กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 24-08-2010, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกบรรดาสัตว์ป่าจะกลัวคนเป็นพิเศษ เพราะโดนล่าเป็นประจำ ขนาดกระทิงฝูง ๘-๑๐ ตัว แค่ได้กลิ่นเราหรือได้ยินเสียงเราเหยียบใบไม้ ก็วิ่งป่าแตกเป็นทางไปทั้งฝูงแล้ว

ถ้าเดินเข้าป่าลึกไปสัก ๘ วัน สัตว์จะไม่ค่อยได้เห็นคน เจอหน้าคนก็ละล้าละลังว่า จะหนีดีหรือไม่หนีดี พอเดินลึกเข้าไปสัก ๑๐ กว่าวัน คราวนี้เจอหน้า สัตว์เขาก็ยืนมอง มีคนเขาถามว่ายื่นมือให้เขาดมได้อย่างไร ก็สัตว์เขาไม่หนี และเราต้องอาศัยผ่านไปทางนั้น วิธีดีที่สุด ก็คือยื่นมือให้เขาดม

พวกนี้ความรู้สึกมันไว ถ้าว่าตามด้านจิตศาสตร์ พวกนี้เขารับความรู้สึกของเราได้ แต่ถ้าว่ากันตามวิทยาศาสตร์ ในแต่ละอารมณ์คนเราจะหลั่งสารเคมีออกมาไม่เหมือนกัน แล้วพวกนี้เขาสามารถที่จะสัมผัสได้

พอยื่นมือให้เขาดม เขาเห็นว่าไม่มีอันตรายเขาก็ไป ยื่นมือให้ตัวแรกดม เขาดมจนพอใจแล้วก็ไป ตัวที่สองก็มาดมต่อ จนกว่าจะหมดฝูง พวกนี้เขาแปลก..ถ้าไม่กลัวเรา เขาจะต้องสอดรู้สอดเห็นให้หมดทุกตัว

บางทีไปปักกลด เสียงโครมครามมาแต่ไกลเลย ถ้าคนไม่เคยได้ยินอาจจะตกใจ นกเงือกเขาบินมาฝูงหนึ่ง ๒๐ กว่าตัว เวลานกเงือกบินมาแค่ ๑-๒ ตัว ก็เสียงดังเหมือนเฮลิคอปเตอร์แล้ว นี่ ๒๐ กว่าตัวมาพร้อม ๆ กันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พอมาถึงก็จับยอดไม้ เล่นกันบ้าง ตีกันบ้าง เสียงเกรียวกราวไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2010 เมื่อ 14:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 24-08-2010, 18:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราก็ปักกลดนั่งกรรมฐานอยู่ข้างล่าง ไป ๆ มา ๆ มีนกเงือกตาไวมองเห็นเข้า เขาก็เอียงคอมอง แล้วกระโดดลงมา ทีละกิ่ง..ทีละกิ่ง พอดูจนพอใจแล้วก็บินไป ตัวต่อไปก็กระโดดลงมาอีก ครั้งนั้นนับได้ ๒๒ ตัว

บางทีประมาณสัก ๔ - ๕ โมงเย็น กระทิงก็ลงกินน้ำแล้ว เราจะไปสรงน้ำก็ต้องนั่งดูเขาก่อน ปกติแล้วในที่ที่คนเข้าถึง พวกสัตว์จะลงกินน้ำดึกมาก ประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ถ้าในที่ที่คนเข้าไม่ถึง ๔ - ๕ โมงเย็นก็มาแล้ว สัตว์เขาไม่อดทนอดกลั้นถึงขนาดนั้นหรอก เพราะรู้ว่าที่นั้นไม่อันตราย

บางทีเดินเลาะชายห้วยไป ปลากระสูบตัวยาวเป็นแขน แต่ละตัวรูปร่างเหมือนตอร์ปิโด นึก ๆ ดู ตาข่ายอะไรจะไปดักอยู่ ปลาตัวขนาดนั้นและเป็นร้อย ๆ ตัว ต่อให้ตาข่ายไนล่อนก็คงขาดกระจาย ไม่เหลือหรอก แล้วอีกอย่างถ้าใครใจใหญ่ไปตีอวนดักได้ ก็ไม่รู้ว่าจะแบกมาอย่างไร เพราะว่าหนักเหลือเกิน

เวลาเดินในป่าไม่มีอะไรจะกิน เจอแต่ใบไม้ใบหญ้า ยี่สิบวันกว่าไปแล้ว ทีนี้เจอสัตว์อะไรก็อยากกินหมด เหลืออยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไรสัตว์นั้นจะเป็นลมตายเสียที แต่ดูไปดูมา ที่จะเป็นลมตายน่าจะเป็นเรามากกว่า..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 24-08-2010, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เส้นทางระหว่างทุ่งใหญ่ขึ้นไปอุ้มผาง จะมีป่าใหญ่อยู่ผืนหนึ่ง เป็นป่าทึบมากเลย ท่านโมเช่เคยเดิน ๗ วันกว่าจะพ้นได้

คราวนี้เขาไปกับเรา วันแรกก็หลงทางแล้ว ท่านโมเช่เดินฟันป่าไป ปากก็บ่นไป "ไปกะอาจางที่ไหนก็หลงที่นั่ง" พอถามไปถามมา ได้ยินว่าเดินตั้ง ๗ วันจึงจะพ้น เลยตัดสินใจว่าไม่เอาดีกว่า ชุมนุมเทวดาขอให้เดินผ่านได้เร็ว ๆ

เดินไปเรื่อย ๆ สักสี่โมงเย็นเห็นฟ้าขาว ๆ บอกท่านโมเช่ให้ไปทางนั้น ท่านโมเช่ก็พูดว่า "ฮื้อ..ยังไม่ถึงหรอก" เราก็ชี้ให้ดู พอเดิน ๆ ไปปรากฏว่าทะลุป่า จากที่ท่านโมเช่เคยเดิน ๗ วัน นี่เดินแค่ครึ่งวันเท่านั้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 24-08-2010, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถารักษาโรคมะเร็งของหลวงพ่อฤๅษี ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยินว่ามีคาถา เคยได้ยินว่ามีแต่ยา คาถาว่าอย่างไรจ๊ะ ?

ถาม : ไม่ได้จดมา ไปเจอในเว็บ แล้วก็พิมพ์ออกมา เขาบอกว่าให้รักษาศีลแปดทุกวันพระ แล้วให้ท่องคาถานี้
ตอบ : ไม่เคยได้ยินมาก่อนจ้ะ ถ้าหลวงพ่อบอก ก็คงบอกก่อนอาตมาจะเจอหลวงพ่อ เพราะว่าอะไรที่หลวงพ่อบอกจะจดไว้หมด

ถ้าจะรักษาโรคมะเร็งตามที่หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ อาการจะต้องไม่เกินระยะที่สอง ก็คือ ใชัขมิ้นชันสักหัวแม่มือ ขมิ้นที่เขาใช้แกงนะจ๊ะ ไม่ใช่ที่เขาเอาไว้จิ้มน้ำพริก และหญ้าแพรกกำมือหนึ่ง สองอย่างล้างให้สะอาดแล้วตำให้ละเอียด ละลายด้วยน้ำปูนใสสัก ๓๐ ซีซี. กรองเอาแต่น้ำ กินก่อนอาหารเช้าสักครึ่งชั่วโมง วันละครั้ง สามวันติดกัน ถ้าเป็นมะเร็งหรือมีการอักเสบภายในจะรักษาได้ กินสามวันติดกัน วันละถ้วยเดียว

อย่างที่สอง ถ้าอาการหนักเกินระยะที่สองไปแล้ว ท่านให้ใช้น้ำมันชาตรีอธิษฐานช่วยรักษา กินเข้าไปแล้วถ้าถ่ายโอกาสหายก็มีสูง แต่ถ้ากินแล้วไม่ถ่ายก็ตัวใครตัวมัน เขาให้กินประมาณครึ่งแก้ว


ถาม : กินกี่ครั้ง ?
ตอบ : ครั้งเดียว แต่จะให้ดีก็กินวันละครึ่งแก้วสักหนึ่งอาทิตย์ แต่หลังจากที่มะเร็งหายคงอ้วนน่าดู เพราะเป็นน้ำมันล้วน ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 24-08-2010, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การธุดงค์ที่ผ่านมา มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองเจอตัวอะไร เสียงเหมือนกับนกใหญ่บิน แต่มองไม่เห็นตัว

เวลาประมาณห้าโมงเย็น ปักกลดพักกัน มีกลดของอาตมา ของท่านโมเช่ และฤๅษีบุญทรง มีเสียงเหมือนกับนกบินรอบกลด เหมือนกับเขามาสำรวจว่าใครมาปักกลด พยายามเพ่งอย่างไรก็มองไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงบิน และเส้นทางบินของเขาใบไม้จะไหวตามไปเลย

ตอนหลังไปพยายามค้นคว้าดู ไปได้ยินว่า น่าจะเป็นนกชนิดหนึ่งที่เขาเรียกว่า กาสัก เป็นนกที่ประหลาดมาก คือ ไม่มีใครที่สามารถเห็นตัวเขาได้ ลักษณะคงเป็นนกในจินตนาการแบบการเวกอะไรทำนองนั้น

แต่นกกาสักนั้น ถ้าขนเขาหลุดออกจากตัว เราจะเห็นขนเส้นนั้นได้ แต่ถ้าคนหรือสัตว์ที่มีชีวิตเอาขนเส้นนั้นไป ก็จะมองไม่เห็นคนหรือสัตว์ตัวนั้นไปด้วย ก็แปลว่าขนของเขามีอำนาจบังตาได้

เป็นเรื่องอัศจรรย์ดีเหมือนกัน ไม่นึกว่าในชีวิตจะเจอเรื่องอะไรแปลก ๆ อย่างนั้น อย่างนกอินทรีใหญ่ที่พม่า ตัวขนาดเท่าคนเลย ถึงเวลาพวกเรากำลังนั่งรถไปที่พุกาม สองข้างทางเป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย

ตอนตีห้า เราก็ว่าตัวอะไรสีขาว ๆ แวบไปแวบมาอยู่ข้างถนน ปรากฏว่าเป็นหนู หนูหริ่งตัวเล็ก ๆ มีเยอะขนาดวิ่งจนเราตาลาย แล้วก็จะโดนรถทับแบนเป็นประจำ

พอรถวิ่งจนฟ้าเกือบสว่าง เห็นคนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บนถนนสามคน เราก็ว่าเขามาทำอะไรกันสามคนวะ ? พอรถจี้เข้าไปใกล้ เขาบินพรึ่บขึ้นไปจึงรู้ว่าเป็นนกที่ใหญ่มาก กางปีกยาวเป็นวาเลย เขากำลังเก็บซากหนูที่รถวิ่งทับกินกันอยู่ เราก็เห็นว่าเป็นคนมาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 25-08-2010, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมแปลกใจเรื่องนกกาสัก ที่ขนร่วงไปแล้วได้มาคนอื่นจะมองไม่เห็น ใครเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังครับ ?
ตอบ : บรรดาผู้ที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ "เขาเล่าว่า" กันต่อ ๆ มา แม้กระทั่งที่เกาะพระฤๅษีก็มีตัวประหลาด อาตมาเรียกว่า ปลาไหลบก เพราะไม่รู้จัก ลักษณะเหมือนปลาไหลทุกประการ

ครั้งแรกที่เจอ ออกจากกุฏิมาเข้าห้องน้ำตอนประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน เห็นเข้าก็ว่าน่าจะเป็นงู เลยวิ่งขึ้นกุฏิไปเอาไฟฉายมา กว่าจะย้อนกลับมาดูที่เดิม ระยะเวลานานเป็นนาที ปรากฏว่าเจ้านั่นไปได้แค่ศอกเดียว เลื้อยช้ามาก

พอส่องไฟดูหน้าตาเหมือนกับปลาไหล ตอนที่เข้าไปเอาไฟฉาย อีเห็นที่เลี้ยงไว้กระโดดเกาะไหล่มาด้วย พอเห็นเจ้าปลาไหลบกนั้น อีเห็นก็พุ่งใส่กัดเลือดสาดเลย อาตมาต้องรีบกระชากตัวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเจ้าปลาไหลบกตาย

ตอนหลังไปค้นหนังสือเกี่ยวกับงูในประเทศไทย พบรูปจึงรู้ว่าเขาเรียกว่า เขียดงู เขียดงูของเขาสีออกดำ ๆ แต่ของเราสีเหลืองอร่ามเป็นปลาไหลเลย ยังนึกสงสัยอยู่ว่าจะเป็นพันธุ์ใหม่หรือเปล่า ?

หลังจากนั้นอีกเดือนหนึ่ง คนงานของหน่วยจัดการต้นน้ำตีตายไปอีกตัวหนึ่ง นั่นตัวเท่าหัวแม่มือ เล็กกว่าตัวที่อาตมาเจอเยอะเลย เขาไปร่ำลือกันว่าเป็นงูที่กัดแล้วรักษาไม่ได้ ตายลูกเดียว..! แต่อาตมาดูแล้วน่าสงสารมากกว่า เวลาตั้งนานเลื้อยไปได้ศอกเดียว สุดยอดความเชื่องช้าเลย มิน่า..ว่าถึงต้องออกหากินตอนกลางคืน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 25-08-2010, 10:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ เขียดแลว แถว ๆ ป่าองธิ หลังหมู่บ้านสะพานลาว เขาทำสถิติยิงด้วยปืน ได้ตัวมาน้ำหนัก ๔๐ กิโลกรัม พอมาอีก ๔-๕ ปี ได้อีกตัวหนึ่งหนัก ๓๒ กิโลกรัม

พวกนี้น่าสงสารเพราะตัวใหญ่มาก เวลาตกใจกลัวคนจะพุ่งพรวดเดียวไป ๕๐-๖๐ เมตรเลย เนื่องจากตัวใหญ่ ชาวบ้านเลยต้องใช้ปืนแก๊ปยิงเอา ที่เกาะพระฤๅษีเคยเจอก็สักประมาณสองฝ่ามือ แต่ที่เขาเจอกันน่าจะเป็นตัวปู่ตัวย่าของมันเลย ถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น

ตอนแรกไปที่บ้านซองกาเลีย ในหน้าหนาวชาวบ้านเขาเอาอาหารมาเลี้ยง เราก็เห็นว่ามีน่องไก่ทอดด้วย ที่ไหนได้ ไม่ใช่น่องไก่ทอด แต่เป็นขาเขียดแลวทอดกระเทียมพริกไทย พอเขาบอกว่าเป็นกบ อาตมาก็งง ปกติแถวบ้านเราพอหน้าหนาวแล้วกบไม่มี แต่เขาบอกว่าที่นั่นพอหน้าหนาวแล้วกบจะเริ่มออกหากิน

เรามานึกถึงตัวที่เขากินทั่ว ๆ ไป เราเห็นขายังนึกว่าเป็นน่องไก่ แล้วถ้าตัวใหญ่ ๆ จะขนาดไหนหนอ ? ตอนแรกแปลกใจอยู่ว่าไก่แถวนี้ทำไมกระดูกใส ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 11:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 25-08-2010, 10:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่อยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ บิณฑบาตมักจะได้พวกอาหารป่าเป็นประจำ จะมีอาหารชนิดหนึ่งผัดเผ็ดมา อาตมาคิดว่าน่าจะเป็นปลา เพราะเขาหั่นมาเป็นท่อน ๆ ยาวสักประมาณข้อนิ้ว

แต่พอกินไปแล้วรู้สึกแปลก ๆ ดูแล้วไม่ใช่กระดูกหรือก้างปลาอย่างที่เคยกิน กระดูกเป็นข้อแล้วมีครีบเป็นแฉก ก็เลยสงสัยว่าเป็นตัวอะไร ?

พอสงสัยเขาก็โผล่มา..ตัวเบ้อเริ่มเลย โผล่มาให้เห็น เป็นตัวเงินตัวทอง นั่นเป็นอาหารชั้นดีของชาวบ้านเขา สุดยอดความอร่อยเลย ชาวบ้านเขาสละของดีที่สุดใส่บาตรให้พระ อยู่ที่นั่นใหม่ ๆ บิณฑบาตอาทิตย์หนึ่งได้เจ้าตัวนี้มา ๕-๖ วัน กินมากไปเลยนิสัยชักคล้าย ๆ กับตัวเงินตัวทอง..!

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจะติดเป็นนิสัยเลยว่า ก่อนจะกินอาหารก็ตั้งใจว่า กุศลทั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขออุทิศให้ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของเลือดเนื้อร่างกายที่โดนเขาทำอาหาร เพราะเจ้าตัวนั้นแหละที่โผล่มา แล้วอาตมาอุทิศส่วนกุศลไปให้ ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเคยชิน ถึงเวลาก่อนจะกินต้องอุทิศให้พวกเขาก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2010 เมื่อ 11:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 26-08-2010, 10:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนไปหาหลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก จังหวัดพิจิตร หลวงปู่โง่นท่านปวดท้อง นั่งคลำท้องอยู่ ถามว่า "เป็นอะไรครับหลวงปู่ ?" ท่านบอกว่า "วันนี้เผลอไปว่ะ"

ปกติหลวงปู่โง่นท่านจะฉันเจ วันนั้นโยมเอาข้าวต้มมาให้แล้วมีปลาสลิดปิ้งมาด้วย เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหารมานาน ก็เลยฉันปลาสลิดไปสองซีก หลวงปู่โง่นบอกว่า มันไปอยู่ในท้องแล้วมันก็โวยวายว่า "กินกูทำไม ?"

แต่อาการของท่านที่คนอื่นเห็นก็คือ กำลังปวดท้อง ถ้าเป็นเราได้ยินเสียงอย่างนั้นคงกินอะไรไม่ลงหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 26-08-2010, 10:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงตาบัว ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า หมูที่โดนฆ่าแล้วเขามาหาแม่ชีที่ทำกรรมฐานอยู่ มาบอกว่าเขาเพิ่งโดนฆ่า เดี๋ยววันนี้จะมีพระไปบิณฑบาต แล้วคนฆ่าจะเอาเนื้อนี้ใส่บาตรมาด้วย ให้แม่ชีช่วยบอกพระให้ฉันเนื้อเขาด้วย แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขาหน่อย นี่สั่งไว้เลย

พอถึงเวลาแม่ชีก็ไปถามว่าใครได้เนื้อหมูมาบ้าง ปรากฏว่าได้เนื้อหมูปิ้งมาจริง ๆ แม่ชีก็เลยเล่าให้พระฟัง พอรู้มากเข้า แม่ชีก็สงสัยถามหลวงตาว่า แม่ชีจะเป็นบ้าหรือเปล่า ? คือ แม่ชีรู้ไปทุกเรื่อง หลวงตายืนยันว่า ธรรมะเป็นอย่างนั้นเอง คือ ถ้าเรารับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่เก็บมาใส่ใจก็ไม่มีปัญหาอะไร รู้แล้วไปคิดมากก็จะเครียด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 26-08-2010, 10:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ถามโยมผู้หญิงคนหนึ่งว่า "ก่อนใส่เสื้อตัวนี้ (ซีทรู) ตัดสินใจนานไหม ? ที่ว่าไม่ได้จะตำหนิอะไรหรอก อยากจะบอกว่ากำลังใจที่เราตัดสินใจทำ ถ้าเราเอาไปตัดสินใจเรื่องอื่นก็ใช้กำลังใจเท่ากัน

ฉะนั้น..การที่เราต้องฝืนใจทำความดี ก็ต้องใช้กำลังใจระดับนั้น
ระดับเดียวกับที่ตัดสินใจว่า เอาละวะ..วันนี้เราใส่ตัวนี้แหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 26-08-2010, 10:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ก่อนหน้านี้หนูไปเกาะบนนิพพาน คล้ายกับอารมณ์ตอนอยู่บนโลก ก็คือ การเห็นสภาพความเป็นจริง การยอมรับความเป็นจริง เป็นการยอมรับสภาพความเป็นจริงแต่เป็นเรื่องของพระนิพพาน ก็เลยสงสัยว่ามีอารมณ์นี้ด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าหากว่าอารมณ์ใจเข้าถึงจริง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็อารมณ์เดียวกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 26-08-2010, 10:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้คนเขาลืมเรื่องนิมิตหรือลางสังหรณ์ต่าง ๆ ไปแล้ว ตอนสมเด็จย่าสวรรคต ก่อนนั้นไม่กี่วัน พอดีไปอยู่ที่บ้านโยม โยมเขาเปิดโทรทัศน์ดูข่าวช่องสามอยู่ ผู้ประกาศข่าวทั้งหญิงและชายใส่สีดำทั้งคู่

เราก็เปิดไปช่องที่ต้องการดู เปิดไปปรากฏว่าดำทั้งคู่อีก เปิดกลับมาช่อง ๗ ดูว่ามีอะไรบ้าง ช่อง ๗ กำลังเป็นข่าวนอกสถานที่ ผู้ประกาศหญิงก็ดำทั้งชุดอีก เราก็ว่าจะต้องมีใครสักคนที่จะต้องตาย เป็นบุคคลประเภทที่คนรู้จักกันทั้งประเทศ อีกไม่กี่วันสมเด็จย่าก็สวรรคต

เรื่องทั้งหลายนี้เป็นนิมิตที่น่าจะศึกษากันไว้บ้าง เพราะว่านิมิตบางอย่างเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า สมัยนี้นิยมกันจริง ๆ สีดำ ไม่รู้เป็นอะไร แต่งกันได้แต่งกันดี

ของพวกนี้ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเพราะว่านิมิตบางอย่าง อย่างเช่นว่า ถ้าสัตว์อยู่ ๆ เกิดการแตกตื่น แสดงว่าจะเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงขึ้น ก่อนที่ประเทศลาวจะแตกไม่กี่วัน อยู่ ๆ มีผีเสื้อ (ลาวเรียก แมงกะบี้) บินข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งเราเป็นหมื่น ๆ ไม่กี่วันลาวก็แตก

จะว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ใช่ แต่บังเอิญจนน่าเกลียด เพราะว่าทุกครั้งที่มีเหตุใหญ่จะมีนิมิตบอกก่อน แต่คนมักจะไม่ระแวง พอถึงเวลาเกิดเหตุ จึงรู้ตัวว่าที่แท้เรารู้ก่อนแล้วนี่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 26-08-2010, 10:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า " ห้องน้ำห้องส้วม ภาษาพระเขาเรียกว่า ถาน บางทีก็บอกชัด ๆ ว่าถานพระ ก็คือ ส้วมพระ เป็นคำโบราณ

บางทีเขาก็เรียก เว็จ เว็จมาจากภาษาบาลี ที่เขาเรียกว่า วัจกุฎี ก็คือห้องส้วม บางคำเป็นคำค่อนข้างจะโบราณ หรือมีรากศัพท์มาจากบาลี เราจะไม่เคยชิน พอไม่เคยชิน ฟังแล้วบางทีก็ไม่รู้เรื่อง

สมัยหลวงพ่ออยู่ ท่านบอกว่า ขอเวลาไปนั่งกรรมฐานหน่อย ก็คือ เข้าส้วมนี่แหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 26-08-2010, 10:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องเวลาว่า "จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่ใจเรา เพราะเวลาก็เท่าเดิม

อย่างเวลาเรามีความทุกข์ หรือเวลาที่เรารอ แหม..รู้สึกว่าเวลานานจริง ๆ แต่เวลามีความสุข ก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน

เราจะเห็นเวลาในนรกสัญชีวนรก ๑ วัน เท่ากับ เก้าล้านปีมนุษย์ เพราะโดนทรมานอยู่ตลอด คนโดนทรมานอยู่ รู้สึกว่าเวลานานมาก ส่วนบนสวรรค์อย่างชั้นดาวดึงส์ วันหนึ่งเท่ากับร้อยปีมนุษย์ ทำไมมีความสุขรู้สึกแค่แวบเดียวเท่านั้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 26-08-2010, 10:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นพระรูปเดียวในวัดท่าซุง ที่หลวงพ่อห้ามไม่ให้บอกว่าคนตายแล้วไปไหน และห้ามบอกหวย เพราะไปแผลงฤทธิ์ไว้เยอะ

หลวงพ่อท่านบอกว่า การที่ไปบอกว่าคนตายแล้วไปไหนนั้น มีแค่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไร เพราะว่าถ้าบอกเขาว่าทำดีแล้วไปดี เขาก็สบายใจ ว่าอย่างไรทำดีย่อมไปดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาทำดี ก่อนตายจิตเขาเศร้าหมองแล้วไปไม่ดี เราไปบอก ลูกหลานจะไม่มีอารมณ์ทำดีอีกเลย เพราะว่าพ่อแม่ทำดีมาตลอดชีวิตแต่ต้องมาตกนรก

แล้วหลวงพ่อก็ให้อาตมาไปดูในมหากัมมวิภังคสูตร ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไปชั่วแน่นอน
บุคคลที่ทำดีในอดีต ทำชั่วในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปชั่ว
เพราะว่าความดีในอดีตอาจจะมาส่งผลทัน แบบมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร
บุคคลที่ทำชั่วในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ไม่แน่ว่าจะไปดี เพราะฉะนั้น..ชาตินี้อาจจะเห็นพ่อแม่ทำดีตลอดชีวิต แต่ทำชั่วในอดีตตามมาทัน แวบเดียวเท่านั้นเอง เรียบร้อยเลย
บุคคลทำดีในอดีต ทำดีในปัจจุบัน ถึงจะไปดีแน่นอน

พอไปอ่านแล้ว ที่แท้อย่างนี้เองหลวงพ่อถึงได้ห้าม ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้อาตมาบอกเขามั่วไปหมด ใครถามบอกทั้งนั้น ส่วนเรื่องหวยก็ไปแสดงวีรกรรมไว้เยอะ แต่วันนี้เวลาไม่พอจะเล่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 26-08-2010, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อะไรที่ท่านห้าม ไม่เคยเผลอเลย ไม่ใช่เราไม่เคยเผลอนะ หลวงพ่อท่านไม่เคยเผลอ เราพลาดเมื่อไรท่านก็ฟาดกบาล ตายแล้วตีเจ็บกว่าตอนเป็น ๆ อีก

มีอยู่วันหนึ่งหลวงพี่ประทีปเดินหัวโนมา ถามว่า "โดนอะไรเล่าพี่ ?" พี่ทีปบอกว่า "ป๋าฟาดกบาลเอาสิ" ถามว่า "พี่ไปทำอะไรมา ?" พี่ทีปบอกว่า "กูคิดจะสึก..!"

ก็คือ พอหลวงพ่อตายแล้ว พี่ทีปแกหมดอารมณ์ ภาระก็เยอะ เหนื่อยใจ ท้อ สึกดีกว่า คิดแค่นั้นเอง ท่านมาฟาดเปรี้ยง ไม่พูดไม่จาตีไว้ก่อน

ครั้งที่เราไปพม่าแล้วหัวโน ครูบาน้อยถามว่าอาจารย์ไปโดนอะไรมา ? ก็บอกท่านไปว่า "อ๋อ..สัปหงกหัวไปโขกโดนรถ" ตอนนั้นเราง่วง คนขับก็ง่วง ท่านจะให้เราถ่างตาเป็นเพื่อนคนขับ เราดันไปหลับก็โดนนะสิ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2010 เมื่อ 14:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว