กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-04-2024, 21:15
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,563
ได้ให้อนุโมทนา: 216,949
ได้รับอนุโมทนา 748,065 ครั้ง ใน 36,431 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-04-2024, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ญาติโยมทั้งหลายอาจจะได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนช้าไปหน่อย เหตุเพราะว่ากระผม/อาตมภาพติดอยู่ในงานประจำปีและฉลองพระอุโบสถเก่าที่บูรณะใหม่ ของวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) โดยเฉพาะอยู่ในส่วนของการร่วมอธิษฐานจิต ปลุกเสกวัตถุมงคลในงาน

ด้วยความที่วัดใต้ หรือวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) นั้น สถานที่ค่อนข้างจะคับแคบมาก แล้วเสียงเครื่องเสียงต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งดนตรีก็เสียงดังอยู่รอบไปหมด ทำให้หาที่แอบบันทึกเสียงไม่ได้ จึงต้องรอจนกระทั่งปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อย เดินทางเข้าถึงที่พักแล้ว จึงได้มาบันทึกเสียงอยู่ในขณะนี้

ในเรื่องของงานวัดต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีบรรดางานรื่นเริงต่าง ๆ ภาพยนตร์ ตลอดจนกระทั่งมหรสพอื่น ๆ อย่างเช่นลิเก ดนตรี ลำตัด หรือถ้าเป็นทางเหนือก็มีพวกฟ้อนเล็บ ลอยโคม เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อสารพัดงานสารพัดเสียงประเดประดังกันอยู่ งานนี้จึงเป็นเครื่องวัดอย่างชัดเจนว่า พระเกจิอาจารย์รูปใดที่สมาธิดี ก็สามารถที่จะเข้าสมาธิ ตัดเสียงรบกวนภายนอกไปได้เลย ถ้าหากว่าใครสมาธิไม่ดี ก็จะโดนเสียงภายนอกรบกวนอยู่ค่อนข้างจะมาก

สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ให้อธิษฐานจิตในวันนี้ประกอบด้วย

๑) หลวงพ่อเจ้าคุณประสงค์ - พระเดชพระคุณพระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย ป.ธ.๘) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีฝ่ายธรรมยุต

๒) หลวงปู๋แอ๋ม - พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดน้ำตก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔

๓) พระครูสุภัทรกาญจนกิจ - หลวงพ่อสนองชาติ เจ้าอาวาสวัดเย็นสนิทธรรมาราม ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลลาดหญ้า

แล้วก็กระผม/อาตมภาพ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๒)

ต้องบอกว่าอายุ ๖๕ ย่าง ๖๖ ปี อย่างกระผม/อาตมภาพนั้น ถือว่าเด็กที่สุดในจำนวนพระเกจิอาจารย์ทั้ง ๔ รูป แต่ว่าพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ก็โทรไปย้ำนักย้ำหนาว่า "ต้องมาให้ได้" จึงทำให้ต้องวางมือจากสามเณรภาคฤดูร้อน ให้บรรดาพระพี่เลี้ยงทำการดูแลอบรม แล้วก็วิ่งมาเพื่อที่จะร่วมงานในครั้งนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-04-2024, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของงานวัดที่มีแต่เสียงวุ่นวายดังสนั่นหวั่นไหวไปหมดนั้น ตอนประมาณพรรษาที่ ๓ กระผม/อาตมภาพติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไปยังวัดโพธิ์เมืองปัก ของหลวงพี่พระมหาถวัลย์ ฐิติโก ที่จังหวัดนครราชสีมา วัดโพธิ์เมืองปักนั้นอเนจอนาถยิ่งกว่าวัดใต้อีก เพราะว่ามีที่อยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น สิ่งก่อสร้างเต็มแน่นไปหมด แล้วลำโพงก็หันไปทุกทิศ เสียงดังจนไม่มีที่ให้ไป สมัยนั้นก็ไม่มีปลั๊กอุดหูให้เสียด้วย..!

กระผม/อาตมภาพจึงต้องเดินหาที่เงียบ ๆ เพื่อที่จะได้จำวัด ไม่เช่นนั้นก็เป็นอันว่าจะต้องดูหนังฟังเพลงไปทั้งคืน เพราะว่าถึงไม่อยากดูไม่อยากฟัง ก็จะโดนกรอกหูกรอกเข้าตามาเอง เมื่อเดินไปถึงป่าช้า ปรากฏว่าเขามี "คอนโดผี" อยู่ คำว่า "คอนโดผี" นี่ กระผม/อาตมภาพเรียกเอง ก็คือซองซีเมนต์ที่เขาเอาไว้บรรจุโลงที่ทางเจ้าภาพฝากเอาไว้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเผาหรือว่าจะฝัง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพเห็น "คอนโดผี" ที่เขาทำเป็นซองซีเมนต์ พอที่จะสอดโลงเข้าไปจนสุดได้ แล้วก็สร้างซ้อนกันเป็นชั้น ๆ อยู่ประมาณ ๔ ชั้น ก็ไปเที่ยวเดินส่องหาว่าห้องไหนที่ว่างบ้าง เมื่อเจอก็ตะกายปีนขึ้นไป เอาหัวซุกเข้าไปด้านใน เอาเท้ายื่นมาด้านนอก ช่วยให้ลดเสียงดังสนั่นภายในวัดลงไปได้ สามารถที่จะจำวัดได้อย่างสบาย

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายกลัวผี ก็คงไม่สามารถที่จะหลับลงเหมือนกระผม/อาตมภาพเป็นแน่ แต่เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้น โดนผีหลอกมาตั้งแต่เด็ก เคยชินเสียแล้ว จึงไม่คิดว่าจะมีการโดนผีหลอกที่ไหนน่ากลัวไปกว่านั้นอีก เพราะมารู้ทีหลังว่าบรรดาผีที่หลอกกระผม/อาตมภาพนั้น เป็นเทวดาที่ท่านท้าวมหาราชส่งมาให้รักษากระผม/อาตมภาพเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-04-2024, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพอยากจะกล่าวถึงเรื่องของตลกรายหนึ่ง ซึ่งโดนติดป้ายทวงหนี้กลางห้าง แล้วก็บอกว่าจะไปบวช เพื่อที่จะอยู่ในลักษณะของการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ถ้าในลักษณะอย่างนั้น ไม่สามารถที่จะบวชได้ เนื่องเพราะว่าไม่ผ่านอันตรายิกธรรม ของบุคคลผู้ที่มีสิทธิ์จะบวชได้

เนื่องเพราะว่าพระคู่สวดท่านจะต้องถามว่า

กุฏฐัง เป็นโรคเรื้อนหรือเปล่า ?

คัณโฑ เป็นฝีหนองน่ารังเกียจหรือเปล่า ?

กิลาโส เป็นกลากเกลื้อนที่ติดต่อได้ง่ายหรือเปล่า ?

โสโส เป็นโรคหอบหืดหรือวัณโรคหรือเปล่า ?

อะปะมาโร เป็นโรคลมชักหรือไม่ ?
เหล่านี้เป็นต้น

ตรงนี้ยังเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ว่าในส่วนที่สำคัญก็คือ

มนุสโสสิ เป็นมนุษย์ใช่ไหม ?

ปุริโสสิ เป็นบุรุษใช่ไหม ?

ภุชชิสโสสิ ไม่เป็นทาสใช่ไหม ? คือไม่ใช่ทาสใช่ไหม ?

อะณะโนสิ ไม่เป็นหนี้ใช่ไหม ?

นะสิราชะภะโฏ ไม่ใช่ข้าราชการหนีมาบวชใช่ไหม ?

อนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ พ่อแม่อนุญาตแล้วใช่ไหม ?

ปริปุณณะวีสะติวัสโสสิ อายุครบ ๒๐ ปีถ้วนแล้วใช่ไหม ?

ปริปุณันเตปัตตะจีวะรัง มีบาตรจีวรครบถ้วนแล้วใช่ไหม ?
เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..บุคคลที่เป็นหนี้จึงไม่สามารถที่จะบวชได้ ถ้าหากว่ายังเป็นหนี้อยู่แล้วจะบวชได้ มีวิธีเดียวก็คือ หาบุคคลอื่นมารับสภาพหนี้นั้นแทน ถ้าหากว่าเจ้าหนี้มาทวง จะได้ไปทวงกับบุคคลผู้รับสภาพหนี้นั้น ไม่ใช่มาทวงกับเรา เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-04-2024, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องไผ่แดง ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชได้เขียนเอาไว้นั้น ในงานบวชปรากฏว่ามีผู้ร้องคัดค้านขึ้นมาว่า "บุคคลที่เข้าบวชนั้นไม่บริสุทธิ์ ไม่สามารถที่จะบวชได้" สรุปว่าเป็นหนี้ร้านค้าอยู่ แล้วบรรดาผู้ร่วมงานก็พากันด่าเจ้าของร้านค้าอย่างสาดเสียเทเสีย ในลักษณะว่าเป็นมารมาขัดขวางงานบวช แล้วสอบถามว่าหนี้สินเท่าไร ? จากนั้นก็ช่วยกันเรี่ยไรกันใช้หนี้ร้านค้าไป

เมื่อทางเจ้าของร้านรับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ใส่ซองอนุโมทนา ขอร่วมเป็นเจ้าภาพบวชด้วย บอกว่าอยากให้นาคบวชโดยบริสุทธิ์จริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ หักมุมชนิดเอวเคล็ด ทำให้บุคคลมีอารมณ์ร่วม แทบจะด่าเจ้าของร้านจมดินไปแล้ว..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเรื่องของการบวชพระจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างชนิดที่ว่าอยากจะบวชเมื่อไรก็บวช กระผม/อาตมภาพก็รอดูอยู่ว่า พระอุปัชฌาย์อาจารย์จะแนะนำให้ว่ามีผู้รับสภาพหนี้นั้นแทนหรือเปล่า ? เกรงอยู่อย่างเดียวว่า ถ้ามีผู้รับสภาพหนี้แทน ฝ่ายที่ไปบวชอาจจะสึกหาลาเพศออกมาแล้ว ไม่รับรู้ในหนี้สินส่วนนั้น โดยอ้างว่าบุคคลนั้นรับสภาพหนี้แทนไปตั้งแต่ก่อนบวชแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นเรื่องเป็นราว เป็นข่าวกันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธศาสนาของเรานั้น อันดับแรกเลยก็คือ ไม่ต้องการให้บุคคลที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคติดต่อน่ารังเกียจ เข้ามาบวชกันเป็นจำนวนมาก เพราะว่าจะทำให้คนที่เห็นนั้นเกลียดและกลัว ตลอดจนกระทั่งไม่กล้าเข้าใกล้ อาจจะมองว่าพระพุทธศาสนาเป็นแหล่งรวมคนป่วย หรือแหล่งแพร่เชื้อโรคระบาดชั้นดี

ไม่ต้องการให้บุคคลที่หนีหนี้มาบวช ไม่ต้องการให้ข้าราชการหนีมาบวช เหล่านี้เป็นต้น แม้กระทั่งบุคคลกึ่งราชการ อย่างเช่นผู้ที่ทำงานในการไฟฟ้า การประปา ไปรษณีย์ การรถไฟ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเรียกกันว่ารัฐวิสาหกิจ เป็นส่วนของกึ่งราชการ ก็ยังต้องให้บรรดาผู้บังคับบัญชาทำหนังสือยินยอมให้บวชเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วพระอุปัชฌาย์อาจารย์อาจจะโดนฟ้องร้อง
โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์อาจจะมีโทษถึงขนาดโดนถอดถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์ไปเลยก็ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 05-04-2024, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,916 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ผู้ที่เป็นพระอุปัชฌาย์จึงควรที่จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง ยกเว้นบางพวกที่เก็บอาการไว้ได้ ก่อนที่จะผ่านการอบรม เมื่อผ่านการอบรมไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาในการ "เมคมันนี่" ก็คือทำเงินจากการบวช ถ้าพระอุปัชฌาย์ประเภทนี้ก็จะบวชทิ้งบวชขว้าง ไม่ได้สนใจว่าลูกศิษย์ของตนเองจะมีสภาพเช่นไร หรือว่าเป็นบุคคลที่มีข้อห้ามอย่างไรมาบ้าง พูดง่าย ๆ ว่า "ใครมีเงินใส่ซองถวายก็บวชให้ทั้งสิ้น..!"

สิ่งนี้แหละที่ทำให้พระพุทธศาสนาของเราส่วนหนึ่งต้องเศร้าหมองลงไป เนื่องเพราะว่าผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์นั้น ต้องเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่มาบวช จะต้องอบรมสั่งสอนให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นละอายชั่วกลัวบาป รักศีลของตน มีสมณสารูปที่น่าเลื่อมใส ช่วยกันยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป ไม่ใช่มาอาศัยพระพุทธศาสนาหากิน

ดังนั้น..เรื่องนี้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะติดตามจากข่าวคราวต่าง ๆ ว่าบุคคลผู้นั้นสามารถที่จะบวชได้หรือไม่ ? แล้วผู้ใดกันที่จะยอมเป็นเป้ากระสุนตก ทำตัวเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราก็จะสามารถที่จะเห็นได้ในระยะเวลาอันสั้น หรือไม่ก็บุคคลผู้นั้นก็แค่เพียงโพสต์ลงโซเชียล ในลักษณะเรียกร้องขอความเห็นใจเท่านั้น ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็อาจะจะเจอ "ทัวร์ลง" ชนิดที่รุมถล่มยับเยินไปอีกรอบหนึ่งเป็นแน่

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2024 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว