#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดพระธาตุโพธิ์ทอง (ธ) หมู่ที่ ๑๒ ตำบลจระเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมในการประเมินยกบ้านโพธิ์ทองขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ
สถานที่นี่มีปัญหาตั้งแต่ตรงชื่อบ้านจระเข้สามพัน ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่ามีจระเข้จำนวนมากมายถึงสามพันตัว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ จระเข้สามพันในที่นี้คือสามสายพันธุ์ ก็คือจะมีจระเข้ตีนเป็ด ซึ่งระหว่างนิ้วเท้าทั้งหน้าหลังนั้นจะมีพังผืดคั่นอยู่ จระเข้ตีนไก่ ซึ่งไม่มีพังผืดในระหว่างนิ้วเท้า และจระเข้ผสม ก็คือเท้าหน้าเป็นตีนเป็ด เท้าหลังเป็นตีนไก่ หรือว่าเท้าหน้าเป็นตีนไก่ เท้าหลังเป็นตีนเป็ด ซึ่งถ้าหากว่าเป็นพันธุ์ตีนเป็ดแล้ว ก็จะอยู่ในลักษณะของจระเข้ที่เชื่องมาก สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็ก ๆ เพิ่งจะรู้ความ อายุก็น่าจะประมาณ ๓ - ๔ ขวบ อยู่ที่บ้านของป้า ริมแม่น้ำสวนแตง ก็จะมีจระเข้ตีนเป็ดนอนอยู่แถวบริเวณท่าน้ำ ซึ่งชาวบ้านก็ไม่มีใครกลัวเลย เนื่องเพราะว่าเป็นจระเข้ที่ไม่ทำร้ายคน โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพ ถ้าวันไหนอยากกินกุ้งฝอย ก็จะเอาสวิงไปช้อนที่ใต้ท้องจระเข้ เนื่องเพราะว่าจระเข้บางทีก็ลอยตัวนิ่ง ๆ อยู่ในน้ำ แล้วเมื่ออยู่นาน ๆ ก็ทำให้เกิดตะไคร่ขึ้นตามลำตัวของจระเข้ เป็นที่อาศัยของบรรดากุ้งฝอยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจระเข้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ปล่อยพวกเราช้อนกุ้งกันไปตามสบาย กระผม/อาตมภาพมาพิจารณาดูแล้วว่า สมัยนั้นด้วยความที่ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ถ้าหากว่านับปลาที่บริเวณแม่น้ำสวนแตง หน้าบ้านของคุณป้าแล้ว น่าจะมากพอ ๆ กับวังมัจฉาตามหน้าวัดสมัยนี้..! ในเมื่อมีปลามากมายขนาดนั้น จระเข้กินอิ่มอยู่ทุกวัน จนกระทั่งไม่รู้จะไล่กัดคนไปทำอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะว่าจระเข้ตีนเป็ดนี้เป็นจระเข้ที่เชื่องจริง ๆ ก็ได้ มักจะชอบนอนนิ่ง ๆ อ้าปากตากแดดอยู่บนชายฝั่ง หรือไม่ก็ลอยตัวนิ่ง ๆ อยู่แถวใกล้ ๆ ท่าน้ำ บางทีเด็กรุ่นพี่โต ๆ หน่อย ใจกล้า ก็กระโดดขึ้นเกาะหลังเลยก็มี..! แต่ว่าในส่วนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ น้องชายของพี่สะใภ้คนที่สอง ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปได้วิธีการมาจากไหน จึงเอามะละกอไปต้มจนกระทั่งสุก เมื่อต้มน้ำเดือดจนสุกดีแล้ว เห็นจระเข้อ้าปากอยู่ ก็โยนเข้าปากจระเข้ไป ไม่ทราบว่าจระเข้เกิดความตกใจหรืออะไรก็หุบปาก กลืนเอามะละกอต้มนั้นลงท้องไป แล้วสักพักหนึ่งก็ดิ้นรนจนน้ำแตกกระจายอยู่ตรงนั้นเอง หลังจากนั้นไม่นาน จระเข้ตัวนั้นก็ตาย ลอยขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องความซนของเด็กต่างจังหวัดหรือเด็กบ้านนอก แต่ไม่ได้คิดว่าจะไปทำร้ายสัตว์จนกระทั่งถึงตายไปขนาดนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2023 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แบบเดียวกับที่ไปซุ่มดูนกแร้งกินหมาตาย แล้วก็เอาไม้โสนไล่ตี นกแร้งเป็นนกใหญ่ กว่าจะบินขึ้นได้ต้องมีระยะทางให้วิ่ง เพื่อที่จะกระพือปีกยกตัวเองขึ้นไป ซึ่งเด็กซน ๆ ก็มักจะวิ่งเร็วกว่า แล้วก็มักจะทุบตีนกแร้งจนกระทั่งบอบช้ำสาหัสไปเลย โดยที่เอาแต่ความสนุกอย่างเดียว ไม่ได้คิดอะไร
บางทีก็จับงูเขียวปากจิ้งจก เอาหัวไปจิ้มขี้ควายเละ ๆ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่างูเขียวปากจิ้งจกนั้นเกลียดขี้ควายอะไรหนักหนา ถ้าหากว่าตัวไหนโดนจับเอาหัวไปจิ้มขี้ควาย ก็จะไล่กัดเด็กคนนั้น จนกระทั่งต้องวิ่งหนีกันแตกกระเจิง ทั้ง ๆ ที่งูเขียวปากจิ้งจกกัดอย่างเก่งก็เจ็บ ๆ คัน ๆ ถลอกเป็นแผล เลือดซิบ ๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นวิธีการเล่นของเด็กบ้านนอก แต่ว่าเป็นการเล่นที่ค่อนข้างจะอุตริ ทำให้สัตว์เดือดร้อนบ้าง ถึงตายบ้าง เป็นต้น ก็ขอให้เข้าใจว่าตำบลจระเข้สามพันนั้นมีที่มาจากจระเข้สามสายพันธุ์ ไม่ใช่จระเข้สามพันตัว เมื่อถึงเวลา พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนมงคล (นพปฎล กตสาโร) ที่ปรึกษาโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่วันนี้เดินทางมาร่วมด้วย ก็เป็นประธานในการนำสวดมนต์ ไหว้พระ และเปิดการตรวจประเมิน กระผม/อาตมภาพเมื่อเห็นพระครูธรรมธรอุทัย อุทโย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุโพธิ์ทอง (ธ) และท่านพระครูอุดมศาสนกิจ เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี (ธ) ก็รู้สึกว่างานประเมินในหมวด ๓ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรมของตนเองนั้น วันนี้คงไม่ต้องประเมิน ให้คะแนนเต็มไปเลยก็ได้..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านพระครูอุดมศาสนกิจ เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี (ธ) และท่านพระครูธรรมธรอุทัย อุทโยนั้น สมัยก่อนเคยธุดงค์ร่วมกับกระผม/อาตมภาพมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเดินในช่วงบ้านน้ำพุ บ้านน้ำเอ่อ บ้านไกรเกรียง หรือแม้กระทั่งทะลุเข้าไปในห้วยขาแข้ง โดยเฉพาะท่านพระครูธรรมธรอุทัย อุทโย นั้น เคยนำเรือพายไปส่งกระผม/อาตมภาพที่ริมเขื่อนศรีนครินทร์มาแล้ว เนื่องเพราะว่าถ้าหากเราเดินเลาะริมน้ำไป ก็จะเป็นระยะทางที่ยาวไกล แต่ถ้าหากว่าพายเรือ จะลัดตัดตรงไปในเวลาไม่นานเท่านั้น เพื่อที่จะเดินต่อเข้าไปในห้วยขาแข้ง ดังนั้น..เมื่อเจอหน้ากัน ก็ยังมารำลึกถึงความหลังกันว่า เมื่อ ๓๐ ปีก่อน เราเคยธุดงค์ร่วมกันไปที่นั่นที่นี่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2023 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..ในเรื่องปฏิปทาการปฏิบัติของพระสายวัดป่าธรรมยุต การปฏิบัติธรรมเข้มงวดแบบไหนก็รู้กันอยู่ กระผม/อาตมภาพจึงได้เปลี่ยนจากการที่จะตรวจประเมินตามข้อมูล มาขออนุญาตสัมภาษณ์ญาติโยม ๒ ราย ซึ่งเป็นโยมผู้ปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุโพธิ์ทอง (ธ) แห่งนี้
ปรากฏว่าคำถามของกระผม/อาตมภาพนั้น โยมตีความไม่แตก จึงทำให้ตอบตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง จึงต้องเปลี่ยนแนวคำถามใหม่ เนื่องเพราะตอนแรกถามว่า "ปฏิบัติธรรมสายไหน ? มีหลักการและวิธีการอย่างไร ?" เมื่อโยมตอบแล้วก็จะถามต่อไปว่า "เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วมีประโยชน์อะไรต่อตนเองบ้าง ?" แล้ว "ประโยชน์ต่อตนเองที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นคืออะไร ?" เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อโยมตอบไม่ตรงคำถาม จึงต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า "เมื่อโยมปฏิบัติธรรมไปแล้ว อันดับแรกเลย เมื่อเข้าถึงความสงบ สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้นานเท่าไร ?" ญาติโยมก็ยังคงไม่เข้าใจอีก บอกว่าครูบาอาจารย์สอนให้ดูจิตอย่างเดียว แสดงว่าไม่เข้าใจว่า ระหว่างที่จิตสงบกับจิตไม่สงบนั้นเป็นอย่างไร กระผม/อาตมภาพจึงต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า "เมื่อปฏิบัติธรรมไปแล้ว เวลาทำงาน เจอแรงกระทบ สามารถทนต่อแรงเสียดทานได้ดีขึ้นหรือไม่ ?" เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าญาติโยมนักปฏิบัติธรรมไม่เข้าใจในคำถาม ต่อให้ตนเองทำได้ ก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนั้นได้อยู่ดี หลังจากนั้นแล้วทางด้านพระเดชพระคุณพระธรรมรัตนมงคล ที่ปรึกษาโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ประธานคณะกรรมการอำนวยการกลางโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ และพระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ, ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ.๙) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หน (กลาง) ก็นำพวกเราไปดูนิทรรศการและดูงานที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่กระผม/อาตมภาพขออนุญาตไม่ดูงานด้วย เพราะว่าต้องวิ่งมาดูความพร้อมในการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบที่วัดบ้านทวน หมู่ที่ ๒ ตำบลพนมทวน อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้จะมาถึงคิวของจังหวัดกาญจนบุรีของตนเองแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2023 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
แต่เมื่อไปถึง ปรากฏว่าเจอพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พระครูวิบูลกาญจโนภาส เจ้าคณะอำเภอท่ามะกา ตลอดจนกระทั่งพระสังฆาธิการหลายรูป กำลังดูความเรียบร้อยของงานอยู่ กระผม/อาตมภาพก็เบาใจ ได้แต่กำชับญาติโยมทั้งหลายที่เร่งรีบแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ให้ดูว่าไม่ต้องรีบขนาดนั้น วันนี้กระผม/อาตมภาพแค่มาดูความเรียบร้อยเท่านั้น พรุ่งนี้ถึงจะมาตรวจประเมินและให้คะแนนกัน
เนื่องเพราะว่าญาติโยมเห็นกระผม/อาตมภาพติดป้ายคณะกรรมการตรวจประเมิน ก็เลยคิดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันนี้ จึงมีทั้งการทำดอกไม้ มีการพับใบเตย มีการสีข้าว ตำข้าว มีการประกอบเกวียน มีการทำข้าวต้มมัด เหล่านั้นเป็นต้น เพียงแต่กำชับกับญาติโยมว่า พรุ่งนี้ช่วงมื้ออาหารเช้าและเพล ให้มีข้าวต้มมัดที่ทำในที่นี้ไว้ด้วย หลังจากนั้นก็ได้ขออนุญาตพระเถรานุเถระ เพื่อเดินทางกลับเข้าสู่ที่พักของคืนนี้ที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องเพราะว่าห่างจากวัดบ้านทวนไม่มากนัก เมื่อพักอยู่ที่นี่ สามารถที่จะเดินทางไปร่วมงานได้สะดวก เมื่อเดินทางมาถึง จึงรีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้แก่ญาติโยมเสียก่อน หลังจากนั้น ถึงจะได้พักผ่อนกันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2023 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|