#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ บางคนเรียกวันศุกร์สิ้นเดือนว่า "วันนรกแตก" สำหรับคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ทราบเหมือนกันว่ารถมาจากไหนมากมายขนาดนั้น แล้ววันอื่น ๆ ไปอยู่ที่ไหน ถึงไม่ได้มากแบบนั้น ?
แต่จะว่าไปแล้ว จำนวนรถในกรุงเทพมหานครมีมากเกินถนนมานานแล้ว สิ่งที่จะแก้ไขได้มีประการเดียว ก็คือต้องจำกัดปริมาณรถ และทำให้ขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบคล่องตัว ไปถึงจุดหมายตรงเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วอีกกี่ชาติก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้ แบบเดียวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแค่เปลี่ยนวาทะกรรมจาก "น้ำท่วม" เป็น "น้ำรอระบาย" ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย เพราะว่าเดือดร้อนเหมือนเดิม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบ้านเราตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ระยะเวลาหลายสิบปีแล้ว จะว่าไปกระผม/อาตมภาพก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ตอนอายุ ๑๗ ปี ถ้าหากว่านับมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลาร่วม ๕๐ ปีเข้าไปแล้ว ไม่ได้เห็นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของประเทศไทยมีอะไรก้าวหน้าขึ้นมาเลย นอกจากตั้งกระสอบทรายป้องกันน้ำ โดยเฉพาะอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ ซึ่งใช้เงินไปเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วทำไมถึงไม่ได้ผลตามโครงการที่วางเอาไว้ ? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ยกให้เป็นภาระหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็แล้วกัน ถ้าถามว่าแข็งแกร่งขนาดไหน ? ก็ขนาดยืนตากฝนได้..! ขอให้ท่านผู้ว่าฯ จงแข็งแกร่งต่อไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯ จากหนักให้เป็นเบา จากเบาให้เป็นหาย วันนี้รู้สึกว่าจะเฉียดใกล้การเมืองมากจนเกินไป ขอเลี้ยวกลับก่อน สำหรับตอนนี้ ปัญหาหนึ่งของทางวัดท่าขนุน ไม่ใช่การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หากแต่เป็นปัญหาของคนที่โทรศัพท์มาถาม อันดับแรกเลยก็คือ "ออกพรรษาหลวงพ่อเล็กจะเข้ากรรมฐาน ๓ วันไหมคะ ?" ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะถามไปทำอะไร ? เพราะว่ากระผม/อาตมภาพได้รับคำสั่งอะไร ก็ทำตลอดชีวิตอยู่แล้ว ประการที่สอง "จะจองที่พักในทองผาภูมิอย่างไรเจ้าคะ ?" กูจะบ้า..! แค่เสิร์ชหาโรงแรมที่พัก หรือว่ารีสอร์ต ข้อมูลก็จะไหลมาเทมาแล้ว มึงมาถามอะไรกับวัด ? ถ้าหากว่าจะประกันความเสี่ยงก็มีอย่างเดียว คือจองทัวร์ของกิฟท์จังพลังเวทย์ ซึ่งเขาจัดไปในช่วงนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการให้พวกเราได้ร่วมงานตักบาตรเทโวที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดกาญจนบุรี บรรจุเป็น Unseen Thailand ไปดูว่าทำไมถึงเป็น Unseen Thailand ? เหตุใดพี่น้องมอญ พม่า กะเหรี่ยง ไทยอีสาน ตลอดจนกระทั่งคนกรุงเทพฯ จึงแห่กันไปตักบาตรเทโวที่วัดท่าขนุน ? ทำไมต้นเทียนกาญจน์ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่เฉพาะที่วัดท่าขนุน จึงได้ออกดอกทุกวันออกพรรษา ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2023 เมื่อ 01:05 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า "ต้นไม้เขารู้" เพียงแต่ว่ากลายเป็นอัศจรรย์ในความรู้สึกของคนอื่น ก็คือดินฟ้าอากาศก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากวันอื่น ๆ แล้วทำไมต้นเทียนกาญจน์ถึงต้องออกดอกในช่วงนั้น ? เมื่อถึงเวลาตักบาตรเทโวก็ชูช่อสีชมพูกันสลอนตา
แบบเดียวกับที่ต้นชัยพฤกษ์ของวัดท่าขนุน รู้ได้อย่างไรว่าเป็นวันหล่อพระ ? ทุกครั้งที่วัดท่าขนุนจะหล่อพระ ต้นชัยพฤกษ์จะต้องออกดอกล่วงหน้า มาบานสะพรั่งช่วงหล่อพระพอดี ทั้งที่การหล่อพระก็ช้าบ้าง เร็วบ้าง ไม่ได้ตรงกันสักปีหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐาน ๓ วัน เมื่อออกมาเป็นเนื้อนาบุญ ญาติโยมส่วนหนึ่งก็อยากจะทำบุญกับพระออกกรรมฐานด้วย แล้วในขณะเดียวกัน ก็เป็นวันที่ทางวัดท่าขนุนจัดทอดกฐินสามัคคีด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่อยากให้ญาติโยมเดินทางไกลบ่อย ๆ เนื่องจากกรุงเทพมหานครถึงวัดท่าขนุนนั้น ถ้าคนไม่เคยไป ก็มักจะนั่งรถจนท้อไปเอง จากกรุงเทพฯ ผ่านนครปฐม ผ่านบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี จนกระทั่งถึงขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีนั้น เป็นระยะทางแค่ ๑๒๖ กิโลเมตรเท่านั้น สมัยก่อนที่เขามีการปรับปรุงทางใหม่ เคยเป็นระยะทาง ๑๒๙ กิโลเมตร แต่จากขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นไปอำเภอทองผาภูมิ เป็นระยะทาง ๑๔๐ กิโลเมตร สมัยก่อนนั้น ถ้าหากว่าช่วงเขาสามชั้นก็จะเป็นปัญหาของคนขับรถ กระผม/อาตมภาพเคยนั่งรถยนต์ของสองพี่น้องที่ผลัดกันขับ เผื่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ไหวจะได้มีคนเปลี่ยน พอขึ้นเขาสามชั้น พี่ชายก็ด่าน้องชายว่า "มึงเหยียบให้เร็วกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรือวะ ? คลานเป็นเต่าเลย" อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่า "ผมเหยียบแล้ว แต่ไปได้แค่นี้เอง" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาสามชั้นนั้น ช่วงทางขึ้นเป็นทางตรงที่ยาวมาก และขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ โดยที่คนขับรถไม่รู้ตัว ไม่ได้ขึ้นลงถี่ ๆ เหมือนอย่างกับทางขึ้นลงเขาทั่วไป จึงทำให้รถยนต์ โดยเฉพาะถ้าไม่เปลี่ยนเกียร์ต่ำ โอกาสที่จะทำความเร็วได้นั้นไม่มีเลย โชคดีที่มายุคปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นรถเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งถ้าหากว่าไม่ไหว ก็มักจะเปลี่ยนเกียร์เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2023 เมื่อ 01:09 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
แต่กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ตั้งแต่ใช้รถเกียร์อัตโนมัติมา กระผม/อาตมภาพเปลี่ยนเกียร์เป็นว่าเล่น ใครที่บอกว่าเกียร์อัตโนมัติ ถ้าไปเปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวระบบอัตโนมัติจะไม่ยอมจดจำ ทำให้เกียร์พัง ต้องเสียค่าซ่อมแพงมาก ขอบอกว่านั่นเป็นแค่สิ่งที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมาเท่านั้น กระผม/อาตมภาพเปลี่ยนมาไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน ไม่เห็นจะพังสักที
ดังนั้น..ถ้าหากว่าการเดินทางที่ไกลและยากขนาดนั้น จึงไม่อยากให้โยมเดินทางไปตักบาตรเทโว ๑ ครั้ง ทอดกฐินสามัคคีอีก ๑ ครั้ง ทันทีที่กระผม/อาตมภาพขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ก็จัดให้มีการตักบาตรเทโวและทอดกฐินสามัคคีในวันเดียวกันเลย นอกจากอำนวยความสะดวกให้แก่ญาติโยมที่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องเสียเวลาหลายครั้งแล้ว บรรดาพระภิกษุสามเณรที่จะสึกยังชอบใจมาก เนื่องเพราะว่าทันทีที่ออกพรรษา วันรุ่งขึ้นก็ทอดกฐินแล้ว หลายคนก็ยังติดธรรมเนียมว่าต้องรับกฐินก่อน ถึงจะสึกหาลาเพศได้ ก็ทำให้ทุกคนสบายใจมาก มองหาวันสึกล่วงหน้าได้เลย แต่ขอให้ฟังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเตือนเอาไว้หน่อย เนื่องเพราะว่าสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุงนั้น มีพระภิกษุวัดท่าซุงรูปหนึ่งไปขอสึกในวันตักบาตรเทโว พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่าให้เลื่อนไปสึกวันอื่น วันตักบาตรเทโวนั้น โบราณถือว่าเป็นวันพระพุทธเจ้าเปิดโลก ตั้งแต่พระนิพพานยันอเจวีแทงตลอดถึงกันหมด สันดานคนโดยปกติแล้ว มักจะไหลลงสู่ที่ต่ำ จึงไม่สมควรที่จะใช้ฤกษ์นี้ในการสึกหาลาเพศเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต แต่ปรากฏว่าพระรูปนั้น ไม่ทราบว่าเกิดร้อนผ้าเหลืองอะไรขึ้นมา จึงไม่ยอมเชื่อฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ หนีไปสึกกับหลวงปู่สำราญ ซึ่งตอนนั้นเป็นพระครูวิชาญไชยคุณ เจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า สหธรรมิกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เอง ซึ่งภายหลังหลวงปู่สำราญท่านก็ได้เลื่อนเป็นท่านเจ้าคุณพระมงคลไชยสิทธิ์ เมื่อหลวงปู่สำราญทำการสึกหาลาเพศให้ ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน ไอ้ทิดท่านนั้นก็เสียชีวิต เนื่องเพราะว่ากลับไปทำงานเดิมก็คืออยู่กับเรือประมง เดินพลาดแล้วตกจากไม้ที่พาดอยู่ระหว่างท่าเรือกับเรือประมง ตอนช่วงที่ตกลงไปนั้น คางกระแทกกราบเรือ คอหักตาย..! จึงกลายเป็นเรื่องที่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุงรุ่นเก่า ๆ มักจะเตือนกันต่อ ๆ มาว่า "อย่าได้สึกหาลาเพศในวันตักบาตรเทโวเป็นอันขาด" พระวัดท่าขนุนก็จดจำเรื่องนี้ หาฤกษ์พรหมประสิทธิ์ที่อยู่หลังวันตักบาตรเทโวได้วันไหน เห็นว่าเหมาะสมกับตนเอง ถึงเวลาก็มาขอสึก ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่เคยห้ามสักคนเดียว เนื่องเพราะว่าเคยประสบมาก่อนด้วยตนเองว่า เวลานึกอยากจะสึกนั้น ต้องไปให้ได้เดี๋ยวนั้นเลย แม้ให้อยู่ต่ออีกวินาทีเดียว ก็ไม่มีกำลังใจที่จะอยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2023 เมื่อ 01:29 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นคนดื้อ ในเมื่อหลวงพ่อวิรัช (พระปลัดวิรัช โอภาโส) ซึ่งท่านเป็นสุดยอดหมอดูลายมือคนหนึ่ง ระบุว่าวันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น กระผม/อาตมภาพจะสึก กระผม/อาตมภาพจึงท้าขึ้นมาว่า "แล้วถ้าผมไม่สึกจะว่าอย่างไร ?" หลวงพ่อวิรัช ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกท่านว่า "หลวงพี่" ก็บอกว่า "ถ้าท่านไม่สึก ผมยอมเผาตำราทิ้งเลย..!"
ความจริงก็น่าเสียดายมาก เพราะว่าหลวงพ่อวิรัชท่านสะสมลายมือของลูกค้าไว้เป็นพัน ๆ รายตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่อเมริกา เมื่อท่านต้องไปสร้างวัดธรรมยานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงมาขอถอนคำพูด บอกว่าขออนุญาตกลับไปดูหมอตามเดิม เนื่องเพราะว่าต้องหาเงินสร้างวัด กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร "นิมนต์หลวงพี่ตามสบายเลยครับ" ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าหลวงพ่อวิรัชท่านสร้างวัดธรรมยานใหญ่โตมโหฬารนั้น นอกจากพระ พรหม เทวดา หรือหลวงพ่อฤๅษีฯ และครูบาอาจารย์สงเคราะห์แล้ว ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่ท่านดูหมอให้นั่นเอง แต่ว่าเรื่องพวกนี้อย่าไปรบกวนท่านเลย เพราะว่าปีนี้อายุกาลผ่านวัยของท่านก็ ๗๐ กว่าปีแล้ว มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ จะกลายเป็นการรบกวนพระ แล้วทำให้เกิดกรรม จนเราเดือดร้อนเองเปล่า ๆ ดังนั้น..ท่านที่ตั้งใจจะไปร่วมงานออกกรรมฐาน ตักบาตรเทโว และทอดกฐินวัดท่าขนุน ถ้าจะเอาให้ปลอดภัย ก็จองทัวร์ของกิฟท์จังพลังเวทย์ เพราะว่าเขามีการจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และไม่ได้ไปวัดท่าขนุนที่เดียว บางท่านอาจจะเห็นว่าค่าทัวร์ค่อนข้างสูง ความจริงเขากินไปเที่ยวไปตลอดระยะเวลา และตลอดระยะทางในโปรแกรมทัวร์นั้น ใครที่เป็นบุคคลสาย "ชิลด์" ต้องการที่จะไปแบบสบาย ๆ กินไปเที่ยวไป สามารถที่จะไปกับทัวร์คณะนี้ได้ ซึ่งถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพอยู่ บางทีก็สนับสนุนด้วยการมอบวัตถุมงคลให้ด้วย แล้วในวันนั้นก็น่าจะอยู่อย่างแน่นอนอีกต่างหาก ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าเคยไปร่วมงานของทางด้านกิฟท์จังพลังเวทย์ ก็จะเห็นว่าเรามีการจับสลากรางวัลต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นของแถมติดปลายนวมให้ด้วย ก็โปรดพิจารณากันเอาเองว่าจะไปเสี่ยงดวงเอาข้างหน้า หรือว่าจะประกันความเสี่ยงด้วยการกินไปเที่ยวไป ก็ตามแต่ท่านจะเห็นสมควร สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2023 เมื่อ 01:31 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|