรวาลต่าง ๆ ถ้าเราส่งไปไกลเท่าไร คุณประโยชน์ก็มากเท่านั้น ที่พระพุทธเจ้าทรงไปโปรดนั้น มีถึง "แสนโลกธาตุ"

พวกเราไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ดาวหลาย ๆ ดวงได้ก็พอแล้ว ที่ไหนก็ตามที่มีมนุษย์และสัตว์ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์อยู่ ขอให้เขายินดีและโมทนาในส่วนบุญที่เราได้ทำในครั้งนี้ เราได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย และตั้งใจสวดมนต์เป็นพุทธบูชาไป หวังว่าเขาจะได้รับประโยชน์ในส่วนที่เราได้รับนั้น

ถาม : เวลาเรานึกในใจให้เสียงดัง ญาณของเราที่จะไปรู้ข้างนอกว่าบางคนเขารับได้ บางคนรับไม่ได้ ตัวนี้ให้เราปล่อยวางไปเลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ปล่อยเลย ทำหน้าที่ของเราคือสวดมนต์ไปอย่างเดียว ถ้าเราทำหลายอย่างกำลังจะลดลง เพราะว่าต้องแบ่งออกไปทำงานหลายอย่าง

ถาม : มีข้อแนะนำไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี ทำต่อไปเถอะ เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งทำจะยิ่งรู้ แต่อย่าไปยึดมั่นในสิ่งที่รู้ ให้ระวังอยู่เสมอว่า สิ่งที่เรารู้นั้นช่วยในการตัดกิเลสหรือเปล่า ? ถ้าไม่ได้ช่วยในการตัดกิเลส รู้แล้วก็วางไว้ตรงนั้นแหละ เอาเรื่องที่สามารถตัดกิเลสได้ ไม่อย่างนั้นแล้วจะพาเรารู้กว้างออกไปเรื่อย ๆ แต่หาจุดหมายไม่เจอ

พอญาณเครื่องรู้เกิด จะรู้ทุกเรื่องแหละ คิดอะไรเข้าใจแจ่มแจ้งตลอด แต่ให้ระวังว่า สิ่งที่รู้นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยในการตัดกิเลสไหม ? ถ้าไม่ใช่ก็ต้องวาง

ถาม : คนที่ไปยอมรับ ไปรับรองความรู้ก็ไม่ใช่ตัวเรา น่าอัศจรรย์ตรงนี้ครับ พอรู้บ่อย ๆ กลายเป็นโลกทั้งนั้นที่รับทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ว่าข้างในไม่รับ เรารู้ เข้าใจ แต่ไม่เข้าไปข้องแวะอะไรเลย
ตอบ : ทำอย่างไรที่จะรักษาสภาพจิตให้ผ่องใสไม่ให้ข้องแวะกับสิ่งต่าง ๆ ได้ ก็คือการที่เราอยู่ในโลกแต่เราก็ไม่ติดกับโลก

ถาม : เป็นความบริสุทธิ์ที่อยู่คู่กับความสกปรกได้ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า ดอกบัวเกิดในโคลนตม ชูช่อขึ้นเหนือน้ำขึ้นมา แต่ดอกบัวก็ไม่ได้แปดเปื้อนโคลนตมนั้น เปรียบกับสภาพจิตของเราที่เริ่มผ่องใส พ้นจากความสกปรกได้ แต่ก็อาศัยพื้นฐานจากความสกปรกขึ้นมา

พอมีคนที่ทำถึงมาคุยด้วย ค่อยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกเฉา..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 22-04-2011, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมทางด้านอีสานนั้น มีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ดูอย่างที่สำนักสงฆ์ศรีชัยผาผึ้ง วัดไกลจากทางเข้า ๘ - ๙ กิโลเมตร ญาติโยมเขายังเดินไปใส่บาตรกันทุกวัน เขาจะเดินตั้งแต่เช้า กว่าจะไปถึงก็ ๙ โมงครึ่ง

ถึงได้บอกว่ากำลังใจของญาติโยมทางอีสาน ในเรื่องของบุญเขามหาศาลมาก เรื่องบุญเรื่องกุศลพร้อมทุ่มเทให้ ถึงแม้ปัจจัยจะมีน้อยก็ตาม ถ้าต้องการแรงงานเท่าไรเท่ากัน ไปช่วยกันยกหมู่บ้าน เห็นศรัทธาเขาแล้วชื่นใจ

ตอนนั้นไปอยู่ที่หนึ่ง อยู่กลางทุ่ง คุณเอ (ประพันธ์ สุรประภา) เขาพาไป เวลาลมพัดมาอย่างกับอยู่ข้างกองไฟ ร้อนวาบขนาดนั้นเขาก็อยู่กันได้ แต่เราไม่เคยชิน น้ำกินขุ่นขนาดต้องกรองแล้วกรองอีก เขาก็ยังอุตส่าห์อยู่กันได้

ไปสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมให้เขาองค์หนึ่ง โยมแห่กันมาบวชชีพราหมณ์ฉลองกันยกหมู่บ้าน เขาถามว่า "ฉันอาหารอย่างนี้ได้ไหม ?" อาตมาบอกว่า "อะไรที่มนุษย์กินลง ยกมาได้เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 22-04-2011, 13:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "รุ่นครูบาอาจารย์ก็มีแต่ล่วงลับไป แต่รุ่นของพวกเราก็โตไม่ทัน เหมือนกับขาดช่วงลง ญาติโยมขาดที่พึ่ง อย่างพระที่วัดท่าขนุนจะเอาเป็นชิ้นเป็นอันได้ก็ยังน้อย คนไหนพอเป็นหลักได้ เขาก็มาขอไปเป็นเจ้าอาวาสหมด พอเริ่มเป็นเจ้าอาวาสทีนี้ก็บรรลัยแล้ว เวลาที่จะปฏิบัติไม่มีแล้ว งานหลวงงานราษฎร์เทเข้ามา เวลาที่จะปฏิบัติเฉพาะตัวก็น้อยลง

สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้เตือนว่า "พวกแกที่ยังไม่มีงานประจำ ให้เร่งสร้างกำลังใจให้มากเข้าไว้ พอถึงเวลาจำเป็นต้องมีงานประจำแล้ว จะได้มีกำลังไปสู้งานได้" ไม่อย่างนั้นรัก โลภ โกรธ หลง เต็มหัวอยู่ พอไปทำงานแล้วเดี๋ยวตีกันแหลก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2011 เมื่อ 14:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 22-04-2011, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...การสร้างวัดเล็ก ๆ น่าจะเป็นส่วนสถาปัตย์แบบที่เขาชอบ ?
ตอบ : ก็น่าจะมีส่วนของสถาปัตย์ แต่ขณะเดียวกัน ความนิยมของชาวบ้านเขาด้วย พระที่ท่านสร้างวัดเล็ก ๆ จริง ๆ แล้วท่านมีศิลปะในการดำรงชีพเลยนะ เพราะว่าตนเองต้องมักน้อยสันโดษ แนะนำชาวบ้านเขาให้พออยู่พอกิน ครั้นไปสร้างวัดมหึมาเท่ากับว่าทำค้านกับสิ่งที่ตัวเองทำ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สรรเสริญเวลาที่จะต้องสร้างอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ

ตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้น คนไหลไปอยู่กับงานมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาไปอยู่กับวัด สิ่งที่เคยสร้างเคยทำให้ ก็ต้องมอบปัจจัยให้พระไปสร้างไปทำกันเอง บทบาทของการที่ญาติโยมจะสร้างวัด ซ่อมวัด ก็เลยเป็นพระต้องสร้างเองซ่อมเองมาจนถึงปัจจุบันนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2011 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 22-04-2011, 16:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่มีโทสะมาก ๆ เราจะต้องแก้อย่างไรครับ ? อยู่ใกล้แล้วไฟพลอยติดเราไปด้วย
ตอบ : เราเดือดร้อนไปด้วย..ใช่ไหม ?

ถาม : ไฟติดลามมาถึงครับ
ตอบ : ถ้าเขาเป็นนักปฏิบัติยังพอช่วยได้ เราก็แนะนำการปฏิบัติให้กับเขา อย่างเช่น แก้ด้วยพรหมวิหาร ๔ หรือแก้ด้วยวรรณกสิณ ๔ แต่ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัตินี่ยุ่งเลย มีทางเดียวก็คือไปห่าง ๆ..!

ถาม : ไปห่าง ๆ ?
ตอบ : อย่าไปอยู่ใกล้เขา

ถาม : บางทีผมไม่มีสิทธิ์
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นเราก็ใส่เกราะเลย ตั้งกำลังใจให้สูงสุดเข้าไว้ อย่างน้อย ๆ เราจะได้ไม่หลุด แต่ตอนหลังพอมานั่งกรรมฐานแล้วจะเสีย จะฟุ้งไปนึกถึงตอนนั้นแล้วมาโกรธเอาทีหลัง แต่ว่าก็ยังดี เราไม่ได้โกรธตรงนั้น ยังรักษาตัวรักษาใจเอาไว้ได้

เรื่องของโทสะนั้นมีโทษมหาศาล ความโกรธทำให้เครียดมาก แก่เร็ว คนขี้โกรธ คนมักโกรธ หมอเขาทำวิจัยพบว่ามีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนทั่วไปเป็นสิบ ๆ เท่า..!

ถาม : พวกซึมเศร้าใช่โกรธไหม ?
ตอบ : เป็นส่วนหนึ่งของโทสะ แต่เป็นส่วนของโทสะที่ไปในทางน้อยใจคนอื่น ก็คือไม่พอใจ ไม่พอใจก็คือส่วนหนึ่งของโทสะ ถ้าพอใจเป็นส่วนของราคะ เมื่อไม่พอใจก็ไปนั่งซึมอยู่คนเดียว ท้ายสุดก็ไม่พอใจตัวเอง น้อยใจตัวเอง

วันนี้มีดาราท่านหนึ่งอุ้มลูกมา คนเคยเป็นดาราเป็นนางแบบแล้วต้องมานั่งเลี้ยงลูก เขาอาจจะคิดว่า เราไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย ถ้าเขาคิดมาก ๆ เดี๋ยวก็ซึมเศร้า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 22-04-2011, 16:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพิจารณาวิปัสสนาในการดูรูปนาม อย่าง "ฆนะ" ที่เขาทำกันอยู่... ?
ตอบ : ดูตามนั้นได้ แต่ขณะเดียวกัน เราจะต้องมีสำนึกอยู่เสมอว่า รู้ขนาดไหนก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องรู้อยู่เสมอว่า รูปนามนี้สักแต่เป็นฆนะ (ก้อน,แท่ง ) ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถ้าความรู้สึกตรงนี้ยังไม่เกิด ก็สักแต่ว่าเห็น ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่ถ้าเห็นแล้วมั่นใจว่าไม่ใช่เราจริง ๆ ก็จะถอนจิตออกมาจากตรงที่เรายึดในรูปนามได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 22-04-2011, 17:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงแผ่นดินไหว มีใครรู้บ้างว่า แผ่นดินไหวเพราะสาเหตุอะไร ?

พระพุทธเจ้าท่านตรัสถึงเรื่องแผ่นดินไหวเอาไว้ อยู่ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย สุตตันตปิฎก พญามารมาอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปรินิพพานได้แล้ว เพราะว่าครั้งแรกที่เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พญามารก็ออกมาขวางหน้า บอกว่าอีก ๗ วัน สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิราชจะมาถึงท่านแล้ว จะออกบวชไปทำอะไร ?

เจ้าชายสิทธัตถะตรัสว่า เพื่อความพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย อย่าว่าแต่สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิเลย ต่อให้เป็นทิพยสมบัติขององค์อมรินทร์ ท่านก็ไม่พึงปรารถนา พญามารเห็นว่าห้ามไม่ได้ก็หลีกไป

พอวันที่พระองค์จะตรัสรู้ พญามารยกพหลพลโยธามาอย่างกับฟ้าจะถล่มดินจะทลาย จะขู่ให้พระองค์เลิกปฏิบัติ ก็ไม่สำเร็จอีก พอพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พญามารก็มาทูลอาราธนาให้เข้าพระนิพพาน "ในเมื่อท่านตรัสรู้ตามที่ประสงค์แล้ว ก็ควรจะปรินิพพานได้"

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยถามพญามารว่า ทำไมตอนนั้นถึงตั้งใจไปขวางพระพุทธเจ้าขนาดนั้น ? พญามารในตอนนี้ไม่ใช่พญามารแล้ว ท่านบอกว่า ตอนนั้นกลัวเพราะว่ารู้ว่าเพื่อนกัน ก็คือ เจ้าชายสิทธัตถะมีความมุ่งมั่นมาก เมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว เดี๋ยวจะเทศน์โปรดคนไปหมด ไม่เหลือบริวารไว้ให้ตัวท่านเองบ้าง แล้วท่านสรุปว่าตอนนั้นคิดโง่ไปหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 22-04-2011, 17:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ปาปิมะ ดูก่อน..มารผู้เป็นบาป เธอจงอย่าขวนขวายเลย ถ้าหากตถาคตประกาศศาสนาแล้ว บริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา สามารถปฏิบัติธรรมได้คล่องแคล่วชำนาญ สามารถแก้ไขปรัปวาท คือคำที่บุคคลกล่าวตู่พระพุทธศาสนาได้ มีความเชี่ยวชาญทั้งปริยัติและปฏิบัติ ตถาคตย่อมเข้าสู่พระนิพพานเอง"

นี่พระพุทธองค์ท่านตั้งความหวังไว้ขนาดนั้น ไหวไหม ? ถึงขนาดว่าถ้าคนอื่นกล่าวตู่พระพุทธศาสนา เราจะต้องแก้ต่างได้ทุกข้อหา ไม่อย่างนั้นก็เสร็จเขาแน่

พอมาพรรษาสุดท้าย พญามารถึงได้มาทูลอาราธนา พระพุทธเจ้าทรงทราบไว้ก่อนแล้ว พยายามแสดงนิมิตโอภาสถึง ๑๖ ครั้งต่อพระอานนท์ โดยทรงเปรียบเทียบไปต่าง ๆ นานา อย่างเช่นว่า "อานันทะ ดูก่อน..อานนท์ สมมติว่ามีเกวียนอยู่เล่มหนึ่ง เก่าคร่ำคร่าเต็มทีแล้ว ดุมก็ใกล้จะหัก ไม้ก็ผุ ตัวเกวียนก็คลอนแคลน แทบไม่สามารถที่จะใช้งานไหวแล้ว ควรจะซ่อมดีหรือควรจะเปลี่ยนเกวียนใหม่ดี ?"

ต้องบอกว่าด้วยกรรมบันดาล ทำให้พระอานนท์ทูลตอบว่า ควรที่จะเปลี่ยนเกวียนใหม่ดีกว่า เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว พระพุทธเจ้าจึงรับอาราธนาพญามารว่า ถัดจากนี้ไปอีก ๓ เดือน เราจะปรินิพพานที่สาลวโนทยาน แห่งเมืองกุสินารา

ทันทีที่พระพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขารว่าอีก ๓ เดือนจะปรินิพพาน ก็เกิดแผ่นดินไหว พระอานนท์ท่านมีความดีว่า ถ้าสงสัยท่านจะถาม อยู่ ๆ แผ่นดินไหวโครมครืนขึ้นมาเฉย ๆ ก็เข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า แผ่นดินไหวด้วยเหตุใด ?

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวมีทั้งหมด ๘ ประการ ประการหนึ่งได้กล่าวว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปลงอายุสังขารถึงได้เกิดแผ่นดินไหว พอพระอานนท์ได้ยินอย่างนั้นก็เฉลียวใจวูบเลย รีบกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ถ้าอย่างนั้นขออาราธนาให้อยู่ตลอดกัปเถิด พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ทันแล้ว เพราะเราได้รับอาราธนาจากพญามารไว้แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 22-04-2011, 17:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกปฐมฤกษ์บ้านวิริยบารมี (เดือนเมษายน ๒๕๕๔) หมดแล้วค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2011 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว