|
ล่องแก่งมหาภัย การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
![]()
หมอกลงขาวมัวไปทั้งวัด อาตมาสรงน้ำครองผ้าเสร็จ ท่านสุโภคะถึงได้ลุกขึ้นตีเกราะ นอกจากปลุกพระเณรเพื่อทำวัตรเช้าแล้ว ยังเป็นการปลุกชาวบ้านไปด้วย ถึงไม่ตื่นเพราะเสียงเกราะ ก็ต้องตื่นเพราะเสียงทำวัตรเช้าอยู่ดี เนื่องจากครูบาน้อยแกหันลำโพงเข้าไปทางหมู่บ้านเลย..!
ชาวบ้านที่เป็นเวรส่งอาหารพระ ทยอยกันนำอาหารมาส่งที่วัด ที่นี่เขาจัดเวรเลี้ยงพระหมุนเวียนทั้งหมู่บ้าน วันละสิบห้าครอบครัว ทุกคนกลัวอาตมาฉันอาหารของเขาไม่ได้ เป็นเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนว่า อาหารอะไรที่มนุษย์กลืนลงไปได้ อาตมาฉันทั้งนั้น... งานฉลองปราสาทกฐินในหมู่บ้านหนองบัว ชอบใจกล้วยของบ้านนี้เขา ขนาดเท่ากับกล้วยไข่ เปลือกคล้ายกล้วยน้ำว้า แต่รสชาติออกไปทางกล้วยหอม ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่ากล้วยอะไร อาตมาเรียกเองว่ากล้วยหอมน้ำว้าไข่...! เดินตามเสียงฉลองปราสาทกฐินเข้าไปในหมู่บ้าน ครูบาน้อยบรรยายให้ฟังว่าบ้านใครเป็นใคร รู้สึกว่าทั้งหมู่บ้านจะเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกันหมด มาถึงลานกว้างกลางหมู่บ้าน มีต้นจามจุรีใหญ่ร่มครึ้ม ปราสาทกฐินของชาวบ้านที่ประดับด้วยธนบัตรสารพัดราคา ตั้งเด่นอยู่หลายต้น...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2010 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
![]()
ชาวบ้านหลายคนมาสนทนาด้วย บอกว่าปีนี้ลูกหลานกลับจากการทำงานในไทยมากหน่อย จึงมีผู้จองปราสาทกฐินหลายต้น ตัวพวกเขาเองถ้าอยู่เฉพาะที่นี่ ทำมาหากินได้เท่าไรต้องแบ่งให้ศึกให้เสือให้นาย จนแทบไม่พอกินครบปี จะให้ช่วยบำรุงวัดวาให้สวยงามเหมือนบ้านอื่นจึงเป็นไปไม่ได้...
สรุปคือยกภาระการบูรณะวัดหนองบัวให้แก่อาตมานั่นเอง ครูบาน้อยชี้ให้ดูต้นจามจุรีใหญ่ มีรอยฉีกของเปลือกแตกกระจายจากโคนถึงยอด บอกว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ร้อยวันพันปีจะเกิดขึ้นสักที เรียกว่าดินผ่าฟ้า หรือชาวบ้านเขาเรียกกันว่าอสูรยิงเทวดา ปรากฏการณ์ดินผ่าฟ้า หรืออสูรยิงเทวดา ปรกติแล้วปรากฏการณ์ฟ้าผ่า เป็นเพราะอีเล็กตรอนในบรรยากาศรวมตัวกันมากพอ ก็จะวิ่งลงมาหาโปรตอนที่พื้นดิน แต่นี่เป็นตรงกันข้าม คือโปรตอนรวมตัวกันมากเข้า กลับเป็นฝ่ายวิ่งขึ้นไปหาอีเล็กตรอนบนฟ้า ส่วนมากจะเกิดขึ้นในทะเล นี่เป็นครั้งแรกที่อาตมาได้พบว่าเกิดขึ้นบนบก... หนุ่มใหญ่ผิวคล้ำนายหนึ่งทักทายท่านนาวินอย่างสนิทสนม ซ้ำเคารพนบไหว้อาตมาเป็นอย่างดี ครูบาน้อยแนะนำว่าแกชื่อ “ปะไล” เป็นลูกเขยของป้าของท่านนาวินเอง เท่ากับว่าเป็นพี่เขยของครูบาน้อย นายปะไลคนนี้เขาระลึกชาติได้...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2010 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
![]()
ชาติก่อนแกเกิดอยู่บ้านป่าหวาย ซึ่งอยู่ไปทางท้ายบ้านหนองบัวนี่เอง รักใคร่ชอบพอกับป้าของครูบาน้อย แต่ป้าแกไม่เล่นด้วย ฝ่ายนี้ถือคติตื๊อเท่านั้นจึงจะครองโลก ตามเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น คุณป้าทีเด็ดแก้ปัญหาได้เฉียบขาดมาก นัดให้ไปพบกันในป่า ให้แฟนใหม่ฆ่าหมกป่าไปเลย..!
คิดว่าสาวให้ท่า กลับหลอกไปฆ่าซะนี่ นายปะไลคงนอนตายตาไม่หลับ จึงมาเกิดใหม่อยู่บ้านหนองบัว ระลึกชาติได้แต่คราวนี้ฉลาดขึ้น ไม่เอะอะให้ใครรู้ รอจนลูกสาวของป้า (พี่สาวท่านนาวิน) โตเป็นสาวก็ส่งผู้ใหญ่ไปขอ ตกแต่งอยู่กินกันเรียบร้อยแล้ว ลูกเขยทีเด็ดจึงไปหาแม่ยายอดีตคนรัก ถามว่าจำแกได้ไหม..? พระเจดีย์วัดหนองบัว สูงตั้ง ๙ ฟุต..! ไม่ถูกแม่ยายถีบเอานับว่าบุญหัว แม่ยายที่ไหนวะจำลูกเขยตัวเองไม่ได้ ปะไลจึงต้องทวนความเดิมให้ฟัง เล่นเอาแม่ยายเกือบลมจับ เรื่องนี้เป็นความลับที่รู้กันแค่สองคนผัวเมีย ถ้าไม่ใช่เพราะระลึกชาติได้จริง ๆ ไม่มีทางที่จะมีใครมารู้เห็นได้เลย..! ปะไลยิ้มฟันขาว เมื่อครูบาน้อยเปิดพุงแกให้อาตมาดู รอยแผลเป็นจากการถูกมีดแทงของชาติที่แล้ว ยังปรากฏเป็นหลักฐานชัดเจน หนุ่มใหญ่บอกว่าได้เปิดเผยเรื่องราวกับคนรักเก่าก็สะใจพอแล้ว เพราะได้ลูกสาวมาย่อมดีกว่าแม่แน่นอน จึงไม่คิดไม่แค้นอะไรอีก...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 02:25 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
![]()
เท่านี้ยังไม่พอ นายคนนี้แกยังมีความสามารถคุยกับผีคุยกับเทวดาได้เป็นปกติ ตอนแรกแกหัดนั่งภาวนา เห็นพระบ้าง เห็นฤๅษีบ้าง มาหาแต่ไม่สามารถติดต่อพูดคุยได้ มาถามวิธีการจากครูบาน้อย คราวนี้คล่องตัวขนาดพระเจ้าองค์ไหนดีไม่ดีแกรู้หมด ใครแอบทำอะไรที่ไหนก็รู้..! แต่มันทำให้แกนิสัยไม่ดี เพราะดันเลือกไหว้พระสงฆ์เป็นบางรูปเท่านั้น...
คนที่มีความสามารถพิเศษมักมีทางเลือกอยู่สองทาง ถึงไม่เลือกมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นคือ คนเชื่อถือว่าศักดิ์สิทธิ์แห่กันไปหา จนไม่ได้พักผ่อนนอนหลับกันละ อีกอย่างคือ คนเขาไม่เชื่อและหาว่าบ้า นายปะไลแกเจออย่างหลังเข้า จึงถูกชาวบ้านเรียกว่า ผีบ้า ฮะ..ฮะ..ฮ่า..! โบสถ์วัดหนองบัว หลังไม่พอให้แมวดิ้นตาย..! แยกทางกันตรงกลางหมู่บ้าน อาตมาทั้งสองกลับวัด ครูบาน้อยจัดการซ่อมเครื่องตัดหญ้า อยู่เมืองพม่าข้าวของทุกอย่างถ้าไม่ใช่หายาก ก็แพงขนาดหนัก ดังนั้นเก่งหรือไม่เก่งก็จำต้องซ่อมข้าวของเครื่องใช้เป็น นี่พระคุณท่านเล่นแกะสองเครื่องมายุบรวมเป็นของดีเครื่องเดียว บริษัทญี่ปุ่นน่าจะส่งคนมาดูงานที่นี่ จะได้เก่งแบบนี้บ้าง... เห็นทุกอย่างไม่ว่าเครื่องเสียง เครื่องตัดหญ้า ล้วนแต่เก่าแก่รุ่นคุณปู่แก้ผ้าวิ่งทั้งนั้น อาตมาบอกกับครูบาน้อยว่า คราวหน้าไปหาที่เกาะพระฤๅษี อาตมาจะถวายเครื่องเสียงยี่ห้อมาร้านซ์ กับเครื่องตัดหญ้าของมิตซูบิชิให้ จะได้ไม่ต้องมาใช้ทีซ่อมทีแบบนี้ เห็นแล้วเหนื่อยแทนว่ะ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 02:27 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
![]()
มีเสียงเอะอะกันอยู่ที่ท่าน้ำ สักครู่มีโยมวิ่งมาตามครูบาน้อยลงไปดู เห็นท่านสุโภคะกำลังปั๊มหัวใจหนุ่มน้อยคนหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ บอกว่านายนี่สลบอยู่ตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครรู้ มาเอะใจตรงที่เรียกแล้วแกยังนั่งคอพับคออ่อนอยู่ พอจับตัวเข้าก็รูดลงไปกองกับพื้นเลย..!
อาตมาจับชีพจรดูเห็นเต้นเป็นปกติดี ครูบาน้อยบอกว่าให้หามไปไว้ที่บ้านก่อน หลังเพลจะตามไปช่วย อาตมาให้สงสัยเป็นกำลัง ช่วยคนแทนที่จะรีบช่วยตอนนี้ ดันไปรอจนหลังเพล แบบนั้นคงจะได้ช่วยบังสุกุลกระมังพ่อคุณ..? ครูบาน้อยหัวเราะเฉยเสีย อาตมาจึงต้องปล่อยตามสบายของท่าน... ศาลาหอพระหรือศาลาการเปรียญวัดหนองบัว ใหญ่แต่เก่าจนหมดสภาพ..! หลังเพลท่านนาวินเดินหาหญ้าขัดมอญ บอกว่าต้องเอาชนิดใบกลมเท่านั้น สำหรับคนที่เป็นลมชักสลบแบบนี้ ให้กลั้นใจรูดใบมา ๑ กำมือ ขยำกับน้ำหยอดหู จมูก ปาก และทาฝ่ามือฝ่าเท้า ถ้าไม่เกินสามชั่วโมงรับรองว่าหายเป็นปกติทุกราย มิน่าล่ะ...ถึงทำเป็นไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย... ได้ยามาอีกหลายขนาน ใครเป็นโรคภัยอะไรตามนี้โปรดทดลองดู ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีเชื้อสายสืบมาถึงพวกเราเป็นแน่ บางอย่างชาวต่างชาติจดลิขสิทธิ์เอาของเราไปแบบหน้าด้าน ๆ จนเราต้องไปซื้อเขาแพง ๆ อย่างน่าเจ็บใจ...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
![]()
ยาแก้หมาเลีย เอ๊ย... มาเลเรีย ใช้ใบกระเพรา ใบบัวบก พริกไทย น้ำหนักเท่ากัน (ถ้าเป็นมาก ล่อซะอย่างละตันก็ได้) ตำ คั้นเอาน้ำแยกไว้ ตำกากยาต่อไปจนละเอียด เอาน้ำลงผสมปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่านิ้วก้อย ตากแห้ง กินสองเวลาเช้า – เย็น ครั้งละสามเม็ด...
ถ้าใช้ใบมะรุมสด ตำกับเกลือเล็กน้อย คั้นเอาน้ำมาหยอดตาให้น้ำตาไหลจะหายเร็วขึ้น ครูบาน้อยแกย้ำว่า ไข้ทุกชนิดถ้าหยอดด้วยยานี้ให้น้ำตาไหล จะหายเร็วขึ้นทั้งนั้น คงเป็นเพราะทนแสบตาไม่ไหว ไม่หายก็ต้องรีบหายกันละ ปัดโธ่...แค่เกลืออย่างเดียวก็แสบจะแย่อยู่แล้ว... ศาลาพระนอน หลังคาเตี้ยเกินไป ต้องยกให้สูงมากกว่านี้ ยาแก้ไอ เอาบอระเพ็ด เปลือกต้นกุ่ม ใบมะขามเปรี้ยว แต่ละชนิดแยกตำ คั้นน้ำทิ้ง เอากากยาไปตากแห้ง แล้วนำผงยาแต่ละชนิดน้ำหนักเท่า ๆ กัน มาผสมกันเข้า กินครั้งละช้อนชาเวลาไอ ใครเป็นโรคไอเรื้อรังทดลองดูได้ ถ้าไม่หายก็ตายแล ยาแก้ความดันสูงทุรังสูง เอ๊ย...แก้ความดันสูงอย่างเดียว ใช้ฝักอ่อนมะขามเปรี้ยว (ส้มมะขาม) กินสด ๆ วันละ ๒ – ๓ ฝักทุกวัน จะช่วยแก้ความดันสูงได้ มัวแต่ซักถามรายละเอียดของยาแต่ละตำรา เล่นเอาได้เวลาทำวัตรเย็นพอดี ตกลงว่าได้นอนแต่หัวค่ำอีกวัน... คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 24-09-2010 เมื่อ 23:01 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|